"ทักษิณ"ยังเล่นเกมเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ฝ่ายค้าน ทำทีไปสุพรรณฯ กินข้าวบ้าน"ประภัตร"บอกชาวบ้านให้ช่วยกล่อม"บรรหาร"ให้ลงสนามเลือกตั้งด้วย ก่อนจะไปบุกถิ่นเจ้าพ่อวังน้ำเย็นในวันนี้ ด้าน"บรรหาร"เดือด ทำแบบนี้ไม่สวย ใช้ความเป็นเพื่อนมาสร้างความแตกแยก อย่างนี้ต้องตัดหัวกุนซือ "ชูวิทย์"จวก"ประภัตร"เปิดบ้านให้โจรเข้า ปชป.ถล่มซ้ำเป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยง คาดคิวต่อไปคงจะไปสุราษฎร์ธานี
เมื่อเวลา 08.45 น.วานนี้ (7มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมครม.ทันทีที่ลงจากรถประจำตำแหน่งก็ได้ทักทายสื่อมวลชนที่มาดักรอสัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ทำไมมากันเยอะอย่างนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวจะไปกินข้าวกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อยากไปบอกพี่น้องชาวสุพรรณฯ ว่าช่วยไปชวนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ลงเลือกตั้งเถอะ อย่ายืนไซด์ไลน์เลย เมื่อถามว่าไม่สายเกินไปหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โอ๊ย..ยังไม่ปิดรับสมัครเลย
ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร ได้เดินทางไป จ.สุพรรณบุรี เพื่อพบปะประชาชน และได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ เพื่อสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเศวร เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการเดินทางมาหาเสียง จากนั้นเดินทางไปตลาดสดอ่างทอง โดยมีประชาชนต้อนรับประมาณ 500 คน พร้อมตะโกน"นายก สู้ๆ ชาวสุพรรณต้องการเลือกตั้ง" จากนั้นได้เดินทางไปยังตลาดสด 100 ปี อ.สามชุก และระหว่างหาเสียง ได้พบคุณหญิงพจนีย์ ณ ป้อมเพชร แม่ยายโดยบังเอิญ พร้อมกล่าวว่า"อ้าวเซอร์ไพร้ส...แม่ยายผมเอง"
ขบวนของนายกรัฐมนตรี ออกจาก อ.สามชุก แล้วได้เดินทางมายังบ้านของนายประภัทร โพธสุธน ที่ อ.ศรีประจัน เพื่อร่วมรับประทานอาหารค่ำ ทันที่พบกันนายกฯ กล่าวว่า ตนเกิดปีเดียวกับนายประภัตร ปี 2492 รู้จักกันตั้งแต่ ปี 2518 ซึ่งการมาครั้งนี้ คนสุพรรณฯให้การต้อนรับดีมาก มาให้กำลังใจ เขาตะโกนขึ้นมาว่า ให้รักษาประชาธิปไตย เพราะทุกคนมองว่าเรื่องประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่น่าหวงแหน วันนี้เขามีแต่เรียกร้องหาประชาธิปไตย แต่กลับมีคนเรียกร้องเพื่อจะให้ระบอบประชาธิปไตยเปลี่ยนแปลงไป
ขณะที่นายประภัทร กล่าวว่า อยากจะพูดในนัยยะตรงนี้ให้ทุกคนสบายใจ เพราะทุกคนอึดอัดมาตลอดทั้งวัน ว่ามีอะไรหรือเปล่า ประการแรก อยากให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถอดหมวกออกเสียก่อน ส่วนตนก็ถอดออกแล้ว ไม่ใช่เลขาธิการพรรคชาติไทย เอาคำว่าเพื่อนมาพูดกันวันนี้ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 18 แต่ไม่มีใครรู้ มีกิจกรรมทำงานร่วมกันมา
"คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าท่านมาเยี่ยมผม และโดยนิสัยของพวกเราคนไทย โดยเฉพาะคนสุพรรณฯไม่แล้งน้ำใจ ท่านมาตรวจเยี่ยมราชการ และก็มาทานข้าวบ้านผม ผมก็ยินดีต้อนรับ ขอให้พี่น้องทั้งหมดเข้าใจ เราจะพูดกันในเรื่องเพื่อน และยืนยันไม่มีเรื่องการเมือง"นายประภัตร กล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเพื่อนขอให้ลงเลือกตั้ง จะลงไหม นายประภัทร ตอบว่า ก็ยังไม่ได้คุยกัน
**ส่งผู้สมัครหรือไม่ให้ตัดสินใจเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมรับประทานอาหารกับนายประภัตรว่า เวลาตนไปจ.สุราษฎร์ธานี ก็แวะหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเรื่องปกติของคนที่รู้จักกันไม่จำเป็นต้องให้เส้นแบ่งเขตของคำว่าพรรคการเมือง จนคำว่าเพื่อนเสียไปหมด อย่าไปตีความในทางการเมืองมาก
"ผมเป็นคนที่ตื้นที่สุด ไม่มีอะไรเลย ตื้นๆเลย มาพบชาวบ้านที่สุพรรณฯ เพื่อนอยู่ที่นี่ ตั้งใจว่าจะมากินข้าวกันหลายที ก็แวะมากินข้าวหน่อย แค่นั้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่าไหนๆมาแล้วไม่พูดเรื่องการเมืองกันสักนิดเลยหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบแบบอ้ำอึ้งว่า ก็คุยกันทั่วๆ ไป ไม่มีเรื่องอื่นหรอก ไม่มีไรต้องไปคุย เพราะว่าเขาเป็นเลขาธิการพรรคฯ ถ้าจะไปพูดอะไร ทำให้หัวหน้าพรรคเขาไม่สบายใจเปล่าๆ โดยเฉพาะเรื่องการส่งผู้แทนฯลงเลือกตั้ง เวลาพูดก็ต้องพูดกับห้วหน้าพรรค จะพูดกับเลขาฯก็เกรงใจ เดี๋ยวเลขาฯพรรคจะอึดอัดใจกับหัวหน้าพรรค ตนพูดกับนายประภัตร ในฐานะคนที่เป็นเพื่อนกันมา ตั้งแต่ปี 18
เมื่อถามว่า จะใช้นายประภัตร เป็นสะพานเชื่อมไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่หรอก วันพรุ่งนี้การรับสมัครเลือกตั้งก็สุดท้ายแล้ว ท่านต้องตัดสินใจเอง เพียงแต่ตนเห็นว่าการเป็นพรรคการเมือง ควรจะต้องลงเลือกตั้ง ถ้าไม่ลงเลือกตั้งมันก็ไม่ค่อยเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยมากนัก ก็เลยอยากจะบอกแค่นั้นและเชิญชวน
เมื่อถามอีกว่าวันนี้วันสุดท้ายแล้ว อยากจะเห็นฝ่ายค้นส่งผู้สมัครไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่เคยหวัง ถือว่าเป็นสิทธิของพรรคใครพรรคมันที่จะตัดสินใจ อันนี้เราไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ถามว่า อยากเห็นเขาลงเลือกตั้งไหม ก็อยากเห็นมันจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า หลังจากวันนี้จะหาโอกาสมารับประทานอาหารกับนายประภัตร อีกไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้ามาปราศรัยที่นี่แล้วมีเวลา ก็แวะได้ ถ้าเขาไม่รังเกียจจะเลี้ยงเพราะคนมากันเยอะ ถ้ามาบ่อยก็อาจจะเปลืองหน่อย เพราะตอนนี้เงินเดือนไม่มีแล้ว ตกงานแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังรับประทานอาหารที่บ้านนายประภัตรเสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับกทม.ทันที
**บุกถิ่นเจ้าพ่อวังน้ำเย็นวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (8 มี.ค.)นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกตรวจราชการในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเริ่มจากการตรวจเยี่ยมโครงการตลาดกลางการเกษตรและกองทุนหมู่บ้านที่ ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก จากนั้นจะไปตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง แม่น้ำปราจีนบุรี ในเขตเทศบาลเมือง ปราจีนบุรี และจะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ ที่อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะเดินทางไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจเยี่ยม ฟังบรรยายสรุปโครงการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน ที่ด่านพรมแดน อ.อรัญประเทศ และ เวลา 15.30น.เดินทางไปตรวจเยี่ยมสหกรณ์วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และเดินทางต่อไปเปิดงานวันสตรีสากลที่สนามกีฬาจังหวัด อำเภอเมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี โดยจะพักรับประทานอาหารค่ำและพักค้างคืน ที่โรงแรมมณีจันทร์
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการลงตรวจราชการในพื้นที่ช่วงนี้ จะเป็นพื้นที่สำคัญทั้งสิ้นไม่ว่าจะลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวานนี้ และในวันนี้ ก็เป็นพื้นที่ ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็น หลังจากได้ประกาศลาออกจากการ เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย หวังจะเรียกศรัทธาและดึงคะแนนในพื้นที่ จ.สระแก้ว
**"เติ้ง"ปากสั่น อย่างนี้ต้องตัดหัวกุนซือ
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีว่า นายประภัตร ได้แจ้งให้ตนทราบแล้ว ซึ่งตนก็ให้ข้อคิดไป เพราะนายประภัตร เป็นผู้ใหญ่แล้ว และตนก็ต้องไปชี้แจงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึงประชาชนชาวสุพรรณบุรี ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ด้วย ทั้งนี้ นายประภัตร กับพ.ต.ท.ทักษิณ มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน ในฐานะเจ้าของบ้าน เมื่อเขามาขอทานข้าว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าจะไปสุพรรณบุรี เพื่อให้ประชาชนมาบอกกับตน ให้ส่งผู้สมัครพรรคชาติไทย ลงรับเลือกตั้งนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะจะทำให้เกิดความสับสนมากกว่า คนอื่นไปก็ได้ และไม่จำเป็นต้องไปวันนี้
เมื่อถามว่า การกระทำของนายกฯ มีนัยทางการเมืองหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไปตีกอล์ฟที่สนามของ พล.ต.สนั่น ต่อมาก็ไปที่จ.สุพรรณบุรี และในวันนี้ ก็จะไปที่จ.สระแก้ว นายบรรหาร กล่าวว่า "ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นกุนซือ กุนซือคนนี้น่าจะเอามาตัดหัวซะ เพราะกุนซือบางทีเสนอแนะทุเรศ ๆ อย่างนี้ อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้บอกให้มา ก็ไม่มา กุนซืนอย่างนี้มันน่าตัดหัวนัก มีกี่คนตัดหัวให้หมดเลย ทำท่านหลงทาง"นายบรรหาร กล่าว
**ประภัตรเปิดบ้านให้โจรเข้า
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ในที่ประชุมพรรคชาติไทยช่วงบ่ายวานนี้ สมาชิกได้สอบถามนายบรรหาร กันมาถึงกรณีที่ นายประภัตร รับเลี้ยงอาหารนายกฯ และเห็นว่านายประภัตร ต้องไปชี้แจงบนเวทีที่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ในวัน 10 มี.ค.นี้ ว่ามีเหตุผลอย่างไรถึงทำอย่างนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ตำหนินายประภัตร ว่าเหตุใดถึงไม่ปฎิเสธไป ทำอย่างนี้เท่ากับเปิดบ้านให้โจรเข้า ถึงจะหยิบฉวยของมีค่าไปไม่ได้ แต่ก็เสียหาย ปล่อยให้โจรเข้าบ้านไปได้อย่างไร ต้องปิดประตูเลย เพราะจะเกิดความแคลงใจในฝ่ายค้าน อย่างกรณีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ความจริงวันนั้นท่านก็อยู่ที่สนามกอล์ฟ แต่ท่านไม่ยอมออกมาพบ
"พรรคชาติไทยตอนนี้เหมือนสมัยทุบหม้อข้าวตัวเองเพื่อเดินหน้า แต่การที่เปิดบ้านให้โจรเข้านั้น มันเป็นวิถีทางทางการเมือง พรรครู้สึกเสียหน้าที่นายกฯเอาความเป็นเพื่อนมาสร้างประโยชน์ นายบรรหาร เองก็บอกว่า น่าจะปฎิเสธไปได้ พวกขาเน่า เข้าไปวงไหนก็แตกกระเจิง ฝรั่งเขาก็เรียกว่าเป็นตัวสกั๊ง ทำให้นายประภัตร ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ส่วนนายกฯก็ตีกินสร้างภาพลวงตา ใช้ทุกวิถีทางที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส"นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้นายกฯใช้วิธีชักเรือเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน การสร้างความแตกแยกร้าวฉาน คืองานประจำของท่าน นอกจากทำให้ประชาชนแตกแยกแล้วยังไปสร้างความแตกแยกในหมู่นักการเมืองอีก นายกฯ ใช้ทุกทางที่ตัวเองได้ประโยชน์ เพราะตอนนี้อยู้ในสภาพหลังพิงฝาแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เอามาใช้หมด ใช้ความเป็นเพื่อน แม้จะชอบพอกันก็กินข้าววันหลังก็ได้ ทำไมต้องมากินวันนี้เพื่อให้เกิดนัยทางการเมือง หลังวันที่ 8 มี.ค. เอาความเป็นมิตรมาทำให้เพื่อนปฏิเสธไม่ออก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นภาษาจีนนายกฯ ตอนนี้เขาก็เรียก"เฉาโถ้ว"หรือพวกขาเหม็น ไปไหนวงก็แตก ใกล้ไม่ได้ บริวารของท่านก็เป็นพิษทั้งนั้น ทั้ง นายสุรนันทน์ นายเนวิน นายสุธรรม นายยงยุทธ ถ้าเป็นสมัยซูสีไทยเฮา พวกนี้ก็เป็นขันทีคอยยกยอปอปั้น พูดเสียงผู้ชายก็ไม่ใช่ เสียงผู้หญิงก็ไม่เชิง และยังมีคุณสุดารัตน์อีกคนที่เป็น"ขันทวย"
**จวกแม้วพฤติกรรมน่าขยะแขยง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคในช่วงเช้าวานนี้ ว่า การกระทำของนายกฯเช่นนี้ จะทำให้คนไม่พอใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะหวังแค่ให้ชนะการเลือกตั้ง บนซากปรักหักพังของประชาธิปไตย โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี และความถูกต้อง โดยเรายืนยันว่า เราเชื่อมั่นในข้อตกลงของ 3 พรรค พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย และมหาชน ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนไปลงสมัคร เพราะถ้า 3 พรรค ลงสมัครคงต้องสมัครในระบบบัญชีรายชื่อด้วย คงไม่ลงแค่ระบบเขต
"พฤติกรรมของนายกฯในขณะนี้ ไม่ว่าการพูดกับประชาชนให้เข้าใจผิด หรือการใช้กลไกอำนาจรัฐ นำคนจำนวนมากมาแสดงให้เห็นว่า ประชาชนเห็นด้วยเป็นความถูกต้อง เป็นการสร้างความแปลกแยกให้สังคม รวมถึงการไปปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟ จ.นนทบุรี ของพล.ต.สนั่น หรือการเดินทางไป จ.สุพรรณบุรี เพื่อรับประทานอาหารกับนายประภัตร ถือ เป็นการเล่นเกมการเมืองที่น่ารังเกียจ และการที่นายกฯออกมาพูดว่า"เกี้ยเซียะ"ซึ่งหมายถึงการตกลงกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่คำนึงถึงเวทีกลาง แต่ลืมคำนึงถึงควาถูกต้อง หรือไม่ ทำให้เห็นว่านายกฯยังมีภาพของนักธุรกิจที่ฉ้อฉลเช่นเดิม เราคาดว่าเร็วๆนี้ อาจจะเห็นท่านนายกฯ เดินทางไปจ.สุราษฎร์ธานี"นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้ การปราศรัยบนเวทีของนายกฯที่ผ่านมา ยังหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งพรรคจะตรวจสอบต่อไป โดยเฉพาะที่เวทีบ้านหนองผือ ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นในเรื่องงบประมาณอุดหนุนเอสเอ็มแอล ที่บอกว่าปีนี้หมู่บ้านได้งบประมาณ เอสเอ็มแอล 3 แสนบาท ปีหน้าก็ได้อีก 3แสนบาท ปีต่อไปก็ได้อีก 3 แสนบาท แต่มีข้อแม้ว่า ตนต้องเป็นนายกฯต่อ ถ้าไม่เป็นเขาก็เอาไปก่อสร้างหมด ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้กับประชาชน
"และการที่นายกฯ ขอร้องให้นายอภิสิทธิ์ ลงสมัคร จะได้มีโอกาสเป็นนายกฯ อย่างสง่างาม ไม่ต้องบอยคอตนั้น หรือ ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ยืนยันว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ จะเป็นนายกฯต้องลงแข่งขันอย่างถูกต้อง มีการแข่งขันที่เป็นธรรมไม่ใช่ลงสมัครในการเลือกตั้งเทียมๆแบบนี้"นายองอาจ กล่าว
เมื่อเวลา 08.45 น.วานนี้ (7มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมครม.ทันทีที่ลงจากรถประจำตำแหน่งก็ได้ทักทายสื่อมวลชนที่มาดักรอสัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ทำไมมากันเยอะอย่างนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวจะไปกินข้าวกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อยากไปบอกพี่น้องชาวสุพรรณฯ ว่าช่วยไปชวนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ลงเลือกตั้งเถอะ อย่ายืนไซด์ไลน์เลย เมื่อถามว่าไม่สายเกินไปหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โอ๊ย..ยังไม่ปิดรับสมัครเลย
ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร ได้เดินทางไป จ.สุพรรณบุรี เพื่อพบปะประชาชน และได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ เพื่อสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเศวร เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการเดินทางมาหาเสียง จากนั้นเดินทางไปตลาดสดอ่างทอง โดยมีประชาชนต้อนรับประมาณ 500 คน พร้อมตะโกน"นายก สู้ๆ ชาวสุพรรณต้องการเลือกตั้ง" จากนั้นได้เดินทางไปยังตลาดสด 100 ปี อ.สามชุก และระหว่างหาเสียง ได้พบคุณหญิงพจนีย์ ณ ป้อมเพชร แม่ยายโดยบังเอิญ พร้อมกล่าวว่า"อ้าวเซอร์ไพร้ส...แม่ยายผมเอง"
ขบวนของนายกรัฐมนตรี ออกจาก อ.สามชุก แล้วได้เดินทางมายังบ้านของนายประภัทร โพธสุธน ที่ อ.ศรีประจัน เพื่อร่วมรับประทานอาหารค่ำ ทันที่พบกันนายกฯ กล่าวว่า ตนเกิดปีเดียวกับนายประภัตร ปี 2492 รู้จักกันตั้งแต่ ปี 2518 ซึ่งการมาครั้งนี้ คนสุพรรณฯให้การต้อนรับดีมาก มาให้กำลังใจ เขาตะโกนขึ้นมาว่า ให้รักษาประชาธิปไตย เพราะทุกคนมองว่าเรื่องประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่น่าหวงแหน วันนี้เขามีแต่เรียกร้องหาประชาธิปไตย แต่กลับมีคนเรียกร้องเพื่อจะให้ระบอบประชาธิปไตยเปลี่ยนแปลงไป
ขณะที่นายประภัทร กล่าวว่า อยากจะพูดในนัยยะตรงนี้ให้ทุกคนสบายใจ เพราะทุกคนอึดอัดมาตลอดทั้งวัน ว่ามีอะไรหรือเปล่า ประการแรก อยากให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถอดหมวกออกเสียก่อน ส่วนตนก็ถอดออกแล้ว ไม่ใช่เลขาธิการพรรคชาติไทย เอาคำว่าเพื่อนมาพูดกันวันนี้ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 18 แต่ไม่มีใครรู้ มีกิจกรรมทำงานร่วมกันมา
"คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าท่านมาเยี่ยมผม และโดยนิสัยของพวกเราคนไทย โดยเฉพาะคนสุพรรณฯไม่แล้งน้ำใจ ท่านมาตรวจเยี่ยมราชการ และก็มาทานข้าวบ้านผม ผมก็ยินดีต้อนรับ ขอให้พี่น้องทั้งหมดเข้าใจ เราจะพูดกันในเรื่องเพื่อน และยืนยันไม่มีเรื่องการเมือง"นายประภัตร กล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเพื่อนขอให้ลงเลือกตั้ง จะลงไหม นายประภัทร ตอบว่า ก็ยังไม่ได้คุยกัน
**ส่งผู้สมัครหรือไม่ให้ตัดสินใจเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมรับประทานอาหารกับนายประภัตรว่า เวลาตนไปจ.สุราษฎร์ธานี ก็แวะหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเรื่องปกติของคนที่รู้จักกันไม่จำเป็นต้องให้เส้นแบ่งเขตของคำว่าพรรคการเมือง จนคำว่าเพื่อนเสียไปหมด อย่าไปตีความในทางการเมืองมาก
"ผมเป็นคนที่ตื้นที่สุด ไม่มีอะไรเลย ตื้นๆเลย มาพบชาวบ้านที่สุพรรณฯ เพื่อนอยู่ที่นี่ ตั้งใจว่าจะมากินข้าวกันหลายที ก็แวะมากินข้าวหน่อย แค่นั้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่าไหนๆมาแล้วไม่พูดเรื่องการเมืองกันสักนิดเลยหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบแบบอ้ำอึ้งว่า ก็คุยกันทั่วๆ ไป ไม่มีเรื่องอื่นหรอก ไม่มีไรต้องไปคุย เพราะว่าเขาเป็นเลขาธิการพรรคฯ ถ้าจะไปพูดอะไร ทำให้หัวหน้าพรรคเขาไม่สบายใจเปล่าๆ โดยเฉพาะเรื่องการส่งผู้แทนฯลงเลือกตั้ง เวลาพูดก็ต้องพูดกับห้วหน้าพรรค จะพูดกับเลขาฯก็เกรงใจ เดี๋ยวเลขาฯพรรคจะอึดอัดใจกับหัวหน้าพรรค ตนพูดกับนายประภัตร ในฐานะคนที่เป็นเพื่อนกันมา ตั้งแต่ปี 18
เมื่อถามว่า จะใช้นายประภัตร เป็นสะพานเชื่อมไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่หรอก วันพรุ่งนี้การรับสมัครเลือกตั้งก็สุดท้ายแล้ว ท่านต้องตัดสินใจเอง เพียงแต่ตนเห็นว่าการเป็นพรรคการเมือง ควรจะต้องลงเลือกตั้ง ถ้าไม่ลงเลือกตั้งมันก็ไม่ค่อยเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยมากนัก ก็เลยอยากจะบอกแค่นั้นและเชิญชวน
เมื่อถามอีกว่าวันนี้วันสุดท้ายแล้ว อยากจะเห็นฝ่ายค้นส่งผู้สมัครไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่เคยหวัง ถือว่าเป็นสิทธิของพรรคใครพรรคมันที่จะตัดสินใจ อันนี้เราไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ถามว่า อยากเห็นเขาลงเลือกตั้งไหม ก็อยากเห็นมันจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า หลังจากวันนี้จะหาโอกาสมารับประทานอาหารกับนายประภัตร อีกไหม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้ามาปราศรัยที่นี่แล้วมีเวลา ก็แวะได้ ถ้าเขาไม่รังเกียจจะเลี้ยงเพราะคนมากันเยอะ ถ้ามาบ่อยก็อาจจะเปลืองหน่อย เพราะตอนนี้เงินเดือนไม่มีแล้ว ตกงานแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังรับประทานอาหารที่บ้านนายประภัตรเสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับกทม.ทันที
**บุกถิ่นเจ้าพ่อวังน้ำเย็นวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (8 มี.ค.)นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกตรวจราชการในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเริ่มจากการตรวจเยี่ยมโครงการตลาดกลางการเกษตรและกองทุนหมู่บ้านที่ ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก จากนั้นจะไปตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง แม่น้ำปราจีนบุรี ในเขตเทศบาลเมือง ปราจีนบุรี และจะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ ที่อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะเดินทางไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจเยี่ยม ฟังบรรยายสรุปโครงการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน ที่ด่านพรมแดน อ.อรัญประเทศ และ เวลา 15.30น.เดินทางไปตรวจเยี่ยมสหกรณ์วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และเดินทางต่อไปเปิดงานวันสตรีสากลที่สนามกีฬาจังหวัด อำเภอเมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี โดยจะพักรับประทานอาหารค่ำและพักค้างคืน ที่โรงแรมมณีจันทร์
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการลงตรวจราชการในพื้นที่ช่วงนี้ จะเป็นพื้นที่สำคัญทั้งสิ้นไม่ว่าจะลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวานนี้ และในวันนี้ ก็เป็นพื้นที่ ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็น หลังจากได้ประกาศลาออกจากการ เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย หวังจะเรียกศรัทธาและดึงคะแนนในพื้นที่ จ.สระแก้ว
**"เติ้ง"ปากสั่น อย่างนี้ต้องตัดหัวกุนซือ
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีว่า นายประภัตร ได้แจ้งให้ตนทราบแล้ว ซึ่งตนก็ให้ข้อคิดไป เพราะนายประภัตร เป็นผู้ใหญ่แล้ว และตนก็ต้องไปชี้แจงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึงประชาชนชาวสุพรรณบุรี ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ด้วย ทั้งนี้ นายประภัตร กับพ.ต.ท.ทักษิณ มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน ในฐานะเจ้าของบ้าน เมื่อเขามาขอทานข้าว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าจะไปสุพรรณบุรี เพื่อให้ประชาชนมาบอกกับตน ให้ส่งผู้สมัครพรรคชาติไทย ลงรับเลือกตั้งนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะจะทำให้เกิดความสับสนมากกว่า คนอื่นไปก็ได้ และไม่จำเป็นต้องไปวันนี้
เมื่อถามว่า การกระทำของนายกฯ มีนัยทางการเมืองหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไปตีกอล์ฟที่สนามของ พล.ต.สนั่น ต่อมาก็ไปที่จ.สุพรรณบุรี และในวันนี้ ก็จะไปที่จ.สระแก้ว นายบรรหาร กล่าวว่า "ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นกุนซือ กุนซือคนนี้น่าจะเอามาตัดหัวซะ เพราะกุนซือบางทีเสนอแนะทุเรศ ๆ อย่างนี้ อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้บอกให้มา ก็ไม่มา กุนซืนอย่างนี้มันน่าตัดหัวนัก มีกี่คนตัดหัวให้หมดเลย ทำท่านหลงทาง"นายบรรหาร กล่าว
**ประภัตรเปิดบ้านให้โจรเข้า
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ในที่ประชุมพรรคชาติไทยช่วงบ่ายวานนี้ สมาชิกได้สอบถามนายบรรหาร กันมาถึงกรณีที่ นายประภัตร รับเลี้ยงอาหารนายกฯ และเห็นว่านายประภัตร ต้องไปชี้แจงบนเวทีที่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ในวัน 10 มี.ค.นี้ ว่ามีเหตุผลอย่างไรถึงทำอย่างนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ตำหนินายประภัตร ว่าเหตุใดถึงไม่ปฎิเสธไป ทำอย่างนี้เท่ากับเปิดบ้านให้โจรเข้า ถึงจะหยิบฉวยของมีค่าไปไม่ได้ แต่ก็เสียหาย ปล่อยให้โจรเข้าบ้านไปได้อย่างไร ต้องปิดประตูเลย เพราะจะเกิดความแคลงใจในฝ่ายค้าน อย่างกรณีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ความจริงวันนั้นท่านก็อยู่ที่สนามกอล์ฟ แต่ท่านไม่ยอมออกมาพบ
"พรรคชาติไทยตอนนี้เหมือนสมัยทุบหม้อข้าวตัวเองเพื่อเดินหน้า แต่การที่เปิดบ้านให้โจรเข้านั้น มันเป็นวิถีทางทางการเมือง พรรครู้สึกเสียหน้าที่นายกฯเอาความเป็นเพื่อนมาสร้างประโยชน์ นายบรรหาร เองก็บอกว่า น่าจะปฎิเสธไปได้ พวกขาเน่า เข้าไปวงไหนก็แตกกระเจิง ฝรั่งเขาก็เรียกว่าเป็นตัวสกั๊ง ทำให้นายประภัตร ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ส่วนนายกฯก็ตีกินสร้างภาพลวงตา ใช้ทุกวิถีทางที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส"นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้นายกฯใช้วิธีชักเรือเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน การสร้างความแตกแยกร้าวฉาน คืองานประจำของท่าน นอกจากทำให้ประชาชนแตกแยกแล้วยังไปสร้างความแตกแยกในหมู่นักการเมืองอีก นายกฯ ใช้ทุกทางที่ตัวเองได้ประโยชน์ เพราะตอนนี้อยู้ในสภาพหลังพิงฝาแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เอามาใช้หมด ใช้ความเป็นเพื่อน แม้จะชอบพอกันก็กินข้าววันหลังก็ได้ ทำไมต้องมากินวันนี้เพื่อให้เกิดนัยทางการเมือง หลังวันที่ 8 มี.ค. เอาความเป็นมิตรมาทำให้เพื่อนปฏิเสธไม่ออก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นภาษาจีนนายกฯ ตอนนี้เขาก็เรียก"เฉาโถ้ว"หรือพวกขาเหม็น ไปไหนวงก็แตก ใกล้ไม่ได้ บริวารของท่านก็เป็นพิษทั้งนั้น ทั้ง นายสุรนันทน์ นายเนวิน นายสุธรรม นายยงยุทธ ถ้าเป็นสมัยซูสีไทยเฮา พวกนี้ก็เป็นขันทีคอยยกยอปอปั้น พูดเสียงผู้ชายก็ไม่ใช่ เสียงผู้หญิงก็ไม่เชิง และยังมีคุณสุดารัตน์อีกคนที่เป็น"ขันทวย"
**จวกแม้วพฤติกรรมน่าขยะแขยง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคในช่วงเช้าวานนี้ ว่า การกระทำของนายกฯเช่นนี้ จะทำให้คนไม่พอใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะหวังแค่ให้ชนะการเลือกตั้ง บนซากปรักหักพังของประชาธิปไตย โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี และความถูกต้อง โดยเรายืนยันว่า เราเชื่อมั่นในข้อตกลงของ 3 พรรค พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย และมหาชน ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนไปลงสมัคร เพราะถ้า 3 พรรค ลงสมัครคงต้องสมัครในระบบบัญชีรายชื่อด้วย คงไม่ลงแค่ระบบเขต
"พฤติกรรมของนายกฯในขณะนี้ ไม่ว่าการพูดกับประชาชนให้เข้าใจผิด หรือการใช้กลไกอำนาจรัฐ นำคนจำนวนมากมาแสดงให้เห็นว่า ประชาชนเห็นด้วยเป็นความถูกต้อง เป็นการสร้างความแปลกแยกให้สังคม รวมถึงการไปปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟ จ.นนทบุรี ของพล.ต.สนั่น หรือการเดินทางไป จ.สุพรรณบุรี เพื่อรับประทานอาหารกับนายประภัตร ถือ เป็นการเล่นเกมการเมืองที่น่ารังเกียจ และการที่นายกฯออกมาพูดว่า"เกี้ยเซียะ"ซึ่งหมายถึงการตกลงกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่คำนึงถึงเวทีกลาง แต่ลืมคำนึงถึงควาถูกต้อง หรือไม่ ทำให้เห็นว่านายกฯยังมีภาพของนักธุรกิจที่ฉ้อฉลเช่นเดิม เราคาดว่าเร็วๆนี้ อาจจะเห็นท่านนายกฯ เดินทางไปจ.สุราษฎร์ธานี"นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้ การปราศรัยบนเวทีของนายกฯที่ผ่านมา ยังหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งพรรคจะตรวจสอบต่อไป โดยเฉพาะที่เวทีบ้านหนองผือ ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นในเรื่องงบประมาณอุดหนุนเอสเอ็มแอล ที่บอกว่าปีนี้หมู่บ้านได้งบประมาณ เอสเอ็มแอล 3 แสนบาท ปีหน้าก็ได้อีก 3แสนบาท ปีต่อไปก็ได้อีก 3 แสนบาท แต่มีข้อแม้ว่า ตนต้องเป็นนายกฯต่อ ถ้าไม่เป็นเขาก็เอาไปก่อสร้างหมด ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้กับประชาชน
"และการที่นายกฯ ขอร้องให้นายอภิสิทธิ์ ลงสมัคร จะได้มีโอกาสเป็นนายกฯ อย่างสง่างาม ไม่ต้องบอยคอตนั้น หรือ ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ยืนยันว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ จะเป็นนายกฯต้องลงแข่งขันอย่างถูกต้อง มีการแข่งขันที่เป็นธรรมไม่ใช่ลงสมัครในการเลือกตั้งเทียมๆแบบนี้"นายองอาจ กล่าว