ความวุ่นวายและความขัดแย้งในบ้านเมืองทุกวันนี้ เกิดจากบ้านเมืองและสังคมของเรายังไม่มีใครรับผิดชอบ
เราอาจจะมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ทั้งชนชั้นปกครอง ตำรวจ ทหารเป็นกองทัพและนักการเมืองที่มาจากการซื้อเสียงเลือกตั้งเป็นจำนวนพัน คนหัวหงอกหัวดำที่มีเกียรติยศทุกประเภทเรามีมากมาย แต่เราจะไม่มีคนที่มีสติปัญญาหรือไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบหัวหงอกหัวดำส่วนมากของเราที่อัดแน่นกันอยู่บนแผ่นดินนี้ จะอยู่กันเพื่อกิน นอน ขี้และสืบพันธุ์เพื่อรักษาความโง่เขลาที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลกันไปวันๆ เท่านั้น
นี่คือความจริงและจุดอ่อนที่น่าอนาถที่สุดของเมืองไทยและคนไทยในยามนี้
เฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ แต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบ
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคอร์รัปชันของเรากับขบวนการประชาชนผู้ต่อต้านการคอร์รัปชันที่เกิดมาแล้วเป็นเแรมเดือน และมีการต่อสู้อย่างรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐบาลกับหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” เริ่มตั้งแต่การว่าจ้างเด็กอมมือเอา “ขี้” ไปขว้างโรงพิมพ์
นั่นเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่น่าทุเรศ และน่าขบขันของนักการเมืองชุดนี้และรัฐบาลชุดนี้
เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ไม่เคยมีเด็กอมมือที่ไหนทำมาก่อน แต่ด้วยความโง่เขลาและประมาทผู้อื่นว่าตนเหนือกว่าคนอื่น ก็ลงมือสู้ด้วยขี้ ทุเรศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของมนุษยชาติ
ต่อมาลงมือว่าจ้างรถแท็กซี่ และผู้คนไปประท้วงโรงพิมพ์ที่ไม่ได้ผลอะไรแม้แต่นิดเดียวแล้วก็ลงมือใหม่ คราวนี้ถึงกับจ้างข้าราชการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นจำนวนพันคนเดินทางเข้าไปทำลายการชุมนุมของประชาชนที่สวนลุมพินีที่ต้องใช้เงินอย่างสนุกสนานไปถึง 16 ล้านบาท มาสิ้นสุดเอาเมื่อไปว่าจ้างหลอกลวงคนอีสาน และคนภาคเหนือเข้ามาประท้วงที่กรุงเทพฯ และมีการอภิปรายสรรเสริญรัฐบาลที่สถานีขนส่งหมอชิตซึ่งแม้แต่สุนัขตัวที่โง่ที่สุดในชาติยังไม่ยอมฟังนั้น ทำให้ความขัดแย้งซึ่งเกิดจากเรื่องขี้ปะติ๋วเพราะการหลงตัวเองของพวกหน้าโง่นานาชนิดในคณะรัฐบาลที่ไม่เคยรู้จักความอายนั้น ถึงกับต้องอายตัวเองและสมเพชตัวเองกันเป็นแถบๆ ไป ตามคำบอกกล่าวของผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่จ้างเข้ามาทำงานในกลุ่มนั้น
นั่นเป็นข้อพิสูจน์อีกชิ้นหนึ่งของนักการเมือง และนักการเมืองสัมภเวสีของไทยที่ไม่มีความรับผิดชอบพวกนี้
และก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดที่ปรากฏว่าการที่จะแก้ปัญหาขัดแย้งนี้มีการพูดกันและนำมาพูดกันโดยมีความคิดเห็นต่างๆ นานา เช่น การให้ลาออกจากตำแหน่ง หรือให้เว้นวรรคไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ให้ทำตามกติกาซึ่งเป็นกติกาที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน เพราะกติกาเหล่านั้นมันคือการโกหกตระบัดสัตย์ และวิธีการปล้นสะดมบ้านเมืองและประชาชน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นนักการเมืองหรือรัฐบาลจะไม่กระทำอะไรที่มันเป็นกติกามาก่อนหรือไม่เคยมีกติกาอะไรในขณะที่พูด แต่จะเป็นกติกาที่ตัวเองจะทำทุกอย่างด้วยการตระบัดสัตย์ร้อยแปดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้ว่ากติกาที่ว่านั้นอาจจะให้พระเจ้าตั้งมันขึ้นมาก็ไม่มีใครรับได้ และปัญหาสำคัญที่สุดเรื่องที่จะพูดกันให้เด็ดขาดหรือต้องให้ยอมรับ และไสหัวเข้าคุกเข้าตะรางหรือลงนรกไปก็อยู่ที่ต้นตอทั้งหมดของปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ การคอร์รัปชันของรัฐบาลและการขายชาติขายประเทศของคนในคณะรัฐบาลซึ่งขณะที่ข้อพิพาทยิ่งนานเข้า เรื่องกระจายออกไปทั่วทุกตรอกทุกซอกทุกมุมของประเทศ คนที่รับรู้และเข้ามาร่วมชุมนุมสาปแช่งนั้นแต่ละวันนับว่าจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นแสนๆ คน
เรื่องนี้กลับไม่มีใครยอมรับ
ไม่มีใครยอมพูด
แต่พยายามพูดเพ้อเจ้ออยู่แต่เพียงว่าให้ปรองดองกัน หันหน้าเข้าหากันหรือเปิดไฟหน้ารถดูกันเล่นโง่ๆ ต่อไป และก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปปรองดองกันหรือหันหน้าเข้ากันหาตวักตะบวยอะไรกัน?
มันจะได้อะไรขึ้นมานอกจากพูดกันรกหูต่อไป!
ตอนนี้ประเทศไทยจะมีปัญหาหนักที่จะสร้างความฉิบหายหายนะ และความอับอายต่อโลกต่อไปข้างหน้ามีอีกมากมายหลายเรื่อง ถ้าหากเรายังปล่อยให้นักการเมืองหน้าโง่หรือรัฐบาลหน้าโง่อย่างที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้รับผิดชอบจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แม้แต่นิดเดียว
ปัญหาหนักปัญหาแรกก็คือ ปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้
ปัญหาการก่อร้ายในภาคใต้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลปัจจุบันนี้ และแต่ละวันแต่ละเดือนความรุนแรงของปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้จะรุนแรงขึ้นทุกที นอกจากความชั่วร้ายของรัฐบาลไทยที่นอกจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โง่เขลาและอวดตัวเองแล้วการก่อการร้ายในปัจจุบันนี้เป็นองค์การระหว่างชาติที่สามารถแพร่ขยายนโยบายของอิสลามได้อย่างมั่นคง ซึ่งในขณะนี้ทุกประเทศองค์การอิสลามเหล่านี้กำลังผนึกกำลังในทุกประเทศและทุกพื้นที่เพื่อต่อต้าน และทำลายจักรวรรดินิยม ทุนนิยม และสมุนบริวารของประเทศเหล่านี้ซึ่งในบรรดาสมุนบริวารเหล่านี้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เกาะหางอเมริกาอย่างเหนียวแน่น จึงเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่านอกจากความขัดแย้งของคนมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ซึ่งเป็นโรคร้ายเพราะการปกครองที่โง่เขลาของรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาบริหารประเทศแล้ว ประกอบกับการเกาะหางอเมริกาอย่างเหนียวแน่นอย่างที่ประจักษ์อยู่แล้ว ก็อาจจะต้องหวังกันต่อไปได้ว่าการก่อการร้ายจะเพิ่มความเข้มขึ้นเป็นลำดับทั่วประเทศ และแน่นอนที่สุดก็คือทรัพย์สินและธุรกิจของอเมริกา
ปัญหาภาคใต้จะไม่มีวันแก้ไขให้หมดสิ้นลงไปได้ ตราบใดที่ยังมีนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และบริหารประเทศอยู่อย่างปัจจุบันนี้
ไม่เพียงเท่านั้น อาชญากรรมที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำต่อประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ตลอดเวลาที่ขึ้นมาเสวยอำนาจนั้น เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่ผู้ปกครองประเทศไทยทุกยุคไม่เคยทำมาก่อน เพราะฉะนั้น ระยะเวลาการแก้ไขนั้นจะต้องขึ้นกับตัวบุคคลที่จะได้รับการยอมรับนับถือจากประชาชนที่นั่นเป็นประการสำคัญ พร้อมกับการกระทำที่ถูกต้องและชอบธรรมด้วย
และที่สำคัญที่รัฐบาลใหม่จะต้องแก้ไขปรับปรุงก็คือ ปัญหาที่รัฐบาลชาติชั่วในปัจจุบันนี้ได้สร้างขึ้นในภาคใต้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่ ปัญหาที่ต้องนำเรื่องนี้มาพูดก็เพราะมีคำถามที่ต้องถามกันก็คือว่า ระหว่างนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรกับครอบครัวโคตรเหง้าวงศ์วานที่ขึ้นมาเสวยสวรรค์อยู่ทุกวันนี้กับประเทศไทยและชาติไทย คนไทยและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทุกวันนี้ เราจะเลือกเอานายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กับชาติไทย คนเราจะเลือกเอาข้างไหน?
ความอยู่รอดของคนไทยและชาติไทย กับความมั่นคงและความร่ำรวยของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้รับผิดชอบของชาติไทยจะเลือกเอาฝ่ายใดไว้?
ปัญหาของคนไทยและชาติไทยในขณะนี้ เป็นปัญหาใหญ่ น่าสยดสยองและน่าขยะแขยงในการกระทำของกลุ่มโจรขายชาติในบ้านเมือง เฉพาะอย่างยิ่งรายการขายชาติขายแผ่นดิน และขายความเป็นไทยให้แก่ระบบทุนนิยมต่างชาติที่เรียกกันอย่างไพเราะเสนาะหูว่า การแบ่งแยกแผ่นดินออกเป็นเขตที่มีชื่อว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อขายหรืออาจจะเรียกว่าให้เช่าเป็นเวลาหนึ่งชั่วอายุคนหรือ 50 ปีถึง 99 ปี เช่นเดียวกับที่จีนถูกบังคับด้วยอาวุธเพื่อเช่าเกาะฮ่องกงมาแล้วในอดีต
โครงการและการจัดที่ดินเพื่อกินค่านายหน้าที่ร่วมกันลงทุนกับต่างชาติ และ กลุ่มทุนนิยมต่างประเทศของผู้มีอำนาจในเมืองไทย ได้มีการปิดบังทำกันอย่างเงียบๆ ระหว่างนักการเมืองชาติไทยที่สำคัญกลุ่มหนึ่ง ด้วยการยกร่างกฎหมายกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาโดยแบ่งแยกแผ่นดินไทยที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศทุกแห่งให้ชาวต่างประเทศหรือทุนนิยมต่างประเทศเข้ามาตามเวลาที่กล่าวมาแล้วคือ 50 ปีถึง 99 ปี หรือให้มันเช่าและตักตวงเอาผลประโยชน์จนกว่าตัวเองจะสูญพันธุ์หมดแล้วก็จะเหลือเศษที่ดินที่ไร้ประโยชน์ที่ไว้ให้คนไทย และลูกหลานอย่างที่ตอนนี้ได้กระทำไปแล้วในจังหวัดภาคอีสานเรื่องหนึ่งคือเหมืองแร่โปแตสที่สัญญาจะจบสิ้นลงเมื่อความฉิบหายต่างๆ จากผลการทำเหมืองโปแตสนั้น มันทำลายคนอีสานหมดชาติหมดแผ่นดินไปแล้ว โดยการร่วมมือ การติดสินบน และการขายชาติขายแผ่นดินให้ประเทศทุนนิยมของนักการเมืองปล้นชาติและขายชาติพวกเดียวกัน
กฎหมายฉบับนี้ได้ถูกยกร่างขึ้นมาแล้วด้วยค่าจ้างนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงของไทยในราคา 6 ล้านบาท และได้นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีมุบมิบทำกันในพวกนักการเมืองขายชาติขายแผ่นดินไทยในวันที่ 18 มกราคม 2549 โดยไม่ได้แพร่งพรายหรือบอกกล่าวให้ประชาชนรู้เห็นจนกระทั่งบัดนี้
คนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเสาะแสวงหาความรู้จริงๆ หรือประชาชนทั่วประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมืองจะไม่รู้ว่าทุกคนกำลังนั่งรอภัย และความชั่วร้ายที่กำลังรออยู่ตรงหน้า และก็พากันนั่งหลับหูหลับตาเฉยอยู่จนกระทั่งบัดนี้
เฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองหรือผู้แทนของประชาชนที่กำลังใช้เล่ห์กลสารพัดเพื่อ แย่งกันเลือกตั้งเพื่อให้ทำมาหากินทางการเมือง ที่เราเคยเลือกมาแล้วเป็นเวลาแรมปี นักการเมืองตัวเดียรัจฉานพวกนี้กำลังร่วมกับบรรดาโจรานุโจรหักหลังประเทศชาติ และประชาชนได้อยู่โดยหวังว่าจะได้กินได้ใช้กันบ้าง
เรื่องราวและรายละเอียดเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกมาเพียงเล็กน้อยในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจฉบับหนึ่ง เขียนโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น เมื่อเดือนมกราคม 2548
ผู้ที่สนใจการขายชาติขายแผ่นดินครั้งสำคัญที่ว่านี้ ผมสนใจที่จะติดต่อขอรายละเอียดได้จากคุณสุทธิชัย หยุ่น
หรือดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และคุณศักดิ์ กอแสงเรือง อดีตนายกสมาคมทนายความซึ่งกลุ่มของท่านได้ร่วมกันนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยแก่ขบวนการมิตรภาพกู้ชาติเพื่อระบอบประชาธิปไตยเมืองไทยที่ชุมนุมกันอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่16 มีนาคมนี้จะสามารถเข้าใจรายละเอียดทุกแง่ทุกมุมได้
จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติที่เราจะต้องร่วมมือกันป้องกันในรัฐบาลขายชาติชุดหน้า ถ้าหากว่ามันยังจะเกิดขึ้นมาอีก หรือมันยังจะอยู่กันต่อไป และการขายชาติขายประเทศที่ขายกันจนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความเป็นคนของคนไทยทั่วไป ก็ไม่มีวันที่จะรับก็คือกฎหมายแบ่งแยกประเทศเป็นส่วนๆ ที่เรียกว่ากฎหมาย “กำหนดเขตเศรษฐกิจ” พิเศษซึ่งกำลังมีการพิจารณาอยู่ให้นักการเมืองขายชาติทั้งหลายของเรา
หรืออย่างที่พูดกันทั่วไปแล้ว ก็คือจะต้องยุติการคอร์รัปชัน การขายบ้านขายเมืองขายประเทศชาติ บอกให้มันหยุด บังคับให้มันหยุดกระทำ แล้วลากคอมันเข้าคุกไปเสีย แต่ผู้นำหรือผู้มีอำนาจทุกคนในเมืองไทยไม่ยอมทำ ไม่ยอมแตะต้อง แต่กลับทะนุถนอมมันไว้อย่างประณีตบรรจงเพื่อให้มันคอร์รัปชัน ขายชาติขายประเทศกันต่อไป
ปัญหาง่ายๆ เหล่านี้เป็นปัญหาที่ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองจะต้องตอบกันออกมาว่าเราจะปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ต่อไปหรือ เพราะดูๆ ก็เหมือนจะเก่งกันมาทั้งนั้น!!
เราอาจจะมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ทั้งชนชั้นปกครอง ตำรวจ ทหารเป็นกองทัพและนักการเมืองที่มาจากการซื้อเสียงเลือกตั้งเป็นจำนวนพัน คนหัวหงอกหัวดำที่มีเกียรติยศทุกประเภทเรามีมากมาย แต่เราจะไม่มีคนที่มีสติปัญญาหรือไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบหัวหงอกหัวดำส่วนมากของเราที่อัดแน่นกันอยู่บนแผ่นดินนี้ จะอยู่กันเพื่อกิน นอน ขี้และสืบพันธุ์เพื่อรักษาความโง่เขลาที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลกันไปวันๆ เท่านั้น
นี่คือความจริงและจุดอ่อนที่น่าอนาถที่สุดของเมืองไทยและคนไทยในยามนี้
เฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ แต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบ
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคอร์รัปชันของเรากับขบวนการประชาชนผู้ต่อต้านการคอร์รัปชันที่เกิดมาแล้วเป็นเแรมเดือน และมีการต่อสู้อย่างรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐบาลกับหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” เริ่มตั้งแต่การว่าจ้างเด็กอมมือเอา “ขี้” ไปขว้างโรงพิมพ์
นั่นเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่น่าทุเรศ และน่าขบขันของนักการเมืองชุดนี้และรัฐบาลชุดนี้
เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ไม่เคยมีเด็กอมมือที่ไหนทำมาก่อน แต่ด้วยความโง่เขลาและประมาทผู้อื่นว่าตนเหนือกว่าคนอื่น ก็ลงมือสู้ด้วยขี้ ทุเรศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของมนุษยชาติ
ต่อมาลงมือว่าจ้างรถแท็กซี่ และผู้คนไปประท้วงโรงพิมพ์ที่ไม่ได้ผลอะไรแม้แต่นิดเดียวแล้วก็ลงมือใหม่ คราวนี้ถึงกับจ้างข้าราชการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นจำนวนพันคนเดินทางเข้าไปทำลายการชุมนุมของประชาชนที่สวนลุมพินีที่ต้องใช้เงินอย่างสนุกสนานไปถึง 16 ล้านบาท มาสิ้นสุดเอาเมื่อไปว่าจ้างหลอกลวงคนอีสาน และคนภาคเหนือเข้ามาประท้วงที่กรุงเทพฯ และมีการอภิปรายสรรเสริญรัฐบาลที่สถานีขนส่งหมอชิตซึ่งแม้แต่สุนัขตัวที่โง่ที่สุดในชาติยังไม่ยอมฟังนั้น ทำให้ความขัดแย้งซึ่งเกิดจากเรื่องขี้ปะติ๋วเพราะการหลงตัวเองของพวกหน้าโง่นานาชนิดในคณะรัฐบาลที่ไม่เคยรู้จักความอายนั้น ถึงกับต้องอายตัวเองและสมเพชตัวเองกันเป็นแถบๆ ไป ตามคำบอกกล่าวของผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่จ้างเข้ามาทำงานในกลุ่มนั้น
นั่นเป็นข้อพิสูจน์อีกชิ้นหนึ่งของนักการเมือง และนักการเมืองสัมภเวสีของไทยที่ไม่มีความรับผิดชอบพวกนี้
และก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดที่ปรากฏว่าการที่จะแก้ปัญหาขัดแย้งนี้มีการพูดกันและนำมาพูดกันโดยมีความคิดเห็นต่างๆ นานา เช่น การให้ลาออกจากตำแหน่ง หรือให้เว้นวรรคไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ให้ทำตามกติกาซึ่งเป็นกติกาที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน เพราะกติกาเหล่านั้นมันคือการโกหกตระบัดสัตย์ และวิธีการปล้นสะดมบ้านเมืองและประชาชน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นนักการเมืองหรือรัฐบาลจะไม่กระทำอะไรที่มันเป็นกติกามาก่อนหรือไม่เคยมีกติกาอะไรในขณะที่พูด แต่จะเป็นกติกาที่ตัวเองจะทำทุกอย่างด้วยการตระบัดสัตย์ร้อยแปดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้ว่ากติกาที่ว่านั้นอาจจะให้พระเจ้าตั้งมันขึ้นมาก็ไม่มีใครรับได้ และปัญหาสำคัญที่สุดเรื่องที่จะพูดกันให้เด็ดขาดหรือต้องให้ยอมรับ และไสหัวเข้าคุกเข้าตะรางหรือลงนรกไปก็อยู่ที่ต้นตอทั้งหมดของปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ การคอร์รัปชันของรัฐบาลและการขายชาติขายประเทศของคนในคณะรัฐบาลซึ่งขณะที่ข้อพิพาทยิ่งนานเข้า เรื่องกระจายออกไปทั่วทุกตรอกทุกซอกทุกมุมของประเทศ คนที่รับรู้และเข้ามาร่วมชุมนุมสาปแช่งนั้นแต่ละวันนับว่าจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นแสนๆ คน
เรื่องนี้กลับไม่มีใครยอมรับ
ไม่มีใครยอมพูด
แต่พยายามพูดเพ้อเจ้ออยู่แต่เพียงว่าให้ปรองดองกัน หันหน้าเข้าหากันหรือเปิดไฟหน้ารถดูกันเล่นโง่ๆ ต่อไป และก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปปรองดองกันหรือหันหน้าเข้ากันหาตวักตะบวยอะไรกัน?
มันจะได้อะไรขึ้นมานอกจากพูดกันรกหูต่อไป!
ตอนนี้ประเทศไทยจะมีปัญหาหนักที่จะสร้างความฉิบหายหายนะ และความอับอายต่อโลกต่อไปข้างหน้ามีอีกมากมายหลายเรื่อง ถ้าหากเรายังปล่อยให้นักการเมืองหน้าโง่หรือรัฐบาลหน้าโง่อย่างที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้รับผิดชอบจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แม้แต่นิดเดียว
ปัญหาหนักปัญหาแรกก็คือ ปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้
ปัญหาการก่อร้ายในภาคใต้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลปัจจุบันนี้ และแต่ละวันแต่ละเดือนความรุนแรงของปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้จะรุนแรงขึ้นทุกที นอกจากความชั่วร้ายของรัฐบาลไทยที่นอกจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โง่เขลาและอวดตัวเองแล้วการก่อการร้ายในปัจจุบันนี้เป็นองค์การระหว่างชาติที่สามารถแพร่ขยายนโยบายของอิสลามได้อย่างมั่นคง ซึ่งในขณะนี้ทุกประเทศองค์การอิสลามเหล่านี้กำลังผนึกกำลังในทุกประเทศและทุกพื้นที่เพื่อต่อต้าน และทำลายจักรวรรดินิยม ทุนนิยม และสมุนบริวารของประเทศเหล่านี้ซึ่งในบรรดาสมุนบริวารเหล่านี้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เกาะหางอเมริกาอย่างเหนียวแน่น จึงเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่านอกจากความขัดแย้งของคนมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ซึ่งเป็นโรคร้ายเพราะการปกครองที่โง่เขลาของรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาบริหารประเทศแล้ว ประกอบกับการเกาะหางอเมริกาอย่างเหนียวแน่นอย่างที่ประจักษ์อยู่แล้ว ก็อาจจะต้องหวังกันต่อไปได้ว่าการก่อการร้ายจะเพิ่มความเข้มขึ้นเป็นลำดับทั่วประเทศ และแน่นอนที่สุดก็คือทรัพย์สินและธุรกิจของอเมริกา
ปัญหาภาคใต้จะไม่มีวันแก้ไขให้หมดสิ้นลงไปได้ ตราบใดที่ยังมีนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และบริหารประเทศอยู่อย่างปัจจุบันนี้
ไม่เพียงเท่านั้น อาชญากรรมที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำต่อประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ตลอดเวลาที่ขึ้นมาเสวยอำนาจนั้น เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่ผู้ปกครองประเทศไทยทุกยุคไม่เคยทำมาก่อน เพราะฉะนั้น ระยะเวลาการแก้ไขนั้นจะต้องขึ้นกับตัวบุคคลที่จะได้รับการยอมรับนับถือจากประชาชนที่นั่นเป็นประการสำคัญ พร้อมกับการกระทำที่ถูกต้องและชอบธรรมด้วย
และที่สำคัญที่รัฐบาลใหม่จะต้องแก้ไขปรับปรุงก็คือ ปัญหาที่รัฐบาลชาติชั่วในปัจจุบันนี้ได้สร้างขึ้นในภาคใต้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่ ปัญหาที่ต้องนำเรื่องนี้มาพูดก็เพราะมีคำถามที่ต้องถามกันก็คือว่า ระหว่างนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรกับครอบครัวโคตรเหง้าวงศ์วานที่ขึ้นมาเสวยสวรรค์อยู่ทุกวันนี้กับประเทศไทยและชาติไทย คนไทยและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทุกวันนี้ เราจะเลือกเอานายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กับชาติไทย คนเราจะเลือกเอาข้างไหน?
ความอยู่รอดของคนไทยและชาติไทย กับความมั่นคงและความร่ำรวยของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้รับผิดชอบของชาติไทยจะเลือกเอาฝ่ายใดไว้?
ปัญหาของคนไทยและชาติไทยในขณะนี้ เป็นปัญหาใหญ่ น่าสยดสยองและน่าขยะแขยงในการกระทำของกลุ่มโจรขายชาติในบ้านเมือง เฉพาะอย่างยิ่งรายการขายชาติขายแผ่นดิน และขายความเป็นไทยให้แก่ระบบทุนนิยมต่างชาติที่เรียกกันอย่างไพเราะเสนาะหูว่า การแบ่งแยกแผ่นดินออกเป็นเขตที่มีชื่อว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อขายหรืออาจจะเรียกว่าให้เช่าเป็นเวลาหนึ่งชั่วอายุคนหรือ 50 ปีถึง 99 ปี เช่นเดียวกับที่จีนถูกบังคับด้วยอาวุธเพื่อเช่าเกาะฮ่องกงมาแล้วในอดีต
โครงการและการจัดที่ดินเพื่อกินค่านายหน้าที่ร่วมกันลงทุนกับต่างชาติ และ กลุ่มทุนนิยมต่างประเทศของผู้มีอำนาจในเมืองไทย ได้มีการปิดบังทำกันอย่างเงียบๆ ระหว่างนักการเมืองชาติไทยที่สำคัญกลุ่มหนึ่ง ด้วยการยกร่างกฎหมายกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาโดยแบ่งแยกแผ่นดินไทยที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศทุกแห่งให้ชาวต่างประเทศหรือทุนนิยมต่างประเทศเข้ามาตามเวลาที่กล่าวมาแล้วคือ 50 ปีถึง 99 ปี หรือให้มันเช่าและตักตวงเอาผลประโยชน์จนกว่าตัวเองจะสูญพันธุ์หมดแล้วก็จะเหลือเศษที่ดินที่ไร้ประโยชน์ที่ไว้ให้คนไทย และลูกหลานอย่างที่ตอนนี้ได้กระทำไปแล้วในจังหวัดภาคอีสานเรื่องหนึ่งคือเหมืองแร่โปแตสที่สัญญาจะจบสิ้นลงเมื่อความฉิบหายต่างๆ จากผลการทำเหมืองโปแตสนั้น มันทำลายคนอีสานหมดชาติหมดแผ่นดินไปแล้ว โดยการร่วมมือ การติดสินบน และการขายชาติขายแผ่นดินให้ประเทศทุนนิยมของนักการเมืองปล้นชาติและขายชาติพวกเดียวกัน
กฎหมายฉบับนี้ได้ถูกยกร่างขึ้นมาแล้วด้วยค่าจ้างนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงของไทยในราคา 6 ล้านบาท และได้นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีมุบมิบทำกันในพวกนักการเมืองขายชาติขายแผ่นดินไทยในวันที่ 18 มกราคม 2549 โดยไม่ได้แพร่งพรายหรือบอกกล่าวให้ประชาชนรู้เห็นจนกระทั่งบัดนี้
คนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเสาะแสวงหาความรู้จริงๆ หรือประชาชนทั่วประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมืองจะไม่รู้ว่าทุกคนกำลังนั่งรอภัย และความชั่วร้ายที่กำลังรออยู่ตรงหน้า และก็พากันนั่งหลับหูหลับตาเฉยอยู่จนกระทั่งบัดนี้
เฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองหรือผู้แทนของประชาชนที่กำลังใช้เล่ห์กลสารพัดเพื่อ แย่งกันเลือกตั้งเพื่อให้ทำมาหากินทางการเมือง ที่เราเคยเลือกมาแล้วเป็นเวลาแรมปี นักการเมืองตัวเดียรัจฉานพวกนี้กำลังร่วมกับบรรดาโจรานุโจรหักหลังประเทศชาติ และประชาชนได้อยู่โดยหวังว่าจะได้กินได้ใช้กันบ้าง
เรื่องราวและรายละเอียดเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกมาเพียงเล็กน้อยในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจฉบับหนึ่ง เขียนโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น เมื่อเดือนมกราคม 2548
ผู้ที่สนใจการขายชาติขายแผ่นดินครั้งสำคัญที่ว่านี้ ผมสนใจที่จะติดต่อขอรายละเอียดได้จากคุณสุทธิชัย หยุ่น
หรือดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และคุณศักดิ์ กอแสงเรือง อดีตนายกสมาคมทนายความซึ่งกลุ่มของท่านได้ร่วมกันนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยแก่ขบวนการมิตรภาพกู้ชาติเพื่อระบอบประชาธิปไตยเมืองไทยที่ชุมนุมกันอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่16 มีนาคมนี้จะสามารถเข้าใจรายละเอียดทุกแง่ทุกมุมได้
จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติที่เราจะต้องร่วมมือกันป้องกันในรัฐบาลขายชาติชุดหน้า ถ้าหากว่ามันยังจะเกิดขึ้นมาอีก หรือมันยังจะอยู่กันต่อไป และการขายชาติขายประเทศที่ขายกันจนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความเป็นคนของคนไทยทั่วไป ก็ไม่มีวันที่จะรับก็คือกฎหมายแบ่งแยกประเทศเป็นส่วนๆ ที่เรียกว่ากฎหมาย “กำหนดเขตเศรษฐกิจ” พิเศษซึ่งกำลังมีการพิจารณาอยู่ให้นักการเมืองขายชาติทั้งหลายของเรา
หรืออย่างที่พูดกันทั่วไปแล้ว ก็คือจะต้องยุติการคอร์รัปชัน การขายบ้านขายเมืองขายประเทศชาติ บอกให้มันหยุด บังคับให้มันหยุดกระทำ แล้วลากคอมันเข้าคุกไปเสีย แต่ผู้นำหรือผู้มีอำนาจทุกคนในเมืองไทยไม่ยอมทำ ไม่ยอมแตะต้อง แต่กลับทะนุถนอมมันไว้อย่างประณีตบรรจงเพื่อให้มันคอร์รัปชัน ขายชาติขายประเทศกันต่อไป
ปัญหาง่ายๆ เหล่านี้เป็นปัญหาที่ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองจะต้องตอบกันออกมาว่าเราจะปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ต่อไปหรือ เพราะดูๆ ก็เหมือนจะเก่งกันมาทั้งนั้น!!