เครือข่าย "ยุทธตู้เย็น"สั่งลูกจ้างป่าไม้-เสือไฟเตรียมพร้อมทุกสำนักฯระดมพลสำนักละ 100 คนสมทบม็อบอีแต๋นสายเหนือ-อีสานเชียร์ "ทักษิณ"ที่สระบุรี ขณะที่ชาวบ้านด่ายับขบวนม็อบรถอีแต๋นภาคเหนือสร้างความรำคาญ ปัญหาการจราจร จนรถเกือบชนกันหลายครั้ง อัดตำรวจปล่อยปละละเลย สวดรัฐบาลทำไม่ถูกต้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ม็อบอีแต๋น ได้เดินทางเชียร์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกจาก จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวานนี้ (9 มี.ค.)ได้เดินทางเข้าไปยัง จ.กำแพงเพชร โดยมีนักการเมืองในพื้นที่คอยจัดเตรียมรถอีแต๋น เข้าร่วมขบวนอีกประมาณ 200 คัน จากนั้นจะเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ กรุงเทพฯ โดยนัดรวมขบวนกับม็อบเท้าเปล่าจากภาคอีสาน บริเวณแยกสระบุรี ก่อนที่จะเข้ายึดสนามหลวง ภายใต้ชื่อ "กองทัพประชาชน" ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะมุ่งชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามคำประกาศของแกนนำ ที่ได้ปราศรัยตอกย้ำมาตลอดเส้นทางเดินทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถอีแต๋นจากภาคเหนือจำนวนหลายร้อยคันแล่นผ่าน จ.กำแพงเพชรนั้น ขบวนรถอีแต๋นได้สร้างความรำคาญให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาอย่างมาก โดยชาวบ้านคนหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ได้โทรศัพท์เข้าไปยังกองบรรณาธิการ "ผู้จัดการรายวัน" ตัดพ้อกับขบวนรถอีแต๋นกลุ่มนี้ว่า ทำให้การจราจรติดขัด และมีปัญหาจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายครั้ง ตนไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปล่อยให้ผ่านเข้ามาได้อย่างไร และเหตุใดถึงไม่มีตำรวจคอยดูแลด้านการจราจร จนชาวบ้านเขารำคาญกันถ้วนหน้า ซึ่งรัฐบาลทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องเลย
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ แจ้งว่า ขณะนี้หน่วยเหนือได้มีการสั่งให้เตรียมการให้สำนักบริหารจัดการป่าอนุรักษ์ ในสังกัดกรมอุทยานฯทั้งหมด จัดกำลังข้าราชการและลูกจ้าง ทั้งในส่วนของอุทยานแห่งชาติ และสำนักป้องกันไฟป่าทุกแห่ง ให้ได้สำนักละไม่ต่ำกว่า 100 คน คาดว่ารวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,800-2,000 คนเข้าไปร่วมกับม็อบเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวขนกำลังพล แทนการใช้รถบัสโดยสารเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตามรายงานทางการข่าวมีการเตรียมการถึงขั้นที่ว่า หากมีการปะทะ หรือมีความวุ่นวายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ จะมีรหัสเพื่อทวนว่าเป็นพวกกันหรือไม่ เช่นครั้งก่อนตำรวจจะถามว่า "กินข้าวหรือยัง" ก็ให้ตอบว่า"กินส้มตำไก่ย่างอร่อยดี" เป็นต้น แล้วจะปล่อยตัวไป แต่ในม็อบวันที่ 12 มี.ค.นี้ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะใช้ระหัสอะไร
แหล่งข่าวคนเดิมบอกอีกว่า ที่ผ่านมาที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินีทุกวันศุกร์ ก็มีคำสั่งให้พวกตนเข้าไปสังเกตการณ์รอบๆ บริเวณ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแต่ไปนั่งๆ อยู่รอบๆสวน ถ่ายรูปเพื่อรายงานนาย
ทั้งนี้รายงานแจ้งอีกว่า ตั้งแต่มีการการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินี ในทุกวันศุกร์จนพัฒนาเป็นการรวมพลังประชาชน เป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นในส่วนของหน่วยงานด้านป่าไม้ของกรมอุทยานฯ ได้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณมากผิดปกติ อาทิ สำนักบริหารจัดการป่าอนุรักษ์ ในพื้นที่ภาคเหนือที่ผู้อำนวยการสำนักฯ มีสัมพันธ์พิเศษกับน้องชายนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง โดยที่นี่ได้รับงบประมาณพิเศษมากกว่าที่อื่น โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปมาก แม้บางส่วนเป็นการเบิกงบตามปกติ แต่ในจำนวนนั้นเบิกไปในรูปของการจัดการอบรม ศึกษาดูงาน ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ซึ่งจริงๆ ก็คือนำไปใช้ในการนำกำลังพลเข้าไปชุมนุมต้านกลุ่มพันธมิตรที่กรุงเทพฯ คาดว่าที่นี่ที่เดียวอาจจะมากถึง 8 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ม็อบอีแต๋น ได้เดินทางเชียร์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกจาก จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวานนี้ (9 มี.ค.)ได้เดินทางเข้าไปยัง จ.กำแพงเพชร โดยมีนักการเมืองในพื้นที่คอยจัดเตรียมรถอีแต๋น เข้าร่วมขบวนอีกประมาณ 200 คัน จากนั้นจะเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ กรุงเทพฯ โดยนัดรวมขบวนกับม็อบเท้าเปล่าจากภาคอีสาน บริเวณแยกสระบุรี ก่อนที่จะเข้ายึดสนามหลวง ภายใต้ชื่อ "กองทัพประชาชน" ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะมุ่งชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามคำประกาศของแกนนำ ที่ได้ปราศรัยตอกย้ำมาตลอดเส้นทางเดินทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถอีแต๋นจากภาคเหนือจำนวนหลายร้อยคันแล่นผ่าน จ.กำแพงเพชรนั้น ขบวนรถอีแต๋นได้สร้างความรำคาญให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาอย่างมาก โดยชาวบ้านคนหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ได้โทรศัพท์เข้าไปยังกองบรรณาธิการ "ผู้จัดการรายวัน" ตัดพ้อกับขบวนรถอีแต๋นกลุ่มนี้ว่า ทำให้การจราจรติดขัด และมีปัญหาจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายครั้ง ตนไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปล่อยให้ผ่านเข้ามาได้อย่างไร และเหตุใดถึงไม่มีตำรวจคอยดูแลด้านการจราจร จนชาวบ้านเขารำคาญกันถ้วนหน้า ซึ่งรัฐบาลทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องเลย
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ แจ้งว่า ขณะนี้หน่วยเหนือได้มีการสั่งให้เตรียมการให้สำนักบริหารจัดการป่าอนุรักษ์ ในสังกัดกรมอุทยานฯทั้งหมด จัดกำลังข้าราชการและลูกจ้าง ทั้งในส่วนของอุทยานแห่งชาติ และสำนักป้องกันไฟป่าทุกแห่ง ให้ได้สำนักละไม่ต่ำกว่า 100 คน คาดว่ารวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,800-2,000 คนเข้าไปร่วมกับม็อบเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวขนกำลังพล แทนการใช้รถบัสโดยสารเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตามรายงานทางการข่าวมีการเตรียมการถึงขั้นที่ว่า หากมีการปะทะ หรือมีความวุ่นวายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ จะมีรหัสเพื่อทวนว่าเป็นพวกกันหรือไม่ เช่นครั้งก่อนตำรวจจะถามว่า "กินข้าวหรือยัง" ก็ให้ตอบว่า"กินส้มตำไก่ย่างอร่อยดี" เป็นต้น แล้วจะปล่อยตัวไป แต่ในม็อบวันที่ 12 มี.ค.นี้ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะใช้ระหัสอะไร
แหล่งข่าวคนเดิมบอกอีกว่า ที่ผ่านมาที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินีทุกวันศุกร์ ก็มีคำสั่งให้พวกตนเข้าไปสังเกตการณ์รอบๆ บริเวณ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแต่ไปนั่งๆ อยู่รอบๆสวน ถ่ายรูปเพื่อรายงานนาย
ทั้งนี้รายงานแจ้งอีกว่า ตั้งแต่มีการการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินี ในทุกวันศุกร์จนพัฒนาเป็นการรวมพลังประชาชน เป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นในส่วนของหน่วยงานด้านป่าไม้ของกรมอุทยานฯ ได้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณมากผิดปกติ อาทิ สำนักบริหารจัดการป่าอนุรักษ์ ในพื้นที่ภาคเหนือที่ผู้อำนวยการสำนักฯ มีสัมพันธ์พิเศษกับน้องชายนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง โดยที่นี่ได้รับงบประมาณพิเศษมากกว่าที่อื่น โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปมาก แม้บางส่วนเป็นการเบิกงบตามปกติ แต่ในจำนวนนั้นเบิกไปในรูปของการจัดการอบรม ศึกษาดูงาน ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ซึ่งจริงๆ ก็คือนำไปใช้ในการนำกำลังพลเข้าไปชุมนุมต้านกลุ่มพันธมิตรที่กรุงเทพฯ คาดว่าที่นี่ที่เดียวอาจจะมากถึง 8 ล้านบาท