“ร.ต.สัมฤทธิ์”อดีตพิเภกประจำตัวนายกฯจรจัด เผยลางร้ายหายนะประเทศ กรณีคนบ้าทุบท้าวมหาพรหมเอราวัณ และถูกรุมประชาทัณฑ์จนตาย ฟันธงแม้วไม่ลาออกนองเลือดแน่ ด้าน“แม้ว”ไขสือ ทำงงไม่รู้เรื่อง สั่งวธ.เร่งบูรณะกู้หน้าเฉพาะกิจ ขณะที่“สุรเกียรติ์”รุดตรวจความเสียหาย พร้อมตั้งคณะกรรมการการประสานการบูรณปฏิสังขรณ์ ขอกำลังตร.เสริมเฝ้าสิ่งสักการะตลอด 24 ชั่วโมง สั่งกรมศิลปากรปฏิสังขรณ์ให้เสร็จใน 2 เดือน
วานนี้ (21 มี.ค.)ร.ต.สัมฤทธิ์ เกลาเกลี้ยง อดีตโหรประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเหตุการณ์นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี หนุ่มวิกลจริต ใช้ค้อนทุบรูปปั้นองค์ท้าวมหาพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์จนแตกละเอียด ก่อนถูกนายศักดิ์ศรี กลิ่นบัว อายุ 27 ปี และนายเกษมศักดิ์ การุณวงศ์ อายุ 42 ปี ลูกจ้างชั่วคราวสำนักงานเขตปทุมวัน ซึ่งรับผิดชอบทำความสะอาดศาลพระพรหม รุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นลางร้าย เพราะการที่รูปเคารพสักการะของคนทั่วไป เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนถูกทำลายลงไปแบบนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณในทางไม่ต่อ เป็นนิมิตร้าย เป็นลางอัปมงคลของประเทศ ซึ่งให้สังเกตดูเอาว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลชุดนี้ และท่ามกลางกระแสการเมืองอันปั่นป่วนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย
โดยเฉพาะการกระทำในครั้งนี้ผู้ก่อเหตุเป็นคนวิกลจริต แถมเมื่อลงมือแล้วก็ถูกรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ถือเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลยิ่ง เพราะเป็นการสังเวยด้วยเลือด เป็นสัญญาณบอกว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก จะต้องมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้จะมีการปั้นรูปท้าวมหาพรหมองค์ใหม่ขึ้นมา และมีการบวงสรวงอีกครั้งก็จะไม่สามารถเรียกความศรัทธาได้เท่าองค์ก่อนอีกแล้ว เนื่องจากความรักและความศรัทธา ตลอดจนความเชื่อบูชานั้นจำเป็นจะต้องอาศัยกาลเวลาเป็นเครื่องเพาะบ่ม ดังนั้น แม้จะสร้างหรือบูรณะขึ้นมาใหม่ คนก็จะรู้สึกว่าเป็นเพียงรูปจำลองขององค์จริงเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมดุสิตไอแลนด์ รีสอร์ท จ.เชียงราย ถึงกรณีดังกล่าวด้วยสีหน้างงๆว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทราบว่า ผู้ทำเป็นเรื่องของคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญๆ ส่วนใหญ่จะมีการรักษาความปลอดภัยอยู่ อันนี้ไม่ทราบเพราะอะไรจึงบุกเข้าไปได้ อาจเป็นเพราะเหมือนคนที่เข้าไปทำบุญทั่วไป ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางไปตรวจความเสียหายที่เกิดเหตุ จะให้ทางกระทรวงวัฒนธรรมเร่งบูรณะขึ้นมาใหม่
ด้านนายสุรเกียรติ์ กล่าวภายหลังไปดูที่เกิดเหตุว่าในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งความจริง กรมการศาสนาและกระทรวงวัฒนธรรมจะดูแลด้านพราหมณ์และราชครู ที่เกี่ยวกับพิธีกรรม ส่วนแง่ศาสนสถาน ของพราหมณ์ ฮินดู กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้ดูแล ตนจึงได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อ ให้เข้ามาดูแลด้วย
นายสุรเกียรติ์ กล่าวอีกว่า ความจริงศาสตราจารย์ ไพจิตร โรจนวานิชย์ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม จะมีเป็นผู้ดูแลศาลท้าวพระพรหม และวันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก็ได้ประชุมหารือ และตกลงกันว่าจะเร่ง บูรณะปฏิสังขรณ์โดยเร็ว โดยมอบให้กรมศิลปากร เชิญพราหมณ์และราชครู พิจารณารวบรวมส่วนต่างๆ ที่เหลืออยู่ เช่น พระเศียร ที่ยังสมบูรณ์ พระขรรค์ ศาสตราวุธต่างๆ ที่ยังอยู่ หากมีการหล่อขึ้นมาก็จะชิ้นส่วนต่างๆ จะนำชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปบรรจุในองค์ใหม่ด้วย โดยคาดว่าจะทำให้เรียบร้อยภายใน 2 เดือน
นอกจากนี้ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้นำผ้าขาวมาขึงโดยรอบ และจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะได้ในวันนี้ (22 มี.ค.) เชื่อว่าไม่ เป็นภาพที่กระทบต่อจิตใจ โดยในช่วงบ่ายวานนี้ ราชครูจำนวน 4 ท่านได้มาทำพิธีบอกกล่าวที่จะอัญเชิญภาพมาติดไว้ทั้ง 4 ด้าน ในที่ประทับเดิม
นายสุรเกียรติ์ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการการประสานการบูรณปฏิสังขรณ์ท้าวมหาพรหม โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้ 1.พระราชครูวามเทพมุนี ที่ปรึกษา 2.นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ 3.นายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมการ 4.ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการ 5.อธิบดีกรมศาสนา 6.อธิบดีกรมศิลปากร 7.อธิบดีกรมธนารักษ์หรือผู้แทน 8.อธิบดีกรมการปกครองหรือผู้แทน 9. ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10.ประธานมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ 11.นายจรรมนง แสงวิเชียร 12. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร 13.นายปรีชา โลหะสุนทร 14. นายพิริยะ เข็มพล 15. นายสันติ สาทิพย์พงษ์ เป็นกรรมการ
โดยมีอำนาจหน้าที่ประสานและบูรณาการการกำหนดแนวทาง วิธีการ และรูปแบบในการบูรณปฏิสังขรณ์ท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณให้เป็นไปโดยเรียบร้อย เพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทาง วิธีการและรูปแบบในการบูรณปฏิสังขรณ์อันเป็นที่ยอมรับร่วมกันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยรวดเร็ว และจะได้หารือกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เพื่อให้มีการจัดเวรมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังการเดินทางไปสำรวจความเสียหายของพระพรหม ว่าคงต้องหล่อใหม่ทั้งองค์ ซึ่งใน เบื้องต้นตนให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ รวบรวมภาพถ่ายพระพรหมมุมต่างๆ มา เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างในการหล่อพระพรหมองค์ใหม่ ทั้งนี้ ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประสานงานกับพราหมณ์เพื่อมาทำพิธีทางศาสนา แล้วรอหล่อองค์ใหม่ จากนั้นก็ จะอัญเชิญไว้ที่เดิมเพื่อให้ประชาชนมาสักการะเหมือนเดิม
"ผมถามช่างกรมศิลป์ว่า สามารถหล่อองค์ใหม่จะแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งช่างคาดการณ์ว่าประมาณ 2 เดือน เมื่อเสร็จ แล้วจะมอบให้มูลนิธิฯ เพื่อให้พราหมณ์มาทำพิธีอัญเชิญทางศาสนาต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการหล่อยังไม่ สามารถประเมินราคาได้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไร ส่วนชิ้นส่วนพระพรหมที่เสียหายจนไม่สามารถนำมาต่อได้อีกนั้น มูลนิธิฯจะเก็บไว้"
นายธนชัย สุวรรณวัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า เท่าที่ไปดูความเสียหาย คงต้องทำขึ้น ใหม่ทั้งหมด และสามารถบูรณะซ่อมแซมได้เหมือนเดิมทุกประการ เพราะชิ้นส่วนสำคัญ ๆ ยังอยู่ครบ ทั้งพระเศียร พระหัตถ์ พระพักตร์ ศาสตราวุธ มีแต่เฉพาะองค์พระที่โดนทุบเละ โดยทางกรมฯ จะนำชิ้นส่วนมาประกอบกันแล้ว ปั้นถอดพิมพ์ ซึ่งเมื่อปั้นองค์ขึ้นมาใหม่แล้วจะต้องบรรจุผงองค์เดิมเข้าไปด้วย ตามความเชื่อความศรัทธา
อย่างไรก็ตาม ความเห็นส่วนตัวคิดว่า องค์ใหม่ที่สร้างขึ้นควรทำด้วยโลหะ เพราะจะทน ประกอบกับควรยกฐานให้สูง 1 เมตรขึ้นไป เวลากราบไหว้จะต้องแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ แล้วใครจะทุบอีกไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบัน พื้นถูกยกขึ้นสูงจนองค์ท้าวมหาพรหม เตี้ยลง และในวันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 10.30 น. จะมีการประชุมเพื่อสรุป รายละเอียดการบูรณะซ่อมแซมท้าวมหาพรหม อีกครั้ง ที่โรงแรมเอราวัณ
ส่วนความคืบน้าทางคดีพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้สอบปากพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่า ผู้ต้องหาทั้งสองใช้ด้าม ไม้ถูพื้นและท่อเหล็กทุบตีผู้ก่อเหตุจนเสียชีวิต ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าเห็นผู้ตายใช้ค้อนทุบองค์ท้าวมหาพรหม จึงตะโกนให้หยุดแต่ไม่เป็นผล จึงตัดสิน ใจใช้ไม้ตีไปคนละ 1 ครั้ง ประกอบกับชาวบ้านที่เห็นพฤติกรรมผู้ตายทนไม่ได้ จึงรุมทำร้ายและใช้ท่อนเหล็กทุบตี
วานนี้ (21 มี.ค.)ร.ต.สัมฤทธิ์ เกลาเกลี้ยง อดีตโหรประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเหตุการณ์นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี หนุ่มวิกลจริต ใช้ค้อนทุบรูปปั้นองค์ท้าวมหาพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์จนแตกละเอียด ก่อนถูกนายศักดิ์ศรี กลิ่นบัว อายุ 27 ปี และนายเกษมศักดิ์ การุณวงศ์ อายุ 42 ปี ลูกจ้างชั่วคราวสำนักงานเขตปทุมวัน ซึ่งรับผิดชอบทำความสะอาดศาลพระพรหม รุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นลางร้าย เพราะการที่รูปเคารพสักการะของคนทั่วไป เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนถูกทำลายลงไปแบบนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณในทางไม่ต่อ เป็นนิมิตร้าย เป็นลางอัปมงคลของประเทศ ซึ่งให้สังเกตดูเอาว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลชุดนี้ และท่ามกลางกระแสการเมืองอันปั่นป่วนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย
โดยเฉพาะการกระทำในครั้งนี้ผู้ก่อเหตุเป็นคนวิกลจริต แถมเมื่อลงมือแล้วก็ถูกรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ถือเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลยิ่ง เพราะเป็นการสังเวยด้วยเลือด เป็นสัญญาณบอกว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก จะต้องมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้จะมีการปั้นรูปท้าวมหาพรหมองค์ใหม่ขึ้นมา และมีการบวงสรวงอีกครั้งก็จะไม่สามารถเรียกความศรัทธาได้เท่าองค์ก่อนอีกแล้ว เนื่องจากความรักและความศรัทธา ตลอดจนความเชื่อบูชานั้นจำเป็นจะต้องอาศัยกาลเวลาเป็นเครื่องเพาะบ่ม ดังนั้น แม้จะสร้างหรือบูรณะขึ้นมาใหม่ คนก็จะรู้สึกว่าเป็นเพียงรูปจำลองขององค์จริงเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมดุสิตไอแลนด์ รีสอร์ท จ.เชียงราย ถึงกรณีดังกล่าวด้วยสีหน้างงๆว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทราบว่า ผู้ทำเป็นเรื่องของคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญๆ ส่วนใหญ่จะมีการรักษาความปลอดภัยอยู่ อันนี้ไม่ทราบเพราะอะไรจึงบุกเข้าไปได้ อาจเป็นเพราะเหมือนคนที่เข้าไปทำบุญทั่วไป ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางไปตรวจความเสียหายที่เกิดเหตุ จะให้ทางกระทรวงวัฒนธรรมเร่งบูรณะขึ้นมาใหม่
ด้านนายสุรเกียรติ์ กล่าวภายหลังไปดูที่เกิดเหตุว่าในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งความจริง กรมการศาสนาและกระทรวงวัฒนธรรมจะดูแลด้านพราหมณ์และราชครู ที่เกี่ยวกับพิธีกรรม ส่วนแง่ศาสนสถาน ของพราหมณ์ ฮินดู กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้ดูแล ตนจึงได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อ ให้เข้ามาดูแลด้วย
นายสุรเกียรติ์ กล่าวอีกว่า ความจริงศาสตราจารย์ ไพจิตร โรจนวานิชย์ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม จะมีเป็นผู้ดูแลศาลท้าวพระพรหม และวันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก็ได้ประชุมหารือ และตกลงกันว่าจะเร่ง บูรณะปฏิสังขรณ์โดยเร็ว โดยมอบให้กรมศิลปากร เชิญพราหมณ์และราชครู พิจารณารวบรวมส่วนต่างๆ ที่เหลืออยู่ เช่น พระเศียร ที่ยังสมบูรณ์ พระขรรค์ ศาสตราวุธต่างๆ ที่ยังอยู่ หากมีการหล่อขึ้นมาก็จะชิ้นส่วนต่างๆ จะนำชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปบรรจุในองค์ใหม่ด้วย โดยคาดว่าจะทำให้เรียบร้อยภายใน 2 เดือน
นอกจากนี้ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้นำผ้าขาวมาขึงโดยรอบ และจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะได้ในวันนี้ (22 มี.ค.) เชื่อว่าไม่ เป็นภาพที่กระทบต่อจิตใจ โดยในช่วงบ่ายวานนี้ ราชครูจำนวน 4 ท่านได้มาทำพิธีบอกกล่าวที่จะอัญเชิญภาพมาติดไว้ทั้ง 4 ด้าน ในที่ประทับเดิม
นายสุรเกียรติ์ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการการประสานการบูรณปฏิสังขรณ์ท้าวมหาพรหม โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้ 1.พระราชครูวามเทพมุนี ที่ปรึกษา 2.นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ 3.นายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมการ 4.ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการ 5.อธิบดีกรมศาสนา 6.อธิบดีกรมศิลปากร 7.อธิบดีกรมธนารักษ์หรือผู้แทน 8.อธิบดีกรมการปกครองหรือผู้แทน 9. ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10.ประธานมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ 11.นายจรรมนง แสงวิเชียร 12. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร 13.นายปรีชา โลหะสุนทร 14. นายพิริยะ เข็มพล 15. นายสันติ สาทิพย์พงษ์ เป็นกรรมการ
โดยมีอำนาจหน้าที่ประสานและบูรณาการการกำหนดแนวทาง วิธีการ และรูปแบบในการบูรณปฏิสังขรณ์ท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณให้เป็นไปโดยเรียบร้อย เพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทาง วิธีการและรูปแบบในการบูรณปฏิสังขรณ์อันเป็นที่ยอมรับร่วมกันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยรวดเร็ว และจะได้หารือกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เพื่อให้มีการจัดเวรมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังการเดินทางไปสำรวจความเสียหายของพระพรหม ว่าคงต้องหล่อใหม่ทั้งองค์ ซึ่งใน เบื้องต้นตนให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ รวบรวมภาพถ่ายพระพรหมมุมต่างๆ มา เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างในการหล่อพระพรหมองค์ใหม่ ทั้งนี้ ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประสานงานกับพราหมณ์เพื่อมาทำพิธีทางศาสนา แล้วรอหล่อองค์ใหม่ จากนั้นก็ จะอัญเชิญไว้ที่เดิมเพื่อให้ประชาชนมาสักการะเหมือนเดิม
"ผมถามช่างกรมศิลป์ว่า สามารถหล่อองค์ใหม่จะแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งช่างคาดการณ์ว่าประมาณ 2 เดือน เมื่อเสร็จ แล้วจะมอบให้มูลนิธิฯ เพื่อให้พราหมณ์มาทำพิธีอัญเชิญทางศาสนาต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการหล่อยังไม่ สามารถประเมินราคาได้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไร ส่วนชิ้นส่วนพระพรหมที่เสียหายจนไม่สามารถนำมาต่อได้อีกนั้น มูลนิธิฯจะเก็บไว้"
นายธนชัย สุวรรณวัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า เท่าที่ไปดูความเสียหาย คงต้องทำขึ้น ใหม่ทั้งหมด และสามารถบูรณะซ่อมแซมได้เหมือนเดิมทุกประการ เพราะชิ้นส่วนสำคัญ ๆ ยังอยู่ครบ ทั้งพระเศียร พระหัตถ์ พระพักตร์ ศาสตราวุธ มีแต่เฉพาะองค์พระที่โดนทุบเละ โดยทางกรมฯ จะนำชิ้นส่วนมาประกอบกันแล้ว ปั้นถอดพิมพ์ ซึ่งเมื่อปั้นองค์ขึ้นมาใหม่แล้วจะต้องบรรจุผงองค์เดิมเข้าไปด้วย ตามความเชื่อความศรัทธา
อย่างไรก็ตาม ความเห็นส่วนตัวคิดว่า องค์ใหม่ที่สร้างขึ้นควรทำด้วยโลหะ เพราะจะทน ประกอบกับควรยกฐานให้สูง 1 เมตรขึ้นไป เวลากราบไหว้จะต้องแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ แล้วใครจะทุบอีกไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบัน พื้นถูกยกขึ้นสูงจนองค์ท้าวมหาพรหม เตี้ยลง และในวันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 10.30 น. จะมีการประชุมเพื่อสรุป รายละเอียดการบูรณะซ่อมแซมท้าวมหาพรหม อีกครั้ง ที่โรงแรมเอราวัณ
ส่วนความคืบน้าทางคดีพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้สอบปากพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่า ผู้ต้องหาทั้งสองใช้ด้าม ไม้ถูพื้นและท่อเหล็กทุบตีผู้ก่อเหตุจนเสียชีวิต ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าเห็นผู้ตายใช้ค้อนทุบองค์ท้าวมหาพรหม จึงตะโกนให้หยุดแต่ไม่เป็นผล จึงตัดสิน ใจใช้ไม้ตีไปคนละ 1 ครั้ง ประกอบกับชาวบ้านที่เห็นพฤติกรรมผู้ตายทนไม่ได้ จึงรุมทำร้ายและใช้ท่อนเหล็กทุบตี