นายทหารอาชีพที่น่านับถือที่ผมรู้จักอีกท่านหนึ่งคือ พล.อ.สายหยุด เกิดผล พล.อ.สายหยุดเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับพ่อผมคือรุ่น 12 ธ.ค. 2483
เด็กๆ ผมได้ยินพ่อผมพูดถึงเพื่อนร่วมรุ่น 2 คนคือ พล.อ.สายหยุด กับ พล.อ.เสริม ณ นคร ว่าเป็นคนเก่ง ผมได้พบกับพล.อ.สายหยุดเพราะเพื่อนฝรั่งคือ เดวิด มอเรลล์ รู้จักกับท่านดี เวลาเดวิดมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกก็จะไปสัมภาษณ์ พล.อ.สายหยุด หลายครั้ง
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผมช่วยงานท่านอาจารย์สัญญา อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาติดต่อบอกว่าทางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย อยากเจรจาหยุดยิง ขอให้ผมขึ้นไปคุยบนภูเขาแถวเพชรบูรณ์ เวลานั้นรัฐบาลกดดัน พคท.ใช้เครื่องบินเจ็ตถล่มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ผมได้กราบเรียนให้ท่านอาจารย์สัญญาทราบ ท่านอาจารย์บอกให้ผมไปปรึกษา พล.อ.สายหยุด
ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ พล.อ.สายหยุดฟัง ท่านไม่ยอม ท่านเห็นว่าเป็นกลยุทธ์ของ พคท.เพราะ พคท.ถูกกดดันมาก ผมแจ้งว่าทาง พคท.ต้องการให้รัฐบาลแสดงความจริงใจว่าจะเจรจา โดยหยุดยิงก่อน นอกจากนั้น พล.อ.สายหยุด ยังเตือนผมด้วยว่า หากผมเข้าไปในพื้นที่ก็จะไม่รับรองความปลอดภัย
เวลานั้นผมรู้สึกว่า พล.อ.สายหยุดไม่ค่อยฟังหรือน่าจะลองดู เดวิด มอเรลล์ มักจะบอกผมว่าในบรรดานายทหารทั้งหลาย พล.อ.สายหยุดจัดว่าเป็นคนซึ่งพูดรู้เรื่องที่สุด เป็นสาย “พิราบ” ไม่ใช่ “สายเหยี่ยว”
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ พล.อ.สายหยุดจึงเป็นแบบนักวิชาการ ไม่ใช่เพราะผมเป็นลูกเพื่อน หลังจากนั้น ผมได้พบกับพล.อ.สายหยุดในวงสัมมนา ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ
พล.อ.สายหยุด เป็นนายทหารอาชีพ เมื่อเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีนายทหารหนุ่มๆ มาชวนให้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติหลายครั้ง แต่ท่านไม่รับ และก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมืองเหมือนทหารคนอื่น
พล.อ.สายหยุด เป็นนักวิชาการจึงได้รับเชิญให้มาร่วมสัมมนากับพวกเราเสมอ ในระยะหนึ่งผมเป็นผู้ประสานงานโครงการความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ผมมีสำนักเลขานุการอยู่ที่สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษาที่สิงคโปร์ เราจัดการสัมมนาปีละ 3 ครั้ง พล.อ.สายหยุด และพล.ต.บุญสร้าง (ยศขณะนั้น) จะไปร่วมประชุมกับเราตลอด
สมัยก่อนนักวิชาการกับทหารมักจะแยกวงกัน พล.อ.สายหยุดจึงเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ท่านแรกๆ ที่ได้รับความเชื่อถือจากนักวิชาการ ต่อมาจึงมีนายทหารระดับรองๆ ลงมาอีกหลายคนที่เข้ามาร่วม
เวลาไปสัมมนาไม่ว่าจะเป็นในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ พล.อ.สายหยุดจะหิ้วไม้เทนนิสไปด้วยเสมอ พอประชุมเสร็จก็รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวไปตีเทนนิส ท่านบอกผมว่า ท่านตีเทนนิสทุกวันไม่เคยขาดเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว
เวลาเล่นเทนนิสกัน ท่านจะตีด้วยความใจเย็นมากๆ ตีลูกข้ามเน็ตไม่ออกสักลูก ผมตีเทนนิสแบบคนใจร้อนจึงมักตบออกบ้างติดเน็ตบ้าง ไม่เคยเอาชนะท่านได้เลย ท่านจะเยาะเย้ยเล่นๆ เสมอว่า ผมเป็นรุ่นลูกแต่สู้ท่านไม่ได้
นอกจากเล่นเทนนิสทุกวันแล้ว ท่านยังเล่นกอล์ฟและเขียนตำรากอล์ฟอีกด้วย ผมไม่เคยเล่นกอล์ฟกับท่าน
เมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีผู้มาชวนท่านให้ตั้งพรรคการเมือง ท่านเป็นคนเชื้อสายลาวพวนจากสุโขทัย ท่านถามผมๆ เรียนท่านว่า การตั้งพรรคและการสมัครเลือกตั้งนั้นต้องใช้เงินมาก การช่วยบ้านเมืองในทางการเมืองสามารถทำได้โดยไม่ต้องเล่นการเมืองโดยตรง ท่านถามว่าทำอย่างไร ผมเรียนว่า การเมืองนั้น ทำแบบไม่มีฝักฝ่ายอย่างที่เรียกว่า non-partisan คือไม่สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดโดยตรง ผมเรียนว่า การตั้งกลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมไทย และท่านน่าจะทำได้ดี ท่านเห็นด้วยและปฏิเสธไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แต่ไปตั้งกลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งโดยเป็นประธาน ท่านทำหน้าที่นี้อยู่หลายปี
พล.อ.สายหยุด มีสุขภาพดีมากเพราะเล่นกีฬาทุกวัน ผมเรียนรู้จากท่านว่า การทำอะไรให้เป็นกิจวัตรนั้นเป็นของดี แต่ก่อนผมเล่นเทนนิสได้ทีละสอง-สามชั่วโมงกับคุณเจริญจิต ณ สงขลา และผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่สนามรัฐสภา มีคุณมนตรี ตัณฑวิรัตน์ เป็นโต้โผใหญ่ ต่อมาผมเป็นโรคหัวใจเลยหยุดไปว่ายน้ำ ซึ่งผมก็ทำตามแบบอย่างพล.อ.สายหยุด คือว่ายน้ำทุกวันไม่เคยขาดเว้น แต่ป่วยหรือเป็นแผล พล.อ.สายหยุดนั้นถึงกับเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ คล้ายๆ กับคุณอนันต์ อนันตกูล ผมเคยเล่นกอล์ฟกับท่าน พอขึ้นรถก็เปลี่ยนชุดไปงานแต่งงานเลย นับว่าทั้งสองท่านบริหารเวลาเก่งมาก
การบริหารเวลาเก่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้ใหญ่ที่มีงานมาก ทั้งพล.อ.สายหยุด และคุณอนันต์ อนันตกูล ต่างมีภารกิจมาก แต่สามารถเล่นกีฬาได้อย่างสม่ำเสมอ และทั้งสองท่านเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว ตัดสินใจเด็ดขาด โดยเฉพาะคุณอนันต์ อนันตกูล อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารเวลาดีเยี่ยม ผมยังไม่เห็นใครทำงานและแบ่งเวลาได้เก่งเท่าคุณอนันต์
เวลานี้ทั้งสองท่านก็ยังคงมีสุขภาพดี และเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ
เด็กๆ ผมได้ยินพ่อผมพูดถึงเพื่อนร่วมรุ่น 2 คนคือ พล.อ.สายหยุด กับ พล.อ.เสริม ณ นคร ว่าเป็นคนเก่ง ผมได้พบกับพล.อ.สายหยุดเพราะเพื่อนฝรั่งคือ เดวิด มอเรลล์ รู้จักกับท่านดี เวลาเดวิดมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกก็จะไปสัมภาษณ์ พล.อ.สายหยุด หลายครั้ง
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผมช่วยงานท่านอาจารย์สัญญา อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาติดต่อบอกว่าทางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย อยากเจรจาหยุดยิง ขอให้ผมขึ้นไปคุยบนภูเขาแถวเพชรบูรณ์ เวลานั้นรัฐบาลกดดัน พคท.ใช้เครื่องบินเจ็ตถล่มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ผมได้กราบเรียนให้ท่านอาจารย์สัญญาทราบ ท่านอาจารย์บอกให้ผมไปปรึกษา พล.อ.สายหยุด
ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ พล.อ.สายหยุดฟัง ท่านไม่ยอม ท่านเห็นว่าเป็นกลยุทธ์ของ พคท.เพราะ พคท.ถูกกดดันมาก ผมแจ้งว่าทาง พคท.ต้องการให้รัฐบาลแสดงความจริงใจว่าจะเจรจา โดยหยุดยิงก่อน นอกจากนั้น พล.อ.สายหยุด ยังเตือนผมด้วยว่า หากผมเข้าไปในพื้นที่ก็จะไม่รับรองความปลอดภัย
เวลานั้นผมรู้สึกว่า พล.อ.สายหยุดไม่ค่อยฟังหรือน่าจะลองดู เดวิด มอเรลล์ มักจะบอกผมว่าในบรรดานายทหารทั้งหลาย พล.อ.สายหยุดจัดว่าเป็นคนซึ่งพูดรู้เรื่องที่สุด เป็นสาย “พิราบ” ไม่ใช่ “สายเหยี่ยว”
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ พล.อ.สายหยุดจึงเป็นแบบนักวิชาการ ไม่ใช่เพราะผมเป็นลูกเพื่อน หลังจากนั้น ผมได้พบกับพล.อ.สายหยุดในวงสัมมนา ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ
พล.อ.สายหยุด เป็นนายทหารอาชีพ เมื่อเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีนายทหารหนุ่มๆ มาชวนให้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติหลายครั้ง แต่ท่านไม่รับ และก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมืองเหมือนทหารคนอื่น
พล.อ.สายหยุด เป็นนักวิชาการจึงได้รับเชิญให้มาร่วมสัมมนากับพวกเราเสมอ ในระยะหนึ่งผมเป็นผู้ประสานงานโครงการความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ผมมีสำนักเลขานุการอยู่ที่สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษาที่สิงคโปร์ เราจัดการสัมมนาปีละ 3 ครั้ง พล.อ.สายหยุด และพล.ต.บุญสร้าง (ยศขณะนั้น) จะไปร่วมประชุมกับเราตลอด
สมัยก่อนนักวิชาการกับทหารมักจะแยกวงกัน พล.อ.สายหยุดจึงเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ท่านแรกๆ ที่ได้รับความเชื่อถือจากนักวิชาการ ต่อมาจึงมีนายทหารระดับรองๆ ลงมาอีกหลายคนที่เข้ามาร่วม
เวลาไปสัมมนาไม่ว่าจะเป็นในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ พล.อ.สายหยุดจะหิ้วไม้เทนนิสไปด้วยเสมอ พอประชุมเสร็จก็รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวไปตีเทนนิส ท่านบอกผมว่า ท่านตีเทนนิสทุกวันไม่เคยขาดเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว
เวลาเล่นเทนนิสกัน ท่านจะตีด้วยความใจเย็นมากๆ ตีลูกข้ามเน็ตไม่ออกสักลูก ผมตีเทนนิสแบบคนใจร้อนจึงมักตบออกบ้างติดเน็ตบ้าง ไม่เคยเอาชนะท่านได้เลย ท่านจะเยาะเย้ยเล่นๆ เสมอว่า ผมเป็นรุ่นลูกแต่สู้ท่านไม่ได้
นอกจากเล่นเทนนิสทุกวันแล้ว ท่านยังเล่นกอล์ฟและเขียนตำรากอล์ฟอีกด้วย ผมไม่เคยเล่นกอล์ฟกับท่าน
เมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีผู้มาชวนท่านให้ตั้งพรรคการเมือง ท่านเป็นคนเชื้อสายลาวพวนจากสุโขทัย ท่านถามผมๆ เรียนท่านว่า การตั้งพรรคและการสมัครเลือกตั้งนั้นต้องใช้เงินมาก การช่วยบ้านเมืองในทางการเมืองสามารถทำได้โดยไม่ต้องเล่นการเมืองโดยตรง ท่านถามว่าทำอย่างไร ผมเรียนว่า การเมืองนั้น ทำแบบไม่มีฝักฝ่ายอย่างที่เรียกว่า non-partisan คือไม่สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดโดยตรง ผมเรียนว่า การตั้งกลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมไทย และท่านน่าจะทำได้ดี ท่านเห็นด้วยและปฏิเสธไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แต่ไปตั้งกลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งโดยเป็นประธาน ท่านทำหน้าที่นี้อยู่หลายปี
พล.อ.สายหยุด มีสุขภาพดีมากเพราะเล่นกีฬาทุกวัน ผมเรียนรู้จากท่านว่า การทำอะไรให้เป็นกิจวัตรนั้นเป็นของดี แต่ก่อนผมเล่นเทนนิสได้ทีละสอง-สามชั่วโมงกับคุณเจริญจิต ณ สงขลา และผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่สนามรัฐสภา มีคุณมนตรี ตัณฑวิรัตน์ เป็นโต้โผใหญ่ ต่อมาผมเป็นโรคหัวใจเลยหยุดไปว่ายน้ำ ซึ่งผมก็ทำตามแบบอย่างพล.อ.สายหยุด คือว่ายน้ำทุกวันไม่เคยขาดเว้น แต่ป่วยหรือเป็นแผล พล.อ.สายหยุดนั้นถึงกับเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ คล้ายๆ กับคุณอนันต์ อนันตกูล ผมเคยเล่นกอล์ฟกับท่าน พอขึ้นรถก็เปลี่ยนชุดไปงานแต่งงานเลย นับว่าทั้งสองท่านบริหารเวลาเก่งมาก
การบริหารเวลาเก่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้ใหญ่ที่มีงานมาก ทั้งพล.อ.สายหยุด และคุณอนันต์ อนันตกูล ต่างมีภารกิจมาก แต่สามารถเล่นกีฬาได้อย่างสม่ำเสมอ และทั้งสองท่านเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว ตัดสินใจเด็ดขาด โดยเฉพาะคุณอนันต์ อนันตกูล อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารเวลาดีเยี่ยม ผมยังไม่เห็นใครทำงานและแบ่งเวลาได้เก่งเท่าคุณอนันต์
เวลานี้ทั้งสองท่านก็ยังคงมีสุขภาพดี และเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ