ทีมกม.ปชป.จับมือขบวนการอีสานกู้ชาติ ตรวจสอบรายชื่อการเป็นสมาชิกพรรคเล็ก พบพิรุธสมัคร พ.ย.48 แต่กลับแจ้งเพิ่ม 28 ก.พ.49 หลังยุบสภา พร้อมเดินหน้าแจ้งความเอาผิดหัวหน้าพรรคไทยช่วยไทย ฐานปลอมแปลงเอกสาร อดีตส.ส.กระบี่ ปชป.แฉผู้สมัคร 3 เขตกระบี่ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ ส่งข้อมูลกกต.สอบพิรุธไม่สังกัดสมาชิกพรรค 90 วัน "อภิสิทธิ์" เรียกประชุมอดีตส.ส.ทุกเขตเช็คข้อมูลด่วน
วานนี้ (9 มี.ค.)ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายสุวโรช พะลัง และนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานขบวนการอีสานกู้ชาติ ได้เดินทางมามาขอตรวจสอบรายชื่อการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดได้เข้าหารือกับ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.
ภายหลังการหารือ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต.กล่าวว่าที่ประชุมได้มีมติให้ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ และตัวแทนขบวนการอีสานกู้ชาติ ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ตามที่ต้องการได้ทุกกรณีร่วมกับนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการด้านกิจการพรรคการเมือง
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ขบวนการอีสานกู้ชาตินำมายื่นกกต.ระบุว่า ระหว่างวันที่ 4-7 มี.ค.มีการประชุมของ 3 พรรคการเมือง คือ พรรค ธ. พรรค พ. พรรค ก. ที่ห้อง 401 รร.กานต์มณี ถ.ประดิพันธ์ ร่วมกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนพรรคการเมืองใหญ่ และเสธ.อ. ให้มาเป็นตัวแทน ได้ทำการจัดโผ แบ่งโซนผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อมิให้แต่ละพรรคส่งผู้สมัครทับซ้อนกัน โดยตกลงจ่ายค่าสมัครในราคา 120,000 บาทต่อคน และมีผู้ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กกต.ฝ่ายสมาชิกพรรคการเมือง นำแผ่นดิสก์ บรรจุข้อมูลรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองประจำปี 47,48 มาทำการปรับเปลี่ยนข้อมูลให้เข้ากับคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเมนเฟรมของ กกต.ต่อไป
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดผู้ที่ลงสมัครจึงมีวันสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกัน นายปริญญา กล่าวว่าไม่แน่ใจว่า เวลานี้มาในรูปแบบไหน และกำลังหาข้อมูลอยู่ แต่การที่วันสมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นวันเดียวกันจำนวนมากๆ นั้น ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหากผู้ใดพบเหตุที่น่าสงสัยว่า ผู้สมัครรายใดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือสังกัดพรรคการเมืองไม่ถึง 90 วัน มีวุฒิกาศึกษาไม่จบปริญญาตรี ไม่มีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ที่ลงสมัครติดต่อกัน 1 ปี ก็สามารถแจ้งให้ กกต.ตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.ได้มีมติสั่งเพิกถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งรวม 3 ราย คือ 1. น.ส.ลักขณา โกษา ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 23 พรรคประชากรไทย เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 2.นายเสถียร โพสาวัง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 27 พรรคประชากรไทย เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรค และ 3.นายประพันธ์ วาระสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 4 พรรคพัฒนาชาติไทย เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน
นายปริญญา ยังกล่าว ถึงกรณีที่การปราศรัยหาสียงของพรรคไทยรักไทย มีการใช้ถ้อยคำโจมตีพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายปริญญากล่าวว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทได้ แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงสมัคร แต่การที่พรรคไทยรักไทยไปปราศรัยหากเป็นการใส่ร้ายเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองก็เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้
ขณะที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และขบวนการอีสานกู้ชาติ หลังได้เข้าตรวจสอบรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตในพื้นที่ 56 เขต 14 จังหวัดภาคใต้ กับนายวีระศาสตร์ นริศบุญสนอง ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมืองแล้ว นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวว่า เป็นไปอย่างที่ตั้งข้อสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ลงสมัครในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเดิม กกต.ให้แต่ละพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคมาให้กับ กกต.ทราบในวันที่ 31 ธ.ค.48 แต่ในปีนี้ได้ขอความร่วมมือให้พรรคการเมืองแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคที่มีการสมัครเพิ่มเติมในช่วง ม.ค.-ก.พ.49 เพื่อใว้ใช้ตรวจสอบกับการเลือกตั้ง ส.ว. ปรากฎว่าในบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคไทยช่วยไทย ที่มีการแจ้งเพิ่มเติมมาที่ กกต.ฉบับลงวันที่ 28 ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่มีการยุบสภาฯ แล้วกลับพบว่ามีรายชื่อสมาชิกที่ยื่นสมัครลงวันที่ 5 พ.ย.48 เหมือนกันหมด ทั้งที่โดยหลักความเป็นจริงแล้วผู้ที่สมัครในช่วงดังกล่าวจะต้องแจ้งมาในยอดบัญชีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.48 ซึ่งบุคคลที่ยื่นเพิ่มมาดังกล่าวล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่ลงสมัคร ส.ส.เขตในพื้นที่ภาคใต้ ประกบกับผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น
นายสุวโรช กล่าวว่า ตนและนายสาธิต จะไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าพรรคไทยช่วยไทย ในข้อหาที่เชื่อว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร ที่มีการแจ้งเพิ่มเติมกับ กกต.เพราะพบพิรุธในรายเซ็นรับรองการสมัครสมาชิกของหัวหน้าพรรคที่ไม่เหมือนกันกับครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งจะขอความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนให้มีการอายัดหลักฐานทั้งหมดไว้
ด้านหัวหน้าพรรคการเมืองไทยช่วยไทย นางสุทิบ ทับทิมเทศ ซึ่งเดินทางมาประชุมหารือกับกกต.เพื่อกำหนดจำนวนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง กล่าวยืนยันว่า การที่มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกันหมดจนถูกตั้งข้อสังเกตนั้น เนื่องจากพรรคเปิดให้มีการมายื่นสมัครในวันเดียว จึงทำให้ปรากฏวันที่เป็นสมาชิกเหมือนกันหมด และเชื่อว่าผู้สมัครของพรรคจะไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติการลงสมัครแน่นอน เพราะนายทะเบียนพรรคได้ทำการตรวจสอบก่อนการส่งสมัครจนครบถ้วนแล้ว
ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งของจ.กระบี่ทั้ง 3 เขต พบว่ามีผู้สมัคร 4 คน ขาดคุณสมบัติ โดยไม่ได้สังกัดพรรคครบ 90 วัน คือ เขต 1 นายสมใจ คงแจ่ม ผู้สมัครจากพรรคแผ่นดินไทย หมายเลข 5 เขต 2 นายสมนึก ดำเชื้อ ผู้สมัครจากพรรคแผ่นดินไทย เขต 3 ผู้สมัครหมายเลข 9 ว่าที่ร.อ.เจ๊ะห้าสัน ยะลา พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า กับผู้สมัครหมายเลข 6 น.ส.สุวดี ก้านกิ่ง พรรคไทยช่วยไทย ทั้ง 2 คน เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาก่อนจึงไม่น่าจะสังกัดทั้่ง 2 พรรคดังกล่าวครบ 90 วัน
ทั้งนี้ ในวันที่ 11 มี.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมอดีต ส.ส.ทุกเขต เพื่อแบ่งงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละเขตว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลส่งกกต.ต่อไป
วานนี้ (9 มี.ค.)ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายสุวโรช พะลัง และนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานขบวนการอีสานกู้ชาติ ได้เดินทางมามาขอตรวจสอบรายชื่อการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดได้เข้าหารือกับ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.
ภายหลังการหารือ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต.กล่าวว่าที่ประชุมได้มีมติให้ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ และตัวแทนขบวนการอีสานกู้ชาติ ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ตามที่ต้องการได้ทุกกรณีร่วมกับนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการด้านกิจการพรรคการเมือง
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ขบวนการอีสานกู้ชาตินำมายื่นกกต.ระบุว่า ระหว่างวันที่ 4-7 มี.ค.มีการประชุมของ 3 พรรคการเมือง คือ พรรค ธ. พรรค พ. พรรค ก. ที่ห้อง 401 รร.กานต์มณี ถ.ประดิพันธ์ ร่วมกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนพรรคการเมืองใหญ่ และเสธ.อ. ให้มาเป็นตัวแทน ได้ทำการจัดโผ แบ่งโซนผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อมิให้แต่ละพรรคส่งผู้สมัครทับซ้อนกัน โดยตกลงจ่ายค่าสมัครในราคา 120,000 บาทต่อคน และมีผู้ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กกต.ฝ่ายสมาชิกพรรคการเมือง นำแผ่นดิสก์ บรรจุข้อมูลรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองประจำปี 47,48 มาทำการปรับเปลี่ยนข้อมูลให้เข้ากับคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเมนเฟรมของ กกต.ต่อไป
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดผู้ที่ลงสมัครจึงมีวันสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกัน นายปริญญา กล่าวว่าไม่แน่ใจว่า เวลานี้มาในรูปแบบไหน และกำลังหาข้อมูลอยู่ แต่การที่วันสมัครเป็นสมาชิกพรรค เป็นวันเดียวกันจำนวนมากๆ นั้น ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหากผู้ใดพบเหตุที่น่าสงสัยว่า ผู้สมัครรายใดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือสังกัดพรรคการเมืองไม่ถึง 90 วัน มีวุฒิกาศึกษาไม่จบปริญญาตรี ไม่มีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ที่ลงสมัครติดต่อกัน 1 ปี ก็สามารถแจ้งให้ กกต.ตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.ได้มีมติสั่งเพิกถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งรวม 3 ราย คือ 1. น.ส.ลักขณา โกษา ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 23 พรรคประชากรไทย เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 2.นายเสถียร โพสาวัง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 27 พรรคประชากรไทย เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรค และ 3.นายประพันธ์ วาระสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชี ลำดับที่ 4 พรรคพัฒนาชาติไทย เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน
นายปริญญา ยังกล่าว ถึงกรณีที่การปราศรัยหาสียงของพรรคไทยรักไทย มีการใช้ถ้อยคำโจมตีพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายปริญญากล่าวว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทได้ แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงสมัคร แต่การที่พรรคไทยรักไทยไปปราศรัยหากเป็นการใส่ร้ายเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองก็เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้
ขณะที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และขบวนการอีสานกู้ชาติ หลังได้เข้าตรวจสอบรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตในพื้นที่ 56 เขต 14 จังหวัดภาคใต้ กับนายวีระศาสตร์ นริศบุญสนอง ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมืองแล้ว นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวว่า เป็นไปอย่างที่ตั้งข้อสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ลงสมัครในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเดิม กกต.ให้แต่ละพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคมาให้กับ กกต.ทราบในวันที่ 31 ธ.ค.48 แต่ในปีนี้ได้ขอความร่วมมือให้พรรคการเมืองแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคที่มีการสมัครเพิ่มเติมในช่วง ม.ค.-ก.พ.49 เพื่อใว้ใช้ตรวจสอบกับการเลือกตั้ง ส.ว. ปรากฎว่าในบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคไทยช่วยไทย ที่มีการแจ้งเพิ่มเติมมาที่ กกต.ฉบับลงวันที่ 28 ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่มีการยุบสภาฯ แล้วกลับพบว่ามีรายชื่อสมาชิกที่ยื่นสมัครลงวันที่ 5 พ.ย.48 เหมือนกันหมด ทั้งที่โดยหลักความเป็นจริงแล้วผู้ที่สมัครในช่วงดังกล่าวจะต้องแจ้งมาในยอดบัญชีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.48 ซึ่งบุคคลที่ยื่นเพิ่มมาดังกล่าวล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่ลงสมัคร ส.ส.เขตในพื้นที่ภาคใต้ ประกบกับผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น
นายสุวโรช กล่าวว่า ตนและนายสาธิต จะไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าพรรคไทยช่วยไทย ในข้อหาที่เชื่อว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร ที่มีการแจ้งเพิ่มเติมกับ กกต.เพราะพบพิรุธในรายเซ็นรับรองการสมัครสมาชิกของหัวหน้าพรรคที่ไม่เหมือนกันกับครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งจะขอความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนให้มีการอายัดหลักฐานทั้งหมดไว้
ด้านหัวหน้าพรรคการเมืองไทยช่วยไทย นางสุทิบ ทับทิมเทศ ซึ่งเดินทางมาประชุมหารือกับกกต.เพื่อกำหนดจำนวนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง กล่าวยืนยันว่า การที่มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกันหมดจนถูกตั้งข้อสังเกตนั้น เนื่องจากพรรคเปิดให้มีการมายื่นสมัครในวันเดียว จึงทำให้ปรากฏวันที่เป็นสมาชิกเหมือนกันหมด และเชื่อว่าผู้สมัครของพรรคจะไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติการลงสมัครแน่นอน เพราะนายทะเบียนพรรคได้ทำการตรวจสอบก่อนการส่งสมัครจนครบถ้วนแล้ว
ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งของจ.กระบี่ทั้ง 3 เขต พบว่ามีผู้สมัคร 4 คน ขาดคุณสมบัติ โดยไม่ได้สังกัดพรรคครบ 90 วัน คือ เขต 1 นายสมใจ คงแจ่ม ผู้สมัครจากพรรคแผ่นดินไทย หมายเลข 5 เขต 2 นายสมนึก ดำเชื้อ ผู้สมัครจากพรรคแผ่นดินไทย เขต 3 ผู้สมัครหมายเลข 9 ว่าที่ร.อ.เจ๊ะห้าสัน ยะลา พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า กับผู้สมัครหมายเลข 6 น.ส.สุวดี ก้านกิ่ง พรรคไทยช่วยไทย ทั้ง 2 คน เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาก่อนจึงไม่น่าจะสังกัดทั้่ง 2 พรรคดังกล่าวครบ 90 วัน
ทั้งนี้ ในวันที่ 11 มี.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมอดีต ส.ส.ทุกเขต เพื่อแบ่งงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละเขตว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลส่งกกต.ต่อไป