xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาของเราก็คือปัญหาคอร์รัปชันจะพูดกับใคร?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเมืองที่มาถึงวันนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจสำคัญไม่มากนัก ประเด็นแรกที่สำคัญที่สุดก็คือความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของคนไทยจำนวนหนึ่งที่ลงทุนเสียสละชีวิตมาเป็นตำรวจเพราะเข้ามากินเงินเดือน และรายได้เพื่อการดำรงชีวิตที่เป็นสุข มาเข้าแถวรอการใช้อำนาจตามคำสั่งให้มาสร้างความหวาดเกรงให้กับผู้คนที่เดินทางเข้ามาชุมนุมเป็นประการแรก ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นความทุกข์อันสาหัสที่เขาไม่จำเป็นจะต้องทำ

เพราะโดยสภาพแล้วตำรวจควรจะได้นอนกอดลูกกอดเมียอยู่กับบ้าน

ในขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาจากสุดหล้าสุดแผ่นดินเป็นแสนที่เดินทางเข้ามาร่วมชุมนุนนั้น ต้องมานอนอดนอนอยากอยู่ที่สนามหลวง

นั่นเป็นประเด็นแรกที่น่าสนใจมาก

ปัญหาต่อไปก็คือว่าคนจำนวนแสนๆ คนที่อุตส่าห์ทนทุกข์ยากถ่อกายเข้ามาร่วมกันชุมนุมชนิดที่ยอมตายก็คือ การเข้ามาคัดค้านการขายชาติของนักการเมืองโจรานุโจรของเราที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนี้

นอกจากการขายชาติขายประเทศแล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือองค์การทางการเมืองของเราที่มีอยู่ในขณะนี้ เป็นองค์การที่มีความสกปรกอย่างชั่วร้ายสองประการคือเป็นองค์การคอร์รัปชันหรือการมีชีวิตอยู่ด้วยการใช้ตำแหน่งหน้าที่คอร์รัปชัน กินบ้านกินเมือง และขายชาติ!

ปัญหาความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าของประชาชนและรัฐบาลในขณะนี้คือการคอร์รัปชัน การกินบ้านกินเมือง และการขายชาติ (ปัญหาอื่นไม่มี)

ความต้องการของประชาชนที่เป็นต้นตอหรือเป็นที่มาของความขัดแย้งที่ว่านั้นเกิดจากปัญหานี้

และที่มีคนสำคัญของชาติ ไม่ว่านักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่บอกว่าควรจะหันหน้าเข้าหากัน พูดจาปราศรัยกันดีๆ บ้านเมืองจะไม่มีอะไรต้องยุ่งยากซึ่งเป็นการพูดการบอกกล่าวที่สามารถจะทำความเข้าใจกันได้ ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจว่าการหันหน้าเข้าหากันระหว่างโจรกับชาวบ้าน เจ้าของทรัพย์สินกับโจรมหาโจรนั้น มันจะมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากการปล้นและการถูกปล้นระหว่างคนที่ต่างก็หันหน้าเข้าหากันคู่นั้น

นายตำรวจที่มีอำนาจท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ว่าที่เขามีความเห็นว่าคนไทยควรจะเจรจากัน และเปิดไฟหน้ารถทักทายกันเพราะเหตุว่า “คนไทยยังอยากเห็นความสามัคคีปรองดองกัน” ซึ่งเขาไม่บอกว่าคนไทยเวลานี้กับนักการเมืองปล้นชาติมันปรองดองกันไม่ได้ ฝ่ายหนึ่งมีชาติพอได้อาศัยซุกหัวนอนอยู่กับลูกหลาน แต่พวกโจรมหาโจรทางการเมืองไม่กี่คนกับลูกเมีย และโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลสุดที่รักของพวกเขากำลังร่วมมือกันปล้นชาติและเอาชาติไปขาย เพื่อทำลายชาติไทยและคนไทยแลกกับการเปลี่ยนโคตรวงศ์ของตัวเองไปเป็นอเมริกา และคนสิงคโปร์ ผมมองไม่เห็นว่าทำไมจะต้องไปเจรจาปรองดองกับมัน

ผมไม่รู้ว่าไอ้ไทยนรกที่ไหนจะต้องวิ่งไปสนับสนุน และเห็นอกเห็นใจคนขายชาติ?
ทั้งๆ ที่มีทางเลือกอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้นคือ ยิงมันทิ้งและถีบมันลงนรกไปเสีย
มันจะไม่บัดซบกันไปหน่อยหรือที่คิดจะหลอกลวงประชาชนส่วนใหญ่อีกต่อไป?
ไม่มีใครจะไปทำโง่ๆ อย่างนั้นในประเทศไทย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำกันได้คือ มันออกไปให้พ้นแผ่นดินไทยเท่านั้น จึงจะสวยงามอย่างยิ่ง!!

แล้วก็ไม่มีใครที่จะเสียเวลาไปเปิดไฟหน้ารถให้มันยุ่งยาก เพราะถ้าใครหายืมรถมานั่งเปิดไฟไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวเท่านั้นคือ “กระทืบ” เช่นเดียวกัน

คำตอบเหล่านี้เป็นคำตอบหรือเป็นคำบอกกล่าวที่จะไปหาฟังได้ในตอนเย็นของทุกวันที่สนามหลวงของพันธมิตรกู้ชาติ ทำให้ผมต้องเก็บเอาคำไม่เพราะหูมาพูดให้ฟัง

เลิกโง่กันเถอะครับ

โจรสมัยก่อนเมื่อเข้าปล้นแล้ว วัวควายหมูหมาและทรัพย์สินใดๆ จะไม่ได้รับความเสียหาย เมื่อเข้าปล้นได้พอกินตามความต้องการแล้ว เขาก็จะพากันถอยออกไปและห้ามเด็ดขาดที่จะทำให้ใครเดือดร้อนอีกด้วย แม้แต่ศาลเพียงตาที่เข้ามาตั้งไว้ เขาจะปล้นชาติเพราะความจำเป็น ไม่มีอะไรเกินความจำเป็น

คนไทยสมัยโบราณที่เกิดมาเป็นโจร เมื่อถึงวันที่จะเข้าปล้นเขาจะจัดตั้งศาลเพียงตาขึ้นมาบอกกล่าวแก่เจ้าที่เจ้าทาง และพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของแผ่นดิน คนไทยที่เป็นโจรมหาโจรสมัยนั้น จะบอกกล่าวทุกฝ่ายที่เข้ามาปล้นครั้งนี้ เขาจะประกาศต่อหน้าศาลว่าที่เขากระทำการครั้งนี้ เพราะเขาไม่มีทางทำมาหากินกันหรือหมดทางหากิน เขาจึงจะมาขอแบ่งปันเอาไปกินบ้างเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่เอาทั้งหมด ไม่ว่าสัตว์เลี้ยงวัวควาย อาหารการกินจะไม่ทำร้ายใครขอให้ยอมให้เขาปล้นเสียดีๆ เท่านั้นก็พอ

ผิดกับพวกโจรที่มันปล้นประเทศขายประเทศอยู่ในขณะนี้
มันปล้นกันอย่างเปิดเผยเป็นพวกเป็นฝูง
มันปล้นมันขายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ
โดยมีอุปกรณ์สองอย่างคือเงินจำนวนมหาศาล ทั้งเงินหลวงและกฎหมายที่มันเขียนกันขึ้นมาเองตามแผนที่มันวางเป็นเครื่องมือ
ซึ่งการปล้นของมันมาถึงตอนนี้ปรากฏว่ามันเอาไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างภายในประเทศชาติเรียบร้อย
มันอ้างเป็นการปล้นสะดมที่มี “กติกา” หรือตามระบอบประชาธิปไตยของเดรัจฉานของมันซึ่งมันเคยเขียนโฆษณาออกมาอย่างโก้เก๋ว่า “ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย รักษากติกา เดินหน้าปฏิรูปการเมือง”

เป็นเรื่องน่าอนาถที่สุดและโหลยโท่ยที่สุดเมื่อพิจารณาดูว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง

ไม่มีกติกาอะไรที่จะต้องรักษา และไม่มีอะไรที่จะต้องปฏิรูป นอกจากคนหรือนักการเมืองที่จะต้องทำเพียงสองอย่างเรื่องก็จะจบลงคือยุติการคอร์รัปชัน และการขายชาติเท่านั้น

ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นเพราะไม่มีกติกาหรือไม่เกี่ยวกับการปฏิรูปประชาธิปไตยอะไรที่ไหน แต่มันอยู่ที่การจะต้องยุติการคอร์รัปชัน และการขายชาติของนักการเมืองสกปรกทุกคนในปัจจุบันนี้

เพราะในวงการเมืองไทยนั้น ไม่มีอะไรเลยที่มันเคยเป็นประชาธิปไตย
ไม่เคยมีระบอบประชาธิปไตยในประเทศของคนขายชาติพวกหนึ่งในประเทศนี้
ทุกอย่างเป็นการดึงนั่นยืมนี่หรืออุปโลกน์หลอกลวง ปั้นนั่นปั้นนี่ขึ้นมาแล้วก็เอามาโกหกพกลมบอกกันว่ามันเป็น ระบอบประชาธิปไตย

ระบบการปกครองของไทยเรานั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาเป็นระบบประชาชนมีโอกาสเข้าไปเลือกตั้งเพื่อทำหน้าที่ออกเสียงและรับรองหลักการที่จะนำออกมาปกครองประเทศชาติที่เรียกว่า ผู้แทนราษฎร หรือผู้แทนที่ราษฎรที่ส่งเข้ามาเป็นตัวแทน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การได้เป็นผู้แทนของใครก็ตามจะมีโอกาสเข้ามาได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีเกียรติและมีสิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทนหรือเงินดือนสูงกว่าประชาชนธรรมดา พร้อมด้วยความสำเร็จอื่นๆ เหนือประชาชนมันอยู่ที่เงิน เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นเรื่องของการแข่งขันกันว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งในสมัยแรกๆ จึงเริ่มต้นด้วยการซื้อเสียงซื้อคะแนนเพื่อให้ตนเองได้รับชัยชนะ

การสมัครรับเลือกตั้งที่จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดของใครก็ได้ ที่ลงสมัครรับ
เลือกตั้งที่เคยเกิดขึ้นแม้แต่คนขายยาหม่องยาดมก็ได้การเลือกตั้ง เพราะสามารถซื้อเสียงได้เพราะมีนายทุนสนับสนุนหรือมีเงินมากพอที่จะซื้อเสียงได้หรือซื้อเสียงในราคาถูกๆ

จากนั้น การเลือกตั้งด้วยการซื้อเสียง และการใช้เงินอย่างมหาศาลก็เกิดขึ้นไปทั่วประเทศทุกสมัยเลือกตั้งซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่เหล้าขาว 1 ขวดในระยะแรก จนกระทั่งปัจจุบันนี้ค่าคะแนนเสียงเป็นร้อยเป็นพันบาท และเป็นหมื่นๆ บาทขึ้นไป

ค่าใช้จ่ายในการซื้อเสียงเลือกตั้ง การโฆษณาตัวเอง และอื่นๆ ในสมัยนี้เท่าที่ปรากฏและยืนยันกันว่าอย่างต่ำที่สุดจะไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำสุด

คนที่จะสมัครผู้แทนและคนที่จะได้เป็นผู้แทน จึงอยู่กับเงินที่จะซื้อคะแนนเสียงหรือติดสินบนประชาชน

มันเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายที่โหดร้ายที่สุด
และมันก็เป็นอาชีพที่สกปรกโสโครกที่สุดอาชีพหนึ่งในวงการเมือง
ต่อมาเมื่อมีการดัดจริตออกรัฐธรรมนูญ และวางหลักเกณฑ์อะไรต่ออะไรขึ้นมาให้มันเสียค่ากระดาษพิมพ์ก็คือต้องบัญญัติไว้ว่าคนที่จะมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้นั้น จะต้องสังกัดพรรคการเมือง ในรัฐธรรมนูญที่โกหกว่าเป็นเรื่องของประชาธิปไตยโดยพวกโจรานุโจรทุกคนจึงต้องมีพรรคการเมืองเพื่อหาคนที่จะออกเงินให้ตั้งพรรคหรือซื้อขายพรรค และนักการเมืองพร้อมกันไปทุกประการ
ทำให้ระบอบประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งจึงเป็นร้านโชวห่วยเป็นที่แลกเปลี่ยนซื้อขายทางการเมืองซึ่งทุกคนจะต้องการหาผลประโยชน์ ทุกคนจะสามารถเข้ามาทำมาหากินได้หรือซื้อขายได้ทุกอย่าง ทั้งความเป็นผู้เป็นคนและสัตว์เลี้ยงที่ต้องทำหน้าที่เป็นทาสของเงิน เป็นระบบการซื้อขายผู้คน และความต้องการของคนเพื่อความสำเร็จทางการเมืองทั้งสิ้น

การเมืองในเมืองไทยจะเริ่มต้นและเสร็จสิ้นลงด้วยการเลือกตั้งผู้แทนของประชาชนมาจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน หรือทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่เป็นสัตว์เลี้ยงทางการเมืองตัวหนึ่งปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เราจะเอามาพูดกัน

ทางที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนี้ได้นั้นมีอย่างเดียวคือ บ้านเมืองของเรานั้นก็คือเวลานี้มีโจรทางการเมืองชั่วชาติอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่หลอกลวงต้มประชาชนในการขึ้นมาเป็นรัฐบาล และทำหน้าที่ปล้นประชาชน ซึ่งประชาชนของเราก็ยอมให้มันปล้น ปล่อยให้มันทำลายบ้านทำลายเมืองต่อไปตามปกติเป็นเวลานานเท่านาน

สำหรับประชาชนก็ไม่มีอะไรต้องคัดค้าน นอกจากหันหน้าเข้าหากันให้มันถุยน้ำลายใส่ และยกชาติยกแผ่นดินให้นักการเมืองพวกนั้นต่อไป

เรื่องมันก็จะจบลงอย่างหวานฉ่ำที่สุดแบบนั้นมาจนบัดนี้

และมันก็แสดงว่าทุกวันนี้คนที่เกิดมาอยู่ในแผ่นดินนี้ จะต้องขายชาติ ยกชาติให้พวกโจรมหาโจรปล้นให้มันทำลายด้วยความชื่นชมมาตลอด

แต่มาถึงวันนี้ มีคนไทยทั้งประเทศเริ่มรู้ความจริงแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็พากันรวมตัวออกมาคัดค้าน ซึ่งการคัดค้านประการแรกก็คือไม่ต้องการให้นักการเมืองพวกนี้ปล้นชาติ กินชาติและขายชาติหรือสรุปเรียกกันว่าไม่ให้เกิดการคอร์รัปชันขึ้นโดยโจรมหาโจรในคณะรัฐบาล

หรือถ้าคอร์รัปชันกันมาอย่างเต็มรักแล้วก็ขอให้ยุติเสียโดยเร็ว
ข้อขัดแย้งประการต่อมาก็คือ ไม่ให้ขายชาติขายประเทศอย่างที่ขายมาแล้ว
ตั้งแต่การขายจิ๊บจ๊อยในเรื่องต่างๆ ให้แก่ประเทศสิงคโปร์ และการขายชาติให้แก่ประเทศมหาอำนาจ เช่น กรณีการหลับหูหลับตาในรูปการตกลง FTA ที่ทำให้เกิดความสูญเสียที่เรียกกันว่าถึงกับฉิบหายย่อยยับ ตัวอย่างความฉิบหายย่อยยับที่ว่านั้นก็คือความหายนะฉิบหายของคนยากคนจนจำนวนมากกว่า 2-3 ล้านคน ที่ประกอบอาชีพโคนมที่เป็นสมาชิกสหกรณ์โคนมที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผลของการตกลงตามข้อตกลง FTA กับต่างชาติเป็นตัวอย่างหรือกรณีกองทัพสิงคโปร์ยกกองทัพเข้ามาใช้สนามบิน และเป็นที่มั่นของกองทัพสิงคโปร์ที่เข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทยหรือกองทัพของอเมริกาเข้ามาประจำการในภาคเหนืออยู่ในขณะนี้ (คนไทยไม่มีสิทธิที่จะผ่านเข้าไปในบริเวณเหล่านี้ได้แม้แต่เข้าไปบ้วนน้ำลาย)

ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาการขายชาติหรือการมอบเอกราชอธิปไตยให้แก่สิงคโปร์ และอเมริกาเพื่อเป็นเมืองขึ้นอย่างถาวรของไทยต่อประเทศเหล่านั้น

เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ ทำไมจะต้องไปพูดอะไรกันอีก?
หรือจะต้องไปพูดกับสุนัขที่ไหนอีก
หรือจะมีสุนัขที่ไหนที่จะหันหน้ามาพูดกับพวกขี้ข้าอย่างคนไทยที่ตกเป็นทาสคนพวกนี้มานานแล้ว เพราะคนไทยมันขายชาติกันหมดไปแล้ว

ไม่ว่ารัฐบาลทรลักษณ์ของเราจะพยายามปกปิดไว้สักเท่าไรก็ตาม ก็เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนั้นแม้แต่จะหลับตาดูก็อาจจะมองเห็นหรือเข้าใจว่าปัญหาความฉิบหายของคนไทย และชาติไทยนั้นมันอยู่ในกำมือของประเทศล่าเมืองขึ้นเหล่านี้มันสะสมมานานแล้ว

และเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมคนไทยต้องเสียเวลาหันหน้าไปให้มันโกหกหลอกลวงอะไรอีก

นอกจากยิงมันทิ้งหรือร่วมกันกระทืบให้หนักแล้วโยนลงนรกให้หมดทุกคนทุกหมู่ทุกเหล่าที่มันบอกว่าให้หันหน้าเข้าหากันไปปรองดองกับมัน

มีทางเดียวเท่านั้น!!

กำลังโหลดความคิดเห็น