xs
xsm
sm
md
lg

แม้ยืดเยื้อแต่ไม่ถอย

เผยแพร่:   โดย: พชร สมุทวณิช

การเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานยังดำเนินต่อไป นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ว่าได้ ที่น่าดีใจก็คือเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ยึดแนว “สันติ-อหิงสา” อย่างแท้จริง ซึ่งการต่อสู้แนวทางนี้ ต้องยอมรับหลักการอยู่อย่างหนึ่งก็คือ สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ สถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพราะฉะนั้น “ความอดทน” จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการต่อสู้เช่นนี้

ผมเองไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรมากมายนักกับทีมงาน ก็ได้แต่ชื่นชมในความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ แต่ที่น่าชื่นชมมากกว่า คือประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมต่างสู้ไม่ถอย แดดจะร้อนแค่ไหน ก็ยังยืดหยัด สู้บ้างพักบ้าง หลายคนสละเวลาที่จะได้พักผ่อนหลังเลิกงานมาชุมนุม ตกดึกกลับไปพักเอาแรงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องกลับไปทำงานต่อ เลิกงานก็มาชุมนุมใหม่ ทำเช่นนี้เป็นกิจวัตร

เพื่อนหลายคนโทรมาหาผม บอกว่า “เหนื่อยแต่ไม่ท้อ” และยังอบรมผมอีกด้วยว่า “ความอดทน” เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราจะต้องแสดงเจตนารมณ์ว่า “การชุมนุมอย่างสันติ” นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริงในสังคมไทย

การเคลื่อนขบวนคนหลายแสนที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ หรือไม่สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินสาธารณะเลย เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ หลายคนบอกผมว่า เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ หาได้ยากนักที่การชุมนุมโดยสงบเช่นนี้ เกิดขึ้นได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่างจากการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศที่เราเห็นผ่านทางจอทีวีหลายต่อหลายครั้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการเกิดขึ้นของความรุนแรงไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง

เพื่อนชาวต่างประเทศของผมคนหนึ่งอีเมล์มาถึงผม เขาบอกว่า ประเทศของคุณทำได้อย่างไร การเคลื่อนไหวของคนหลายแสนที่เขาเห็นผ่านหน้าจอทีวีจากข่าวผ่านดาวเทียม ช่างเต็มไปด้วยความสงบเรียบร้อยและเป็นระเบียบราวกับถูกฝึกมาอย่างดี เขายังล้อเล่นกับผมว่า ได้ข่าวว่าผมรู้จักกับทีมงานจัดการชุมนุม เสร็จการชุมนุมครั้งนี้ น่าจะจัดตั้ง “บริษัทรับจัดม๊อบแห่งชาติ” เพื่อที่จะให้อีกหลายประเทศได้เรียกใช้บริการบ้าง เพื่อนผมยังบอกด้วยว่า ที่เมืองนอกนั้น แค่แห่กันไปดูการแข่งขันฟุตบอล มันยังจลาจลกันเสียหายไปทั้งเมือง ถ้าหากมีการจัดตั้งบริษัทที่ว่านี้ขึ้นมา รับรองทีมฟุตบอลยุโรปกว่าครึ่งของทั้งหมด เรียกใช้บริการอย่างแน่นอน

ผมเขียนอีเมล์กลับไปบอกเขา ขึ้นต้นด้วยเสียงหัวเราะแล้วเน้นตัวหนา หมายความว่าอยากจะหัวเราะดังๆ กลับไปถึงเรื่องที่เขาแซวมาเรื่อง “บริษัทรับจัดม๊อบแห่งชาติ” ผมบอกเขาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุมนั้นเก่งกาจเลิศเลออะไรอย่างที่เขาบอกมา แต่ “สันติ-อหิงสา” นั้นเกิดขึ้นได้เพราะ “ประชาชน” ที่เข้าร่วมการชุมนุมต่างหาก

คุณภาพของประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิด “สันติ-อหิงสา” ขึ้นได้

ไม่ว่าทีมงานจัดการจะเก่งกาจแค่ไหน หากประชาชนไม่ร่วมใจกันแล้ว ความสำเร็จต่างๆ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้


การชุมนุมเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งนี้นั้น จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ “ประชาชน” ไม่ได้อยู่ที่คุณสนธิ คุณจำลอง หรือแกนนำคนใดๆ ต่อให้ซูเปอร์แมนจับมือกับแบทแมน สไปเดอร์แมน หรือซูเปอร์ฮีโร่หน้าไหนๆ มาร่วมนำกับพันธมิตรฯ ก็ไม่มีทางยิ่งใหญ่เท่ากับ “พลังประชาชน” และพลังประชาชนนี่แหละที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ใครที่ไหน

เพื่อนผมอีกคนหนึ่งโทรมาหา อยากจะให้ผมเช็คว่า แกนนำยังจะสู้ต่อไหม เพราะเห็นสถานการณ์ว่าแต่ละคนหน้าตาทรุดโทรมแทบจะดูไม่ได้ เพื่อนผมบอกว่า ขอร้องเถอะ ขอให้สู้ต่อไป อย่าถอย เพราะเขามั่นใจว่า ประชาชนจะไม่ถอยอย่างเด็ดขาด

เพื่อนผมสรุปสถานการณ์ในฐานะภาคประชาชนให้ผมฟังถึงเหตุผลที่ทำไมเขาคิดว่าประชาชนไม่ถอย ผมขอสรุปเป็นข้อๆ สั้นๆ ดังนี้

ข้อแรก ประชาชนให้ความร่วมมือในการเข้าชุมนุมครั้งนี้เพราะว่า เป็นการชุมนุมโดยสงบ ยึดหลัก “สันติ-อหิงสา” ประชาชนชาวไทยที่มีวัฒนธรรมรักสงบ จึงพร้อมใจกับเข้าร่วมอย่างเต็มใจ

ข้อสอง เป็นการแสดงออกเพื่อต้องการ “ตบหน้า” การชุมนุมทางการเมืองในระบอบที่เป็นอยู่ เราจะเห็นได้ว่า การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาเพื่อการหวังผลทางการเมืองนั้น นักการเมืองผู้จัดการชุมนุมจะใช้เงินจ่ายรายหัว ในความมุ่งหวังเรื่องพลังของตัวเลขของผู้มาชุมนุม

แต่การชุมนุมครั้งนี้ ประชาชนต้องการแสดงออกถึง “พลังบริสุทธิ์” ที่ไม่ได้รับจ้างให้มาชุมนุม แถมยัง “ตบหน้า” ระบบ “จ้างรายหัว” ของนักการเมือง ด้วยการมาร่วมการชุมนุม แถมยังบริจาคเงินและข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนอาหารกล่องต่างๆ อีกต่างหาก (ได้ข่าวว่าตอนนี้ ยอดบริจาคของการชุมนุมในครั้งนี้รวมกันแล้วร่วม 10 ล้านบาท นับว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน)

ข้อสาม ข้อนี้เป็นการพุ่งเป้าโดยตรงไปที่นายกฯ ทักษิณ และพวกพ้องโดยเฉพาะ ที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่รู้จักที่จะบริโภคข้อมูลข่าวสาร และกลั่นกรองวิเคราะห์ มีข้อสรุปชัดเจนถึงเรื่องการครอบงำประเทศของคนกลุ่มเดียวพวกเดียวไม่กี่ตระกูล หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ลูกหลานของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศจะไม่มีโอกาสที่จะทำมาหากินโดยไม่ต้องอาศัยบารมีเกาะแข้งเกาะขาคนไม่กี่ตระกูล เรานี้เป็นสิ่งที่ประชาชนยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด

และมีการประเมินกันว่า การเคลื่อนไหวไล่นายกฯทักษิณครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เคลื่อนไหวกันเต็มอัตราศึก ยืดเยื้อยาวนาน สันติและอหิงสา ถ้าหมดจากนี้ไปแล้ว ก็คงไม่มีพลังที่จะก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้อีกแล้ว

พูดง่ายๆ ว่า “ถ้าครั้งนี้ไล่ไม่สำเร็จ ก็ไม่มีหวังที่จะไล่อีกแล้ว” นี่ไม่ได้พูดถึงคุณทักษิณนะ แต่พูดถึง “ระบอบทักษิณ” ที่ยืนหยัดคู่การเมืองไทยต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

เหตุผลทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมา เพื่อนผมจึงบอกว่า ครั้งนี้รับรองว่า “ประชาชนไม่ถอย”

และเขายังยืนยันอีกด้วยว่า ประชาชนตอนนี้ตระหนักและยอมรับในเรื่องของ “ยืดเยื้อ-ยาวนาน” ดีแล้ว เนื่องจากเรายอมรับที่จะต้องแลกเพื่อหลักการ “สันติ-อหิงสา” ดังนั้น “ความอดทน” จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น

แม้บางเวลาจะมีคนปักหลักอยู่น้อย เนื่องจากประชาชนต้องไปทำมาหากิน ไม่มีเงินเหลือใช้เหมือนนักการเมืองโกงกินชาติ แต่ประชาชนจะสลับสับเปลี่ยนกันมา

ต่างคนต่าง “จัดตารางเวลากู้ชาติ” หรือ “ตารางเวลาไล่ทรราช” ของตัวเอง

เพื่อนผมกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนหลายสิบคนเล่าให้ฟังว่า จากแผนเดิมที่เคยนัดรวมตัวกันนัดมาร่วมชุมนุม เพื่อนผมกลุ่มนี้ซึ่งมาจากต่างสาขาอาชีพเล่าว่า ได้มีการปรับทัพใหม่ โดยกระจายจัดกลุ่มกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มละ 5 คน และพยายามจะเพิ่มกลุ่มเช่นนี้ให้มากที่สุดเท่าจะทำได้ ทำตารางในออกาไนเซอร์มือถือของตัวเองบ้าง ในสมุดโน้ตพาพาบ้าง พยายามลงตารางให้กับการกู้ชาติวันละ 5 ชั่วโมง ต่อวันต่อคน และพยายามจัดเวลาให้เหลื่อมกัน ตามแต่เวลาเหมาะสมของแต่ละคน แต่พยายามให้ครอบคลุมเต็มวันเพื่อรักษาความยืดเยื้อการการชุมนุมครั้งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

คงคล้ายๆ กับสมัยเราเรียนหนังสือ ที่จะต้องมี “ตารางเรียน-ตารางสอน” ที่เปลี่ยนไปทุกวันตามความเหมาะสม แต่ครบเทอมแล้ว ต้องครบหน่วยกิต ไม่งั้นไม่ได้เลื่อนชั้น ยังไงยังงั้น

เมื่อฟังแผนดังกล่าวแล้ว ผมถึงกับอึ้งและชื่นใจไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากจะเห็นได้ว่า แม้ว่าระบบการโกงกินชาติบ้านเมืองและรักษาอำนาจในการครอบงำประเทศชาติในปัจจุบัน จะทวีความซับซ้อนไปมากกว่าในอดีต แต่ภาคประชาชนนั้น ก็ได้เข้าใจและพัฒนาการเคลื่อนไหวไปในทาง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่แพ้กัน

แล้วคุณหล่ะ มี “ตารางเวลาไล่ทรราชย์” เป็นของตัวเองแล้วหรือยัง
กำลังโหลดความคิดเห็น