ฟินิกซ์ ฯ สบช่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เดินเครื่องรุกขายตรงหนักขึ้นทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และจุดขายใหม่ หวังดันสมาชิกเพิ่ม40% พร้อมเล็งรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ สิ้นปีตั้งเป้ายอดรายได้โต 20% เผยการเมืองกระทบต่อทุกธุรกิจสุขภาพและความงามบ้าง แต่ไม่หวั่นเดินหน้าทำธุรกิจให้ดีต่อไป
นางสาวคัทรียา กาญจนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟินิกซ์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจขายตรงอาหารเสริมเวชสำอางและที่ปรึกษาธุรกิจสุขภาพและความงาม เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ว่า บริษัทฯจะขยายตลาดในส่วนของธุรกิจขายตรงหรือไดเรค เซลล์มากขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ดีส่งผลให้คนอยากหารายได้หรือธุรกิจเสริมทำเพิ่มขึ้น ดังนั้นปีนี้บริษัทฯจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายจำนวนสมาชิกเพิ่ม จากปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 1 แสนราย ปีนี้คาดว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้น 30-40%
ในส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีอย่างต่อเนื่องทั้งปี อาทิ ผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ ซึ่งเตรียมตัวจะเปิดในงานสปา เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ 2006 ที่มีขึ้นในวันที่ 16-19 มี.ค. 49ที่ศูนย์สิริกิติ์ โดยคาดหวังว่าจะมีผู้สนใจสินค้าและสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นในงานนี้ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าเวชสำอาง 3 รายการ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและครีม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาจุดขายใหม่ในรูปแบบชอปหรือร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯโดยเฉพาะ เพื่อใช้เป็นคอนเซ็ปต์ในการรุกตลาดต่างประเทศ คาดว่าปลายปีนี้จะได้เห็นร้านดังกล่าว
สำหรับการจะเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทฯจะมี 2 แนวทาง คือ การจับมือร่วมกับพันธมิตรและการทำธุรกิจเอง ในส่วนของผลิตภัณฑ์และการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ เช่น สปา โดยจะชูคอนเซ็ปต์ความเป็นไทยในการทำตลาด ทั้งนี้การรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มรายได้และลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีธุรกิจอื่นๆ อีก ได้แก่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิตสินค้า และให้เปิดให้บริการโรงเรียนหรือสถาบันสอนทางด้านสุขภาพ ความงามและสปา ซึ่งตรงนี้มีการร่วมมือกับสถาบันจากต่างประเทศในหลักสูตรการเรียนและการสอนด้วย ขณะที่ยอดรายได้ปีนี้คาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 20% จากการที่ได้คู่ค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นและการขยายตลาดมากขึ้น โดยยอดขายเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีประมาณ 100 ล้านบาท
นางสาวคัทรียา แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนี้ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามด้วย โดยหน้าที่ของเราในสังคมหรือในฐานะผู้ประกอบการคือ เดินหน้าทำธุรกิจให้ดีต่อไป แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ยังเชื่อว่าธุรกิจนี้ยังคงเดินหน้าต่อไปและมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะคนในยุคปัจจุบันหันมาสนใจสุขภาพและความงามมากขึ้น แต่หากทุกคนหยุดชะงักหรือไม่มีการลงทุนก็จะส่งผลให้ธุรกิจได้รับผลตามไปด้วย จากการที่เม็ดเงินเข้ามาในตลาดน้อย
นางสาวคัทรียา กาญจนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟินิกซ์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจขายตรงอาหารเสริมเวชสำอางและที่ปรึกษาธุรกิจสุขภาพและความงาม เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ว่า บริษัทฯจะขยายตลาดในส่วนของธุรกิจขายตรงหรือไดเรค เซลล์มากขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ดีส่งผลให้คนอยากหารายได้หรือธุรกิจเสริมทำเพิ่มขึ้น ดังนั้นปีนี้บริษัทฯจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายจำนวนสมาชิกเพิ่ม จากปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 1 แสนราย ปีนี้คาดว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้น 30-40%
ในส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีอย่างต่อเนื่องทั้งปี อาทิ ผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ ซึ่งเตรียมตัวจะเปิดในงานสปา เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ 2006 ที่มีขึ้นในวันที่ 16-19 มี.ค. 49ที่ศูนย์สิริกิติ์ โดยคาดหวังว่าจะมีผู้สนใจสินค้าและสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นในงานนี้ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าเวชสำอาง 3 รายการ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและครีม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาจุดขายใหม่ในรูปแบบชอปหรือร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯโดยเฉพาะ เพื่อใช้เป็นคอนเซ็ปต์ในการรุกตลาดต่างประเทศ คาดว่าปลายปีนี้จะได้เห็นร้านดังกล่าว
สำหรับการจะเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทฯจะมี 2 แนวทาง คือ การจับมือร่วมกับพันธมิตรและการทำธุรกิจเอง ในส่วนของผลิตภัณฑ์และการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ เช่น สปา โดยจะชูคอนเซ็ปต์ความเป็นไทยในการทำตลาด ทั้งนี้การรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มรายได้และลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีธุรกิจอื่นๆ อีก ได้แก่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิตสินค้า และให้เปิดให้บริการโรงเรียนหรือสถาบันสอนทางด้านสุขภาพ ความงามและสปา ซึ่งตรงนี้มีการร่วมมือกับสถาบันจากต่างประเทศในหลักสูตรการเรียนและการสอนด้วย ขณะที่ยอดรายได้ปีนี้คาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 20% จากการที่ได้คู่ค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นและการขยายตลาดมากขึ้น โดยยอดขายเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีประมาณ 100 ล้านบาท
นางสาวคัทรียา แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนี้ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามด้วย โดยหน้าที่ของเราในสังคมหรือในฐานะผู้ประกอบการคือ เดินหน้าทำธุรกิจให้ดีต่อไป แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ยังเชื่อว่าธุรกิจนี้ยังคงเดินหน้าต่อไปและมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะคนในยุคปัจจุบันหันมาสนใจสุขภาพและความงามมากขึ้น แต่หากทุกคนหยุดชะงักหรือไม่มีการลงทุนก็จะส่งผลให้ธุรกิจได้รับผลตามไปด้วย จากการที่เม็ดเงินเข้ามาในตลาดน้อย