การฝันเห็นพระภิกษุชราในวันเวลาที่ผมตั้งใจมั่นว่าจะเรียนพระคาถาชินบัญชรให้สำเร็จ ทำให้ผมมั่นใจว่าความศรัทธา ความเพียร ความมุ่งมั่นแห่งจิต จะทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น และย่อมส่งผลให้เรียนมนต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้สำเร็จลุล่วงเป็นแน่แท้ ใจก็ยิ่งมีศรัทธามั่นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมากว่าเห็นจะเรียนมนต์ให้สำเร็จในวันอาทิตย์นี้ได้เป็นมั่นคง
ในวันนั้นลูกผู้น้องของผมติดต่อกับครูกริ้วแล้วทราบว่าทางโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ยินดีรับเข้าเรียน โดยต้องนำหลักฐานผลการสอบชั้น ม.ศ.2 และใบสุทธิจากโรงเรียนเก่าไปแสดงด้วยซึ่งขณะนั้นยังคงรอผลสอบกันอยู่ ครูกริ้วบอกว่าพร้อมเมื่อใดแล้วให้ไปพบกับครูคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของครูกริ้ว ซึ่งได้ติดต่อประสานงานกันไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมได้ยินข่าวเช่นนั้นใจหนึ่งก็ดีอกดีใจไปกับลูกผู้น้อง แต่อีกใจหนึ่งก็ใจหายเพราะข่าวดังกล่าวก็คือสัญญาณหมายว่าโรงเรียนใกล้จะเปิดเทอมใหม่แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะได้เรียนที่ไหน เกิดเป็นความกังวลขึ้นในใจ แต่พักหนึ่งก็ตัดใจได้ว่าถึงอย่างไรก็ต้องพยายามหาที่เรียนให้จงได้
ในเวลาก่อนเพลวันอาทิตย์นั้นทั้งพระทั้งเณรและเด็กวัดอื่นพากันไปข้างนอกหมดเช่นเดียวกับเมื่อวันวาน ราวกับว่าเปิดโอกาสให้ผมเรียนและท่องพระคาถาชินบัญชรได้อย่างเต็มที่ ผมจึงพยายามตั้งจิตให้สงบ นึกถึงพระคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีให้ช่วยประสิทธิ์ประสาธน์ให้เกิดความทรงจำ และท่องมนต์พระคาถาชินบัญชรให้สำเร็จในวันนี้
ผมท่องพระคาถาชินบัญชรไปมาอยู่หลายรอบ รู้สึกว่าแคล่วคล่องใกล้จะตลอดแล้ว เหลือเพียงบางตอนซึ่งตะกุกตะกักอยู่บ้าง จึงพยายามท่องเฉพาะตอนที่ตะกุกตะกักอยู่นั้นอีกหลายเที่ยว จนมีความแคล่วคล่องเหมือนตอนอื่นๆ
จากนั้นจึงท่องตลอดทั้งบทพระคาถาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ปรากฏว่าสามารถท่องพระคาถาชินบัญชรได้อย่างแคล่วคล่อง ไม่มีผิดพลาดตะกุกตะกักอีก ความปรีดาปราโมทย์ได้บังเกิดขึ้นจนเป็นความสุขสุดที่จะกล่าว ในขณะเดียวกันก็มีความดีใจที่สามารถเรียนพระคาถาชินบัญชรได้สำเร็จสมดังความตั้งใจ จึงยกมือขึ้นไหว้ไปทางวิหารสมเด็จด้วยความสำนึกในพระคุณ
ผมท่องทวนอีก 2-3 จบ ทั้งท่องออกเสียงและท่องในใจก็แคล่วคล่องตลอดไม่ติดขัด ในขณะนั้นพระมหาทรงธรรม์กลับมาจากกิจธุระพร้อมกับลูกผู้น้องของผมเพื่อที่จะมาฉันเพล ได้ยินผมท่องพระคาถาชินบัญชรอย่างแคล่วคล่องก็มีสีหน้ายินดี ถึงกับหยุดทักทายผมที่ข้างหลังกุฏินั้นเอง
พระมหาทรงธรรม์ได้กล่าวขึ้นว่า แกนี่มันยอดคน อายุอานามเพียงเท่านี้รู้จักเรียนพระคาถาชินบัญชรแล้ว ฉันนอนฟังแกท่องบทพระคาถาเมื่อวันก่อน ตอนแรกก็รู้สึกแปลกใจและคิดว่าในที่สุดก็คงจะทิ้ง เพราะไม่สามารถท่องภาษาบาลีอันเป็นบทพระคาถาขนาดยาวได้ นึกไม่ถึงว่าไม่กี่วันก็สามารถเรียนและท่องมนต์บทนี้ได้สำเร็จ
พระมหาทรงธรรม์กล่าวดังนั้นแล้วจึงหันไปถามลูกผู้น้องของผมว่าแกไม่สนใจเล่าเรียนบ้างหรืออย่างไร ลูกผู้น้องของผมได้ตอบว่าใจพะวงอยู่แต่การเข้าเรียน ไม่มีสมาธิที่จะเรียนและท่องคาถาชินบัญชร ไว้วันหน้าถ้ามีโอกาสก็จะพยายามเรียนให้สำเร็จเหมือนกัน
หลังพระฉันเพลวันนั้นแล้วผมยังอิ่มเอิบอาบอยู่ด้วยปิติที่บังเกิดขึ้นกับใจที่สามารถร่ำเรียนพระคาถาชินบัญชรได้สำเร็จ ดังนั้นในช่วงบ่ายจึงออกมานั่งหลังกุฏิ ท่องทบทวนพระคาถาชินบัญชรอีก 2-3 รอบ
พลันได้ยินเสียงของหลวงปู่นาคดังขึ้นจากกุฏิชั้นบนอีกว่า เออดีแล้วไอ้หนู เก่งมาก เรียนคาถาชินบัญชรแล้วอย่าคิดแต่จะใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพราะคาถานี้สามารถเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ด้วย วันข้างหน้าจะเห็นประโยชน์ใหญ่
ผมหันหน้าขึ้นไปมองหลวงปู่ ยกมือขึ้นไหว้ ท่านก็ยิ้มให้ด้วยความเมตตาเหมือนวันก่อน
ความจริงชื่อพระคาถาชินบัญชรนั้นแปลว่าหน้าต่างของพระผู้มีพระภาคเจ้า และเนื้อความในบทพระคาถาอันยาวเหยียดนั้นอาจจำแนกได้เป็นห้าตอน คือ
ตอนที่หนึ่ง เป็นบทสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ได้ตรัสรู้อริยสัจสี่ แล้วเสวยวิมุตติสุขจากความตรัสรู้นั้นแล้วอัญเชิญพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ มีสมเด็จพระตัณหังกรพระพุทธเจ้าเป็นต้นให้เสด็จมาอยู่ ณ เบื้องกระหม่อม
ตอนที่สอง เป็นบทอัญเชิญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มาสถิตอยู่ที่ศีรษะ ที่ดวงตา และหน้าอก
ตอนที่สาม เป็นบทอาราธนาพระอริยสาวกทั้งปวง มีพระสาลีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอนุรุทธเถระเป็นต้น ให้มาสถิต ณ ส่วนและอวัยวะต่างๆ
ตอนที่สี่ เป็นบทอัญเชิญพระสูตรทั้งปวง มีรัตนสูตรเป็นต้น มาสถิตอยู่ที่ส่วนต่างๆ และกางกั้นอยู่เบื้องบนอากาศ และเป็นกำแพงอันล้อมรอบ
ตอนที่ห้า เป็นบทอานิสงส์และเงื่อนไขของพระคาถาชินบัญชร สำหรับผู้ร่ำเรียนท่องบ่นมนต์นี้ ซึ่งมีสามส่วนคือ
ส่วนที่หนึ่ง เป็นส่วนอานิสงส์หรือผลที่จะได้รับ ซึ่งขออานิสงส์ให้อุปัทวันตรายทั้งหลายภายนอกและอุปัทวันตรายทั้งหลายภายในอันเกิดแต่เหตุต่างๆ มีลมกำเริบและดีซ่านเป็นต้นให้ดับสูญไป
ส่วนที่สอง เป็นคำมั่นสัญญาว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติในปัจจุบันว่า “เมื่อข้าพเจ้าประกอบการงานของตนอยู่ในขอบเขตในพระบัญชรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ขอได้โปรดคุ้มครองรักษาข้าพเจ้า”
ส่วนที่สาม เป็นเงื่อนไขและคำมั่นสัญญาในอนาคตว่า “ด้วยประการฉะนี้เป็นอันข้าพเจ้าได้คุ้มครองไว้ด้วยดีและด้วยอานุภาพของสมเด็จพระชินสีห์สัมพุทธเจ้า ขอให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะแก่อุปัทวะทั้งปวง ด้วยอานุภาพของพระธรรมขอให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะแก่หมู่อริศัตรูทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ขอให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะแก่อันตรายทั้งปวง ข้าพเจ้าผู้อันอานุภาพแห่งพระสัทธรรมคุ้มครองรักษาแล้วจะประพฤติตนอยู่ในขอบเขตพระบัญชรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดไปเทอญ”
มาภายหลังได้พิเคราะห์ดูแล้วเข้าใจว่าบทพระคาถาชินบัญชรนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากเพราะเหตุสองสถาน
สถานแรก เป็นความศักดิ์สิทธิ์ด้วยลักษณะของบทมนต์ เช่นเดียวกับความศักดิ์สิทธิ์ของมนต์คาถาที่มีมาในทุกศาสนา ทุกลัทธิความเชื่อ ซึ่งเรียกว่า “วิชชามัยฤทธิ์” คือบันดาลให้เกิดความสำเร็จเพราะวิชาหรือมนต์วิธี และที่ศักดิ์สิทธิ์มากก็เพราะว่าลักษณะของบทมนต์นั้นเป็นการอัญเชิญบุญญาบารมีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ของพระธรรม ของพระอริยสาวกทั้งหลาย ตลอดจนพระธรรมทั้งปวงอันพระตถาคตเจ้าได้แสดงแล้ว จึงนับว่าเป็นบทมนต์ที่เป็นธรรมขาวหรือที่เรียกว่าเศวตเวทย์ ไม่ใช่ไสยเวทย์ซึ่งเป็นธรรมดำหรือคุณไสย
สถานที่สอง เป็นบทที่มีลักษณะการสาธยายมนต์โดยมีศูนย์รวมอยู่ที่ศีล สมาธิ ปัญญา และจิตที่ไกลจากกิเลสาสวะโดยลำดับแล้ว คำว่าชินบัญชรแปลว่าหน้าต่างของพระพุทธเจ้า หน้าต่างของพระพุทธเจ้าคืออะไร ตรงนี้วินิจฉัยโดยนัยยะความที่มีมาแต่โบราณว่า
“อันดวงตาคือหน้าต่างของดวงจิต เมื่อใจคิดงามงดตาสดใส
คิดชั่วช้าตาก็บอกออกความนัย รักษาใจให้เลิศไว้เถิดเอย”
บัญชรของพระพุทธเจ้าก็คือดวงตาของพระพุทธเจ้า นั่นคือดวงตาที่เห็นธรรมแต่อีกนัยหนึ่งก็อาจจะหมายความได้ว่าเป็นหน้าต่างที่จะมองเห็นพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือการมองเห็นธรรมดังพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต ดังนั้นบทพระคาถาชินบัญชรที่แม้จะมีเนื้อความยืดยาวแต่รวมความก็คือการให้มีความศรัทธา ความเพียร มีสติ มีสมาธิ และมีปัญญารู้แจ้ง ซึ่งพระธรรมอันประเสริฐที่พระตถาคตเจ้าได้แสดงแล้ว คือมีดวงตาเห็นธรรมนั่นเอง
การที่จะมีดวงตาเห็นธรรมว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ซึ่งเรียกว่าเห็นพระไตรลักษณ์แล้วจะทำให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งหลาย ถึงซึ่งวิชชาและวิมุตได้นั้นก็โดยอาศัยการปฏิบัติอบรมจิตในเรื่องของศีล สมาธิ และปัญญา
ด้วยเหตุนี้พระคาถาชินบัญชรก็คือบทพระคาถาที่แสดงเป้าหมายที่สุดแห่งคำสอนของพระตถาคตเจ้า คือความหลุดพ้นจากทุกข์สิ้นเชิง ถึงซึ่งวิชชาและวิมุตโดยการฝึกฝนอบรมจิตด้วยศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง
ผมคิดว่าการท่องคาถาชินบัญชรต้องอาศัยสมาธิจิต คือจิตที่ได้รับการฝึกอบรมด้วยดีโดยชอบแล้ว ในเวลาใช้จริงๆ สถานที่นั้นอาจจะไม่สงบ หรืออยู่ในยามวิกฤต หรือมีผู้คนพลุกพล่าน หากคุ้นเคยแต่สถานที่ซึ่งมีความสงบก็อาจจะไม่สามารถท่องพระคาถาชินบัญชรในยามวิกฤตหรือในที่พลุกพล่านได้ ดังนั้นเพื่อสร้างสมความคุ้นเคยและเพื่อฝึกฝนอบรมจิตตัวเองให้มีสมาธิที่มั่นคงขึ้นผมจึงเดินไปที่ด้านหน้ากุฏิซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและมีเสียงเรือที่แล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาดังกึกก้องอยู่ตลอดเวลา แล้วลองท่องพระคาถาชินบัญชร ก็ปรากฏว่ายังคงสามารถท่องได้แคล่วคล่องเหมือนดังเดิมก็มีความยินดีเป็นอันมาก
ผมดีใจที่สามารถมีความทรงจำอย่างแคล่วคล่องและแม่นยำ จึงคิดจะไปบอกกล่าวให้แม่ชีเฒ่าซึ่งเฝ้าวิหารสมเด็จได้รับรู้และยินดีในความสำเร็จนี้ด้วย คิดดังนั้นแล้วจึงเดินออกจากประตูกุฏิ แต่พอถึงใต้ถุนกุฏิหลวงปู่นาค เห็นตู้พระไตรปิฎกเก่าคร่ำคร่าทั้งสองใบแล้วก็รู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างมาทำให้สะดุดใจ
ตู้พระไตรปิฎกเก่าคร่ำคร่าใต้ถุนกุฏิหลวงปู่นาคทั้งสองใบนี้คร่ำคร่าเสียจนไม่มีสิ่งใดน่าสะดุดใจ แต่เมื่อรู้สึกสะดุดใจขึ้นมาดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นเก่าผุเต็มที เงยขึ้นไปเบื้องบนก็เข้าใจได้ว่าเวลาฝนตกน้ำฝนจากชานข้างกุฏิใหญ่ไหลมาตกลงบนตู้พระไตรปิฎกทั้งสองใบนี้ จึงทำให้เกิดการผุและชำรุด
ใบหนึ่งประตูตู้ยังปิดสนิท อีกใบหนึ่งประตูตู้ชำรุดอ้าออกแล้ว ข้างในมีแต่คัมภีร์ใบลานที่เก่าแก่คร่ำคร่า ผมลองหยิบมาอ่านดูล้วนเป็นภาษาขอม เนื้อความเป็นคัมภีร์พระมาลัยครั้งที่ไปโปรดสัตว์ในเมืองนรก ซึ่งเป็นคัมภีร์ใบลานสำหรับพระเทศน์สอนผู้คนไม่ให้ทำความชั่วเพราะกลัวจะตกนรก และเป็นบทเทศนาซึ่งนิยมกันในอดีต
ผมหวนรำลึกไปถึงความหลังเมื่อครั้งอยู่วัดกับพระอาจารย์ที่บ้านนอก สมัยนั้นพระอาจารย์ได้แนะนำว่าในอนาคตสืบไปข้างหน้ายากจะหาคนรู้ภาษาขอมแล้ว พระเณรในรุ่นหลังก็ไม่มีใครสนใจเล่าเรียน จึงสอนให้ผมเรียนรู้ภาษาขอมเพื่อจะได้อ่านและรู้ความในคัมภีร์โบราณซึ่งจะเป็นประโยชน์ในเบื้องหน้า ผมจึงได้มีโอกาสเรียนภาษาขอมซึ่งไม่มีใครเรียนตั้งแต่ในครั้งนั้น
ภาษาขอมที่ว่านี้ได้นำมาใช้จารลงในใบลานเป็นอักขระตามภาษาบาลีอย่างหนึ่ง และเป็นอักขระที่อ่านออกเสียงเป็นภาษาไทยอีกอย่างหนึ่ง คัมภีร์ในชั้นหลังๆ สำหรับพระใช้เทศน์จะจารเป็นภาษาขอมที่อ่านออกเสียงเป็นภาษาไทย และส่วนใหญ่ก็จะเป็นคัมภีร์พระมาลัย
พระอาจารย์เห็นผมเล่าเรียนภาษาขอมได้อย่างรวดเร็วและถือเป็นศิษย์วัดคนเดียวในรุ่นนั้นที่สามารถเรียนภาษาขอมได้ ดังนั้นผมจึงได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เป็นพิเศษ และเป็นเหตุให้ท่านได้สอนให้เขียนยันต์สำหรับคุ้มกันปัดเป่าและเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกมากมายหลายประการ
ผมจึงได้รู้ว่าการเขียนยันต์นั้นไม่ใช่ของง่ายเลย เพราะต้องเขียนอักขระเป็นภาษาขอมและมีลายเส้นที่มีระบบ ประณีต ประหนึ่งจะเป็นภาษาอีกชนิดหนึ่งที่จะสื่อไปถึงพลังหรือผู้ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งให้ได้รู้เพื่อจะได้รักษาคุ้มครองป้องกันจากอุปัทวันตรายทั้งปวงและส่งเสริมให้เกิดความสิริมงคล
ในขณะเขียนลายเส้นยันต์ เขียนอักขระประกอบยันต์ทั้งหลายนั้นยังจะต้องทำจิตให้เปี่ยมด้วยเมตตาแล้วแผ่ไปในทุกทิศ จากนั้นจึงต้องสำรวมจิตเข้าเป็นหนึ่งเพ่งลงมาที่ยันต์ และบริกรรมด้วยพระคาถาต่างๆ ตามที่ต้องการจะทำยันต์นั้น
เพราะเหตุที่ได้เล่าเรียนภาษาขอมจึงมีโอกาสได้เล่าเรียนยันตวิธีและพิธีอาถรรพ์ ตลอดจนไสยเวทย์ยิ่งกว่าศิษย์คนใดในสำนักของพระอาจารย์นั้น แต่เนื่องจากการทั้งปวงนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานสมาธิจิตหรือองค์ฌานอันกล้าจึงจะมีผลอย่างสมบูรณ์ดังปรารถนา ในขณะนั้นผมอายุยังน้อยด้อยพลังจิตจึงเรียนรู้ได้แต่กรรมวิธีโดยที่ไม่มีกำลังแห่งจิตเกื้อหนุนค้ำจุน แต่ถึงกระนั้นพื้นฐานความรู้ที่ได้เล่าเรียนก็เป็นบาทฐานให้แก่การฝึกฝนไปในวันข้างหน้า
ถ้าเปรียบเทียบกับหนังสือกำลังภายใน กรรมวิธีการเขียนและพิธีกรรมก็เหมือนกับกระบวนท่าร่างหรือกระบวนท่าของกระบี่ แต่จะใช้ให้ได้ผลจริงก็ต้องมีพื้นฐานกำลังภายในเป็นรากฐาน กระบวนท่าและพลังจึงก่อตัวเป็นเพลงกระบี่ที่มีอานุภาพได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
โปรดติดตามตอนที่ 12 “ผงเก่าพระสมเด็จวัดระฆัง” ในวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2549