ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เสรีพิศุทธ์” นำกำลัง ปปง.-ตำรวจภาค 5 กว่า 100 นาย บุกทลายยึดอายัดเครือข่ายโกงลำไย “โกเก๊า” อดีตนายก อบจ.ลำพูน ยึดเช็กมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาทพบขบวนการโกงลำไยลมกว่า 150 คนมีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น,เกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมแก๊ง
วานนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเจ้าหน้าที่ปปง. และตำรวจภูธรภาค 5 กว่า 100 นายกระจายกำลังเข้าตรวจอายัดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตลำไยปี 2547 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนรวม 23 จุด มีจุดสำคัญอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำพูน โดยเฉพาะที่บริษัทพิสิฐอุตสาหกรรม จำกัด และโรงงานไม้อัดลำพูน ซึ่งเป็นของนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ หรือ "โกเก๊า"อดีตนายก อบจ.ลำพูน รวมทั้งบ้านภรรยาและเครือญาติ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปแล้วบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้อายัดตรวจยึดและรวบรวมทรัพย์สิน เพื่อสรุปมูลค่าทรัพย์สินต่อไป
จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดคดีทุจริตลำไยปี 47 ไปแล้วทั้งสิ้น 3,710 คดี แยกเป็นคดีฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร 1,368 คดี คดีแจ้งความเท็จ 2,284 คดี และคดีอื่นๆ อีก 58 คดี สำหรับคดีนี้จากการสอบสวนพบว่ามีนายประเสริฐ เป็นหัวหน้ากลุ่ม และมี ส.อบจ.ลำพูน และผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อในเครือข่ายเป็นผู้ร่วมดำเนินการ โดยจัดลูกน้องและบริวารออกรวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนจากเกษตรกรและชาวบ้านใน จ.ลำพูน ไปจัดทำแบบขึ้นทะเบียน ลย.1 เท็จ
หลังจากนั้นได้นำ ลย.1 ไปทำหลักฐานการซื้อขายและส่งมอบลำไย (อ.ต.ก.สพ.01) ที่หน่วยรับซื้อในเครือข่ายทั้ง 20 หน่วย โดยไม่มีการส่งมอบลำไยจริง หรือ "ลำไยลม" จำนวนประมาณ 4,900 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น 195,791,588 บาท นำไปเข้าบัญชีธนาคารในนามเกษตรกรก่อนนำเช็คไปเข้าบัญชีของเครือญาติหรือบริวารของนายประเสริฐ
ขณะที่ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง.เปิดเผยว่า ผลการตรวจค้นในครั้งนี้สามารถอายัดทรัพย์สินกลุ่มขบวนการทุจริตลำไยปี 47 สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการทุจริตหลังปี 47 ประกอบด้วยรถยนต์ 7 คัน โฉนดที่ดิน 25 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และเอกสารรายงานการรับซื้อลำไย เอกสารใบส่งของและใบเสร็จเกี่ยวกับลำไยจำนวนมาก รวมทั้งบัญชีหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำหลักฐานมาชี้แจงที่มาของทรัพย์สินภายใน 90 วันและจะได้สืบสวนทรัพย์สินที่คาดว่านำไปซุกซ่อนไว้อีกต่อไป
สำหรับเครือข่ายทุจริตลำไยปี 47 กลุ่มนี้มีผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวหาในคดีรวม 150 คนนำโดยนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน ผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อได้แก่นายมนตรี นุมัติ, นายกิตติศักดิ์ มีจี๋, นางอรวรรณ ภู่พิสิฐ, นายสุรสิทธิ์ วงศ์การณ์ (ส.อบจ.ลำพูน), นายสมบูรณ์ พุทธจน, นายวิเชียร มูลทองแดง, นายนรินทร์ ฟูสุวรรณ (ส.อบจ.ลำพูน), นายดาเรศน์ แสงยาสมุทร, นายวรชาติ ศรีไม้, นายรัฐเกียรติ โพธิวรากูร (ส.อบจ.ลำพูน), นายถวิล เทพวงศ์, นางรุจิรา ภู่แดง, นางเทิด เตจ๊ะพิงค์, นางจำเนียร ฟูบางไค้, นางจันทร์ตา ชัยสิทธิ์, นายวิรัตน์ กิติจิต และนางวิไล อุดดง
โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ในคดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ,ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
วานนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเจ้าหน้าที่ปปง. และตำรวจภูธรภาค 5 กว่า 100 นายกระจายกำลังเข้าตรวจอายัดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตลำไยปี 2547 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนรวม 23 จุด มีจุดสำคัญอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำพูน โดยเฉพาะที่บริษัทพิสิฐอุตสาหกรรม จำกัด และโรงงานไม้อัดลำพูน ซึ่งเป็นของนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ หรือ "โกเก๊า"อดีตนายก อบจ.ลำพูน รวมทั้งบ้านภรรยาและเครือญาติ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปแล้วบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้อายัดตรวจยึดและรวบรวมทรัพย์สิน เพื่อสรุปมูลค่าทรัพย์สินต่อไป
จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดคดีทุจริตลำไยปี 47 ไปแล้วทั้งสิ้น 3,710 คดี แยกเป็นคดีฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร 1,368 คดี คดีแจ้งความเท็จ 2,284 คดี และคดีอื่นๆ อีก 58 คดี สำหรับคดีนี้จากการสอบสวนพบว่ามีนายประเสริฐ เป็นหัวหน้ากลุ่ม และมี ส.อบจ.ลำพูน และผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อในเครือข่ายเป็นผู้ร่วมดำเนินการ โดยจัดลูกน้องและบริวารออกรวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนจากเกษตรกรและชาวบ้านใน จ.ลำพูน ไปจัดทำแบบขึ้นทะเบียน ลย.1 เท็จ
หลังจากนั้นได้นำ ลย.1 ไปทำหลักฐานการซื้อขายและส่งมอบลำไย (อ.ต.ก.สพ.01) ที่หน่วยรับซื้อในเครือข่ายทั้ง 20 หน่วย โดยไม่มีการส่งมอบลำไยจริง หรือ "ลำไยลม" จำนวนประมาณ 4,900 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น 195,791,588 บาท นำไปเข้าบัญชีธนาคารในนามเกษตรกรก่อนนำเช็คไปเข้าบัญชีของเครือญาติหรือบริวารของนายประเสริฐ
ขณะที่ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง.เปิดเผยว่า ผลการตรวจค้นในครั้งนี้สามารถอายัดทรัพย์สินกลุ่มขบวนการทุจริตลำไยปี 47 สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการทุจริตหลังปี 47 ประกอบด้วยรถยนต์ 7 คัน โฉนดที่ดิน 25 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และเอกสารรายงานการรับซื้อลำไย เอกสารใบส่งของและใบเสร็จเกี่ยวกับลำไยจำนวนมาก รวมทั้งบัญชีหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำหลักฐานมาชี้แจงที่มาของทรัพย์สินภายใน 90 วันและจะได้สืบสวนทรัพย์สินที่คาดว่านำไปซุกซ่อนไว้อีกต่อไป
สำหรับเครือข่ายทุจริตลำไยปี 47 กลุ่มนี้มีผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวหาในคดีรวม 150 คนนำโดยนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน ผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อได้แก่นายมนตรี นุมัติ, นายกิตติศักดิ์ มีจี๋, นางอรวรรณ ภู่พิสิฐ, นายสุรสิทธิ์ วงศ์การณ์ (ส.อบจ.ลำพูน), นายสมบูรณ์ พุทธจน, นายวิเชียร มูลทองแดง, นายนรินทร์ ฟูสุวรรณ (ส.อบจ.ลำพูน), นายดาเรศน์ แสงยาสมุทร, นายวรชาติ ศรีไม้, นายรัฐเกียรติ โพธิวรากูร (ส.อบจ.ลำพูน), นายถวิล เทพวงศ์, นางรุจิรา ภู่แดง, นางเทิด เตจ๊ะพิงค์, นางจำเนียร ฟูบางไค้, นางจันทร์ตา ชัยสิทธิ์, นายวิรัตน์ กิติจิต และนางวิไล อุดดง
โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ในคดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ,ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต