xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อทักษิณ อ้อน “เพื่อนสนธิ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จำได้ว่าพอโดนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แห่งรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ประกาศท้าหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ทักษิณ ชินวัตร เผชิญหน้าตอบข้อข้องใจทางโทรทัศน์ช่องไหนก็ได้

นักข่าวต่างประเทศ อยากรู้ว่าจะรับคำท้าไหม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับตอบว่า “สนธิเป็นใคร?” (Who is he?)
เล่นเอานักข่าวพากันงงไปตามๆ กัน

แต่ท่ามกลางประชาชนแน่นท้องสนามหลวงที่ถูกจัดหามาสร้าง ภาพคนเชียร์ทักษิณ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ศกนี้

รายการนี้ที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์หลายช่อง สังคมได้เห็นอาการบางอย่างจากคำปราศรัยบนเวที

“ผมอยากให้เพื่อนสนธิมาคุยกันหน่อย ให้ผมไปกินข้าวที่บ้านพระอาทิตย์ก็ได้ มีอะไรไม่สบายใจคุยกันได้เลย หันหน้าเข้าหากันเถอะ เพื่อชาติ เพื่อในหลวง”

ท่านจำลอง ไม่สบายใจอะไรก็บอกกัน ไม่สบายใจก็ไม่คุยกับผม ผมก็ไม่รู้ อาจจะโทรมาแล้ว ลูกน้องไม่ได้รับหรือเปล่า ถ้ารู้เดี๋ยวเขกกบาลให้”

ทั้งท่านเสนาะ พี่บรรหาร พี่สนั่น คุณอภิสิทธิ์ ก็ล้วนถูกเรียกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อ้อนให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง โดยอ้างว่าที่เกิดปัญหาไม่พอใจ เพราะความเข้าใจผิด

“แค่ไม่มีเวลาให้กัน ต่อไปนี้จะมีเวลาให้สังคมมากหน่อย...”
“เอาน่า อย่าโกรธกันเลย ผมถอยแล้วเห็นไหมเนี่ย นายกฯ ยังถอยเลย ใครโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่ก็บอกมา พรุ่งนี้ยกโทรศัพท์ได้เลย....”


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มองกระแสความไม่พอใจของสังคม เรื่องการขาดจริยธรรมของผู้นำประเทศ แต่กลับตีความว่า เป็นแค่ความไม่พอใจของคนที่เคยสนิท แล้วไม่มีเวลาให้ จนเกิดความไม่เข้าใจกันหรือนี่!

จากที่เคยเล่นสำนวนประชดว่า ไม่มีความหมายกับแกนนำของ “พันธมิตรกู้ชาติ” วันนี้กลับมาเรียก “เพื่อนสนธิ” และ “ท่านจำลอง” เป็นต้น

มันบอกนัยของความรู้สึกภายใน
ว่าภาพผู้คนแน่นสนามหลวงเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ที่มีคนจัดให้โดยผ่านกลไกข้าราชการและการเมืองท้องถิ่นเกณฑ์กันมานั้น

ก็เหมือนการจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาดหรือ Event Marketing ที่มีคนอำนวยความสะดวกและจ่ายค่าตอบแทน

จะขนกันมากี่แสนคนก็ได้
จำนวนตัวเลขมิใช่สาระสำคัญ หากพากันมาเพราะผลประโยชน์
จำนวนคนนับแสนที่มาชุมนุมขับไล่ และอีกจำนวนมากมายที่กระจายอยู่ในวงการต่างๆ ที่ไม่ยอมรับการอยู่ในตำแหน่งของ ดร.ทักษิณ ต่างหากที่เป็นพลังน่ากลัว น่าวิตกต่อความหวังในการกอดเก้าอี้ไว้ต่อไป

เพราะแม้ว่า สื่อที่รัฐคุมได้อย่างวิทยุและโทรทัศน์จะต้องยอมสนองตอบแทนการเผยแพร่ข่าวสารที่ให้น้ำหนักกับเรื่องที่เป็นบวกต่อผู้นำรัฐบาล

แต่สภาวะของสื่อสารไร้พรมแดนยุคปัจจุบันก็ยังพอมีช่องทางช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกที่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง ตรงข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามบอก
การอ้างเรื่องให้เคารพ “กติกา” ที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ด้่วย “คนคุมกติกา” ที่สังคมข้องใจในความเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง

การประกาศให้วัดกันที่การเลือกตั้งจึึงเป็นเกมสร้างความชอบธรรมในการกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง

นี่เอง จึงเป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยอมเสียเชิง ทั้งๆ ที่มีภาพคนมาเชียร์นับแสน ก็ยังต้องอ้อนขอให้ฝ่ายค้านลงในเกมเลือกตั้ง

แม้กระทั่งจะขอให้คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต.เลื่อนวันสมัครหรือวันลงคะแนน

แต่พรรคฝ่ายค้านรู้ทัน ไม่ยอมลงสมัครแข่งด้วย

สิ่งที่พิสูจน์ความจริงใจในการคิดจะ “ปฏิรูปการเมือง” ถ้ามีจริง ก็น่าจะทำได้ โดยไม่ต้อง “ยุบสภา” ให้ต้องเสียงบประมาณของรัฐอีก 2,200 ล้านบาท
ก็เอาความคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม เพื่อป้องกันการสั่งสมอำนาจและใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ของนักการเมือง

พรรคไทยรักไทยก็สามารถเป็นผู้นำในการปฏิรูปการเมืองได้ตั้งแต่ยังเป็นรัฐบาล เพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ที่ส่งเสริมการเมืองภาคประชาชนและมีระบบถ่วงดุล ตรวจสอบนักการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่อ้างตอนหาเสียงยุคแรกนั่นไง
เอาละ แม้มีการยุบสภาแล้ว ข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านที่ชวนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปร่วมประชุมเพื่อกำหนดหลักการขั้นตอนการปฏิรูปการเมืองและลงสัตยาบันกันก่อนจะลงสมัครเลือกตั้ง

แต่ก็ถูกปฏิเสธและแก้เกมด้วยการขอให้พรรคเล็กที่ไม่มีส.ส.มาร่วมประชุมด้วย
เมื่อเขารู้ทันก็เลยต้องสมัครโดยไม่มีคู่แข่งเช่นนี้ และปัญหาวุ่นยังจะตามมาอีกหลายเรื่อง เท่ากับยิ่งเป็นปัญหาวัดตัวเอง

กระแสปฏิเสธ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุด กรณีกลุ่มนักวิชาการ และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมกว่า 100 คน เข้าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลชั่วคราว และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อมาบริหารประเทศชั่วคราว จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จ

ก็น่าจะเป็นหนทางที่จะให้ความหวังกับกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น