xs
xsm
sm
md
lg

อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ผมเชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ จากภยันตรายที่มองเห็นได้ชัดในไม่ช้า clear and immediate danger สู่ภยันตรายที่แน่นอนอันจะเกิดได้ทุกเวลา clear and present danger และกำลังคืบคลานไปสู่ปล่องหรือ threshold ของความโหดร้ายเลือดนองแผ่นดิน violent clash and bloodshed

การนองเลือดนั้นอาจเกิดจาก flashpoint เรื่องหนึ่งเรื่องใดที่อาจจะเล็กน้อยไม่สลักสำคัญเลยก็ได้ แต่จะลุกลามขึ้นจนเกิดนองเลือด ซึ่งอาจจะเกิดวันนี้ พรุ่งนี้ สัปดาห์นี้ เดือนนี้ เดือนหน้า หรือเมื่อหนึ่งเมื่อใดก็ได้ทั้งสิ้น หากยังไม่กำจัดปัญหาพื้นฐานที่เป็นปัจจัยให้เกิด flashpoint ขึ้นมา

คุณทักษิณครับ บัดนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความเชื่อ ความคิดหรือความฝังใจหรือ perception ของประชาสังคมไทยที่หลากหลายทั้งสูงและต่ำทั้งลึกและกว้าง มิได้จำกัดอยู่ที่เมืองไทยรายสัปดาห์ หรือพันธมิตรประชาธิปไตย ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าท่านอดีตนายกฯคือปัญหาของประเทศไทย ถ้าหากจะเกิดการนองเลือดเมื่อใดก็เพราะความขลาดเขลาของท่านและบริวารผู้อาลัยอามิสอำนาจไม่กี่คน ท่านเป็นคนแรกที่จะสามารถจะปลดชนวนการนองเลือดได้ถ้าท่านมีสติ หิริโอตตัปปะและสามัญสำนึก

หันมามองโลกแห่งความเป็นจริงสักนิดเถิดครับ

ผมใคร่ขอร้องท่านอดีตนายกและบริวาร ผู้ร่วมชุมนุมประท้วงทั้งสองข้าง พี่น้องตำรวจทหารว่า คราวนี้อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลยอย่าใช้การนองเลือดเป็นเงื่อนไขและเงื่อนเวลาของการคืนสู่ปกติสุขและสร้างศานติสุขเลย


ผมอยากเสนอให้คนไทย โดยเฉพาะชนชั้นนำที่เกี่ยวข้องหรือมีความหมายต่อการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ข้าราชการ นักสมัครผู้แทน นักวิชาการ สื่อมวลชน พ.ต.ท.ทักษิณและบริวาร อย่าพากันเอาความเท็จมาหลอกกันเอง หลอกประชาชนเสียจนกระทั่งตนเองหลงเชื่อไปด้วย จะต้องมองปัญหาการเมืองให้ถูกที่ คือที่ตัวปัญหา (คือโครงสร้าง องค์ประกอบและพฤติกรรมของระบบ) ไม่ใช่ที่ตัวบุคคล ยกเว้นตัวบุคคลนั้นจะครอบงำและสร้างปัญหาให้กับระบบ จนตัวเองกลายเป็นสัญลักษณ์และเนื้อแท้ของระบบอย่างที่ทักษิณกำลังถูกกล่าวหา การมัวแต่ประณามหรือเชียร์แต่ตัวบุคคล เอาตัวบุคคลเช่นตัวของอดีตนายกฯเป็นประเด็นของการต่อสู้ นั่นจะยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหา ในขณะเดียวกัน อย่ามองข้ามความดีของเมืองไทย

เมืองไทยนี้ดี เพราะคนไทยนี้ดี ถึงเวลาเอาจริงแล้ว คนไทยนี้กล้า คนไทยนี้เสียสละ คนไทยนี้พูดกันรู้เรื่อง!
เมืองไทยนี้ดี เพราะดินก็ดี น้ำก็ดี อากาศก็ดี คนก็ดี ทรัพยากรก็ดี พระเจ้าแผ่นดินก็แสนประเสริฐ


ในขณะเดียวกัน อย่าพากันมองข้ามจุดอ่อนของเมืองไทยเรามักจะหลอกตนเอง หลงตนเอง สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบซ่อนเร้นความจริง ยอมรับเสียเถิด ถึงบ้านเมืองเราจะมีดีสารพัดอย่าง แต่เราขาด และไม่เคยมีการเมืองที่ดี

เมืองไทยอยู่ใต้อาณัติของทักษิณหรือระบบทักษิณมา 5 ปี ถ้าใครคิดว่าระบบทักษิณเป็นประชาธิปไตย ขอให้ฟังคุณเสนาะ เทียนทองสักนิดว่า ระบบทักษิณจับรัฐมนตรีและส.ส.เข้าคุกเป็นทาส ระบบพรรคไทยลักไทยของทักษิณเป็นระบบ “รวมศูนย์ รวบอำนาจเป็นทาสหัวหน้า” ครม.ก็เป็นแบบ “รวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสนายกฯ” ระบบบริหารราชการแผ่นดินซีอีโอก็เป็นแบบ “รวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสรัฐบาล”ก่อนหน้านั้น ยุคหลัง รสช.เราก็มีรัฐบาลผสมลุ่มๆ ดอนๆ ของแก๊งเลือกตั้งที่เรียกตนว่าพรรคการเมือง ภายใต้รัฐธรรมนูญอภิชนาธิปไตย (ของคนชั้นสูงมีเงินและปริญญา) ที่สังคมไทยหลงปลื้มว่าเป็นรัฐธรรมนูญประชาชน

นับย้อนหลังไปอีก 60 ปี เรายังเป็นประชาธิปไตยไม่สำเร็จ แปลว่าเรายังไม่เคยมีประชาธิปไตย แปลว่าสังคมไทยและคนไทยทุกคน -ทหาร ข้าราชการ ประชาชน ผู้นำและผู้ตาม-ขาดโอกาสและไม่เคยอยู่ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผู้นำการเมืองปัจจุบันก็มิใช่ข้อยกเว้น พรรคการเมืองก็มิใช่ข้อยกเว้น หนังสือพิมพ์ก็มิใช่ข้อยกเว้น เพราะฉะนั้น อย่าได้หมายว่าใครจะสามารถเลิศลอย ถึงกับจะผูกขาดการแก้ปัญหาประชาธิปไตยให้ชาติได้ อย่างที่ทักษิณคุยโว ต่อให้สิบทักษิณ

เราโฆษณากับชาวโลกได้ว่า การปฏิวัติรัฐประหารในเมืองไทยก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารธรรมดาๆ เท่านั้น ราบรื่น ไม่เจ็บปวด ไม่เสียเลือดเนื้อ แต่เราไม่ควรหลอกตัวเอง และไม่ควรลืมความจริงว่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวสยามของชาติไทย และของเมืองพุทธ เมื่อการเมืองถึงทางตัน เมื่อการเมืองกลายเป็นเพียงเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มของบุคคล การต่อสู้ก็ดุเดือดโหดร้ายสูญเสียไม่แพ้ชาติใดๆ เลือดไทยเคยไหลนอง คนไทยเคยตายเป็นเบือด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง น่าเศร้าเสียดาย

ตั้งแต่ 2475 เป็นต้นมา การสูญเสียจริงๆ หรือการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น คิดแล้วขนหัวลุกด้วยความสยดสยอง บวรเดชกี่ศพ 14 ตุลากี่ศพ 6 ตุลากี่ศพ ฉลาด-อรุณกี่ศพ และยุคพลเอกเปรม หากมิได้พระบารมีปกเกล้าจะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และครั้ง 23 กุมภานี้ (รสช.) อย่าหลงภูมิใจเลยครับ บังเอิญผู้นำเหล่าทัพเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหมด และพลเอกชาติชายเล่นกับไฟ และถูกหาว่าบุฟเฟ่คาบิเนตตัวการคอร์รัปชัน

ผมเป็นคนรักสงบ ยึดมั่นในสันติวิธี แต่ได้มุ่งเรียนประวัติศาสตร์การสงคราม ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี วิวัฒนาการของอาวุธ และการสู้รบทั้งนอกแบบในแบบทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมทั้งเรื่องของการปฏิวัติและการสู้รบทางการเมือง ผมขอเสนอข้อสังเกต ดังต่อไปนี้

หนึ่ง ในสังคมต่างๆ แม้สังคมนั้นๆจะแตกต่างไม่เหมือนกัน แต่ การต่อสู้ ความสูญเสีย และความโหดร้ายทารุณของการต่อสู้ทางการเมือง มักจะมีแบบฉบับ วิธีการ ขนาด (สัดส่วน) และทิศทางในแนวเดียวกันทั้งสิ้น นั่นก็คือ รูปแบบจากการใช้กำลังไปสู่การใช้ความอดทนไปสู่การใช้ปัญญา เริ่มต้นจากฝูงชนปราบกันเองเพื่อแย่งชิงเป็นผู้นำ ผู้นำปราบฝูงชนเพื่อรักษาอำนาจ ผู้นำฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งอำนาจ ประชาชนสู้กับผู้นำ และประชาชนสู้กับประชาชน วิธีการต่อสู้และความสูญเสียก็ขึ้นกับความเป็นมาความเจริญในสังคม วิวัฒนาการและประเภทของอาวุธ ประเภทของคู่ต่อสู้ เริ่มจากใครมีกำลังกว่า ใครมีอาวุธดีกว่า การจัดองค์กรปราบปรามและการต่อสู้ กองทัพสู้กองทัพ กองโจรสู้กองทัพ การจับตัว การก่อวินาศกรรม การลอบสังหารและสงครามกลางเมือง

สอง ความโหดร้ายทารุณและความยืดเยื้อยาวนานมักจะขึ้นกับปัจจัย 2 อย่าง คือ

ความเหมือนกัน หรือแตกต่างกันขององค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ จำนวนของผู้ใช้อำนาจและประชาชนพลเมือง กับ ทางเลือก ของสังคมนั้นๆ ว่ามีมากหรือน้อยต่างกันอย่างไร ถ้าสังคมมีความยืดหยุ่นน้อยก็เจ็บตัวมาก ถ้ามีเสรีภาพมาก มีทางเลือกมาก ก็เจ็บตัวน้อย

อยากจะให้พวกเราช่วยกันคิดว่า วันนี้เมืองไทยอยู่ที่จุดใดของทั้งสองเรื่องนี้

ผมเสียดายเวลา เสียดายความดีของเมืองไทย และสงสารคนไทยที่พลอยจะต้องมานั่งวิตกวิจารณ์สงสัยว่า คนไทยพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้นำการเมืองไทยไม่เข้าใจภาษาไทย ตะแบงเพราะติดยึดอำนาจ โลภะ โมหะ โทสะ ถึงแม้ผลได้ผลเสียระยะสั้นระยะยาวต่อสังคมจะตามมาในรูปใด ก็ไม่คำนึง ไม่มีเวลาคิด เพระเลือดเข้าตา ไม่ยอมรับรู้อะไร รู้แต่ว่า ศึกครั้งนี้แพ้ไม่ได้ แม้จะไม่มีคู่ต่อสู้ก็ตาม การเมืองไทยกลายเป็นระบบการเมือง “โดยลูกน้อง เพื่อลูกน้อง และของลูกน้อง” แต่ลูกน้องทั้งหมดมิใช่เสรีชน ล้วนแต่เป็นทาสของนาย เพื่อนาย ซื่อสัตย์ต่อนายทั้งสิ้น

ต่างก็อ้างความแตกต่างอยู่อย่างเดียว คือนิยามของคำว่าประชาธิปไตยไม่เหมือนกัน เพราะทักษิณอ้างว่า ทักษิณคือสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย และประชาธิปไตยต้องตัดสินด้วยการเลือกตั้งอย่างเดียว จะชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมมิใช่ประเด็น

ก่อนที่จะจบ ผมใคร่จะพูดว่า ในร่างกายมนุษย์นั้นมีจิตวิญญาณอยู่ทุกคน แข็งบ้าง อ่อนบ้าง ดีบ้าง เลวบ้าง หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง ฟังความบ้าง ดื้อบ้าง คละกันไป แม้แต่ในตัวคนเดียวก็มีหลายอย่างปะปนกันไป ที่แน่ๆ นั้น จิตวิญญาณส่วนที่ดีนั้นทุกคนมี แต่จะได้เอามาใช้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการสั่งสม โอกาสและความเพียร

ผู้ที่กลัวเมืองไทยจะนองเลือดนั้น เพราะเชื่อว่าจะมีการต่อสู้ การต่อสู้นั้นไม่จำเป็นจะต้องนองเลือดเสมอไป ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยความรัก จิตวิญญาณ และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น ผมอยากจะให้พวกเรารำลึกว่าคนไทยมิใช่คนโง่ คนไทยไม่ใช่จะให้ให้นักการเมืองเจ้าเล่ห์ที่เสียประโยชน์ไม่กี่คนปลุกปั่นเอาได้ง่ายๆ คนไทยอาจจะไม่ฉลาดจนรอบรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประชาธิปไตย แต่คนไทยไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าอะไรไม่เป็นประชาธิปไตย

เช่นเดียวกัน ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมอยากจะให้คนไทยรำลึกว่าคนไทยรักชาติบ้านเมืองเหมือนกับพวกเราทุกคน หรือเกือบทุกคน หรือจะยกเว้นคุณทักษิณ ไม่มีคนขายชาติ ไม่ใช่ทโมนโจรป่ามาจากไหน ไม่ใช่ยักษ์ไม่ใช่มาร

แต่พวกเราต้องไม่ลืมว่า แม้แต่รอบพระวรกายของพระพุทธเจ้า บางครั้งก็ยังมีมารแปลกปลอมมา มารนั้นมีทั้งที่มีชีวิตลมหายใจ มีทั้งที่ไม่มีชีวิต แต่แอบซ่อนอยู่ในลมหายใจ ได้แก่ กิเลส ตัณหา อวิชชา และความบ้าอำนาจ

เราทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันปราบมารให้จงได้

ในที่สุด เราจะต้องไม่ลืมว่า เราเป็นลูกพ่อเดียวกัน
อย่าให้พ่อที่แสนประเสริฐของเราต้องนอนไม่หลับทุกคืนเลย


ด้วยความรักและเมตตาต่อกัน ด้วยความกล้าหาญเข้าใจกัน ระวัง อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย จงมาช่วยกันสร้างจิตวิญญาณประชาธิปไตย

จงมาช่วยกันสร้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้สำเร็จสมจริงในครั้งนี้เถิด

ท่านผู้อ่านที่เคารพ อย่าเศร้าใจเลยที่บทความนี้นอกจากตัวเอน เขียนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2534 หลังจากนั้น 6 เดือนเมืองไทยก็เลือดนองแผ่นดิน เพราะ รสช.เชื่อผิดๆ ว่ากำลังทหารจะสยบพลังประชาธิปไตยได้

เมื่อบทความนี้ตีพิมพ์ใหม่ในวันที่ 23 หรือ 24 มีนาคม นี้ 15 ปีกว่าแล้ว โอกาสที่จะนองเลือดยังอาจจะเกิดได้ทุกเมื่อ เพราะคุณทักษิณและบริวารเชื่อผิดๆ ว่ามวลชนรากหญ้าจะสยบมวลชนประชาธิปไตยชั้นกลางได้ ทางที่ถูกคุณทักษิณควรจะยกระดับจิตวิญญาณและความกล้าหาญรับผิดชอบของตนเอง ลาออกไปให้เร็วที่สุด

คุณทักษิณ ครับ คุณก็เป็นคนคนหนึ่งใช่ไหมครับ เป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนกับพวกเราใช่ไหมครับ
คุณทักษิณครับ ชาติชายเอาไว้ลายตำรวจไทย


อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย
คุณหญิงอ้อครับ กระซิบที่หูคุณทักษิณหน่อยเถิดว่า พ่อ พอก่อนนะ

กำลังโหลดความคิดเห็น