xs
xsm
sm
md
lg

พี่ทักษิณครับ นี่ประชาชนนะครับ ไม่ใช่ควาย

เผยแพร่:   โดย: พชร สมุทวณิช

สำหรับหลักการของระบอบประชาธิปไตย เรื่องของการชุมนุมทางการเมืองนอกสภานั้น ไม่ใช่เรื่องการผิดกติกาแต่อย่างใดทั้งสิ้น ในการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรทั้ง 15 ครั้ง ไล่ตั้งแต่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาสวนลุม จนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า และสนามหลวง เราจะเห็นพัฒนาการของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างชัดเจน เริ่มจากครั้งแรกๆ มีคนเข้าร่วมเพียงหลักพัน ต่อเนื่องมาจนหลักหมื่น และหลักแสน

การเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาคประชาชนแต่ละครั้ง ทางฝากฝ่ายรัฐบาลล้วนแต่พูดถึงว่าเป็นพวกกุ๊ยบ้าง พวกเร่ร่อนบ้าง หมาที่มาเห่าหอนมาก ล้วนแต่เป็นการแสดงออกซึ่งการดูถูกการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่ต้องการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง

นอกจากนี้ มีการตอกย้ำทั้งจากนายกฯ และฝ่ายรัฐบาล ระบุว่าเป็นการกระทำ “นอกกรอบ-นอกกติกา” ส่วนนายกฯ ทักษิณนั้นทำทุกอย่างถูกกติกาประชาธิปไตย

อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลเห็นประชาชนออกมาขับไล่มากๆ เข้า ทั้งใน “เชิงปริมาณ” และ “เชิงคุณภาพ” ในที่สุดรัฐบาลก็ตัดสินใจที่จัดการชุมนุมขึ้นมาบ้าง ทั้งๆ ที่หลายคนออกมาระบุว่า เป็นการกระทำในลักษณะที่จะเอา “ม็อบชนม็อบ” มีความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายสูง

แต่สำหรับตัวผมเองนั้น ผมเห็นว่า นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีสิทธิเต็มที่จะกระทำได้


ดังที่กล่าวมาข้างต้นในเรื่องของหลักการประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่มีประเด็นหลักสำคัญอยู่ที่การเลือกตั้ง และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในสภาแต่เพียงเท่านั้น ผมเองพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้งในบทความต่างกรรมต่างวาระ ว่าส่วนตัวผมเอง ผมก็ไม่ยอมที่จะ “มอบอำนาจ” ให้ตัวแทนเข้าไปบริหารประเทศ อำนาจของประชาชนนั้น ไม่ได้หมดไปเมื่อก้าวเท้าออกมาจากคูหากาบัตรเลือกตั้ง และเฝ้ารอให้ฝ่ายรัฐบาลมา “คืนอำนาจให้ประชาชน” ตามชอบใจอย่างที่นายกฯ ทักษิณพูดผ่านหน้าจอทีวีเมื่อครั้งตัดสินใจยุบสภา

ดังนั้น ผมจึงบอกใครต่อใครว่า อย่าไปว่าคุณทักษิณว่าจัด “ม็อบชนม็อบ” เขามีสิทธิที่จะทำได้เหมือน “คุณสนธิ” และ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

และผมก็บอกใครต่อใครว่า ผมจะไปร่วมชุมนุมและฟังคุณทักษิณชี้แจง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ “คุณสนธิ” และ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” หรือใครต่อใคร พากันตั้งคำถามต่างๆ นานา แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากคุณทักษิณ มีแต่คำกระแนะกระแหน คำเสียดสี หากครั้งนี้ คุณทักษิณคิดจะ “ตอบคำถามประชาชน” ผมก็อยากจะไปฟังว่าคุณทักษิณจะว่าอย่างไร


แม้จะคาดหมายว่า คำถามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคอรัปชั่น การทำมาหากินกันอย่างน่าสงสัยของญาติพี่น้องและคนใกล้ตัวคุณทักษิณ เรื่องซุกหุ้น เรื่องเลี่ยงภาษี และเรื่องอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างซึ่งยังไม่เคยได้รับคำตอบ ก็จะคงยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี แต่อย่างไรก็ดี ก็หวังว่าคุณทักษิณจะให้ความกระจ่างสร้างสติปัญญาให้กับผมบ้างในบางเรื่อง

แต่เอาเข้าจริง “ผมเปลี่ยนใจไม่ไปครับ”

สาเหตุที่เปลี่ยนใจไม่ใช่เพราะว่ามีใครมาบอกให้ไม่ไป แต่ผมประเมินสถานการณ์ดูแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ “ปาหี่ทางการเมือง” ไม่ใช่การเคลื่อนไหวนอกสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ผมคาดคิด และสติปัญญาผมก็คงไม่ได้ประเทืองมากขึ้นอย่างแน่ๆ

ทำไมผมจึงพูดเช่นนี้ ผมเองนั้นผ่านประสบการณ์งานข่าวมาก็หลายปี ลองไปถามนักข่าวทั้งหลายที่มีอายุงานนานสักหน่อยดูสิครับ บรรดาผู้มีประสบการณ์งานข่าวภาคสนามนั้น ต่างรู้กันดีว่า “ม๊อบบริสุทธิ์” กับ “ม๊อบจัดตั้ง” นั้น ต่างกันอย่างไร ผมเองเมื่อครั้งเป็นนักข่าวใหม่ๆ ก็เคยถูกม๊อบจัดตั้งหลอกมาแล้วก็หลายหน นักข่าวภาคสนามทั้งหลาย ต่างมีเทคนิกที่จะทำการศึกษาม๊อบว่าจัดตั้งหรือไม่หลายวิธีด้วยกัน

แต่สำหรับงานนี้ได้ต้องสืบไม่ต้องเช็คอะไรกันมากครับ โน่นไปดูจำนวนรถโดยสารทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก นับจำนวนไม่ถ้วนที่ขนคนเข้ามาส่ง และจอดเรียงรายอยู่นับร้อยคันตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลานพระบรมรูปทรงม้า หรือตรงสะพานพระปิ่นเกล้า ตลอดจนอีกหลายที่ดูได้ พอมีนักข่าวไปถ่ายรูปมากๆ เข้าก็พากันทยอยสลายตัวขับไปหาที่หลบ

ส่วน “อัตราต่อหัว” นั้น ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เท่าที่ได้ยินมาจากเพื่อนนักข่าวบอกได้เลยว่าเป็นอัตราสูงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่มีเรื่องของ “อัตราหัว” แน่ๆ เพราะแกนนำจนๆ ทั้งหลายไม่มีปัญหาจ่าย 555

ใครที่มีโอกาสได้ไปร่วมการชุมนุมของพันธมิตรภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งที่ผ่านๆ มา รวมถึงเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ทั้ง 15 ครั้ง ถ้าใครไม่ได้ไป ลองหาทางถามเพื่อนที่คุณมั่นใจว่าไปร่วมดู จะทราบเรื่องที่น่าแปลกใจว่า การชุมนุมที่มีคนนับแสนที่ผ่านมานั้น เป็นการทยอยกันมาไม่ได้มีการพาเหรดกันมาเป็นหมู่คณะเหมือนเช่นการจัดปราศรัยของคุณทักษิณในครั้งนี้ ไม่ได้มีรถโดยสารขนาดใหญ่มาจอดเรียงรายเหมือนครั้งนี้ การจัดการชุมนุมของภาคประชาชนทุกครั้งที่ผ่านมา รถโดยสารขนาดใหญ่นั้น จะมีบ้างจากต่างจังหวัดก็น้อยเต็มที มีไม่กี่คัน และเป็นลักษณะมากันแบบตามมีตามเกิด แถมอีกหลายคันที่อยากจะมาร่วมก็โดนสกัดตามรายทาง

ใครที่มีประสบการณ์ร่วมชุมนุมของประชาชนอย่างแท้จริงในแต่ละครั้งที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าคงสัมผัสถึงสิ่งที่ผมกล่าวมาได้ไม่ยาก

ส่วนป้ายอะไรต่างๆ เมื่อครั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดการชุมนุมนั้น ก็มีหลากหลาย จะเรียกก็ได้ว่าเป็น “ป้ายทำมือ” หรือ “ป้ายโฮมเมด” (เพราะฝ่ายจัดการชุมนุม บ่จี๊ มีแต่ใจ ไม่มีตังค์ 555) ต่างจากครั้งนี้ที่ลองสังเกตดูดีๆ ว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นป้ายคุณภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างดีเยี่ยมประหนึ่งสดๆ ร้อนๆ จากโรงงาน

แว่บแรกที่ผมคิดขึ้นในใจก็คือ “นายกฯทักษิณดูถูกประชาธิปไตยฉิบหาย” ประโยคที่ตามมาในใจก็คือ “มึงคิดว่าประชาชนเป็นควายหรือไงวะ” อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นก่อนหน้า บทความชิ้นนี้ผมก็คงจะจั่วหัวด้วยภาษาดั้งเดิมและจริงใจ ด้วยประโยคใดประโยคหนึ่งข้างต้น แต่เนื่องจากเมียผมบ่นให้ฟังหลายครั้งว่า คนเขาจะหาว่าผมเป็นคนชอบพูดจาหยาบคาย ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนหัวเป็นภาษาที่สุภาพมากขึ้น เพื่อเมียนะครับ ไม่ใช่เพื่อคุณทักษิณและรัฐบาล

แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมมั่นใจว่า “ปาหี่ทางการเมือง” ไม่สามารถหลอกประชาชนคนไทยได้อย่างแน่นอน

ของจริงจะมาในวันที่ 5 มีนาคม
กำลังโหลดความคิดเห็น