xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 9 ต้นแบบพระสมเด็จวัดระฆัง

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม


เย็นวันรุ่งขึ้นผมเห็นมีเวลาว่างจึงเดินเตร่สำรวจโดยรอบกุฏิธรรมนิวาส และเดินเตร่ออกไปสำรวจพื้นที่คณะหนึ่งก็พบว่านอกรั้วด้านทิศใต้เป็นที่ว่างไปจนสุดคณะหนึ่ง นอกรั้วด้านทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ไม่มีทางออกทั้งสองด้าน เพราะเป็นรั้วลวดหนามและมีต้นชบาปลูกเป็นแนวรั้ว คงเหลือแต่ด้านทิศเหนือซึ่งมีประตูออกด้านข้าง และมีท่าน้ำเล็ก ๆ

ในแม่น้ำเจ้าพระยามีเรือวิ่งผ่านไปมาส่งเสียงดังตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าหากไม่คุ้นเคยก็จะรู้สึกรำคาญ แต่ถ้าหากคุ้นเคยแล้วก็จะกลายเป็นเรื่องปกติไป ที่ท่าน้ำเล็ก ๆ นั้นมีบันไดลงแม่น้ำ มีเรือพายขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ขายกาแฟ ขายของชำผ่านไปมาเป็นระยะ ๆ หากมีความต้องการก็สามารถเรียกจอดเพื่อซื้อหาได้

น้ำในแม่น้ำมีความสะอาดเหมือนกับน้ำคลองในหลังบ้านผม แม้ว่าจะมีผักตบชวาไหลตามกระแสน้ำมาจากข้างทิศเหนือไปทางทิศใต้ตลอดเวลา แต่ก็เห็นว่าน้ำนั้นใสสะอาดนัก มีกุ้งและปลาค่อนข้างจะชุกชุม เห็นคนนั่งเรือพายจอดตกปลาอยู่ตามริมแม่น้ำหลายลำ ทอดสายตาไปที่ท่าเรือสำหรับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าวัดระฆังไปยังท่าช้างวังหน้าซึ่งอยู่ข้างทิศใต้ของคณะหนึ่ง เห็นมีผู้คนเดินขึ้นลงท่าเรือพลุกพล่าน และแทบทุกวันก็เห็นเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันบ้าง รุ่นเล็กกว่าบ้าง รุ่นใหญ่กว่าบ้างกระโดดเล่นน้ำกันเป็นที่สนุก ใจก็หวนคำนึงไปถึงบ้านและคิดอยากที่จะลงเล่นน้ำเหมือนกับเขาบ้าง แต่ยังไม่กล้าเพราะว่ายังไม่คุ้นเคยกับหมู่เด็กคณะนั้น และยังไม่รู้สภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกับที่รู้สภาพคลองหลังบ้านเป็นอย่างดี

เรื่องทะเล เรื่องแม่น้ำนี้เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เป็นอันขาดเพราะทะเลและแม่น้ำไม่ใช่ถิ่นที่อาศัยของคน หากเป็นที่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำ คนอยู่ผิดที่ก็อาจตายได้โดยง่าย เพราะเหตุนี้โบราณจึงสอนว่าแม่น้ำหรือทะเลเป็น 1 ใน 5 ของสิ่งที่ประมาทมิได้ หากใครประมาทก็อาจตายได้ง่าย ๆ

ผมยังจำคำพังเพยโบราณดังกล่าวได้เป็นอย่างดีว่า

“จะไว้ใจอะไรไว้ใจเถิด        แต่อย่าเกิดไว้ใจในสิ่งห้า
หนึ่งอย่าไว้ใจทะเลทุกเวลา        สองสัตว์เล็บเขี้ยวงาอย่าวางใจ
สามผู้ถืออาวุธสุดจักร้าย        สี่ผู้หญิงทั้งหลายอย่ากรายใกล้
ห้าพระมหากษัตริย์ทรงฉัตรชัย        ถ้าแม้นใครประมาทอาจตายเอย”


แต่เพราะความคุ้นเคยอยู่กับแม่น้ำลำคลองและทะเลมาแต่อ้อนแต่ออก ทั้งมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าความสามารถในการว่ายน้ำและในการลอยตัวอยู่ในน้ำนั้นพอที่จะเอาตัวรอดได้ ดังนั้นด้วยความนึกสนุก ด้วยความคิดคำนึงถึงเรื่องราวแต่หนหลัง จึงคิดว่าในวันข้างหน้าจะต้องหาเวลาลงเล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาให้จงได้

พอคุ้นเคยและพอรู้สภาพกระแสน้ำและน้ำขึ้นน้ำลงดีแล้ว ผมก็ลงว่ายเล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาตามความเคยชินมาแต่ครั้งยังน้อย ให้รู้สึกเป็นสุขและรื่นเริงใจเป็นอันมาก ใจก็ประหวัดคิดถึงเพื่อน ๆ ที่เคยเล่นน้ำด้วยกันมา

บางครั้งดำลงไปที่เสาสะพานของท่านั้น จับกุ้งก้ามกรามได้เป็นหลายครั้ง ตอนแรกก็คิดจะเอามาทำกับข้าวดังที่เคยทำมาเมื่อครั้งยังน้อย แต่ใจก็ยั้งไว้ได้ทันว่าการฆ่าสัตว์นั้นเป็นบาป และความจริงการมาอยู่วัดก็หาได้ขัดสนเรื่องอาหารการกินแต่ประการใดไม่ แล้วไฉนจะต้องไปเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นเล่า คิดขึ้นมาได้เช่นนั้นก็ปล่อยกุ้งก้ามกรามทุกครั้งไป ครั้งถัด ๆ มาก็เลยไม่คิดจะจับกุ้งอีก

บางวันลงเล่นน้ำว่ายออกไปกลางแม่น้ำ เกาะสายโยงเรือพ่วงของเรือบรรทุกทรายที่แล่นทวนน้ำขึ้นไปทางข้างทิศเหนือ สมทบกับเด็ก ๆ ที่ลงเล่นน้ำที่ท่าเรือข้ามฟาก พอเรือแล่นไปถึงบริเวณพรานนกก็ปล่อยมือลอยตามกระแสน้ำกลับมาที่ท่าดังเดิม ก็รู้สึกสนุกสนานเป็นอย่างดี

ผมสำรวจดูสภาพพื้นที่คณะหนึ่งแล้วก็ออกไปเดินสำรวจโดยรอบคณะหนึ่งก็เห็นทิศทางไปมาได้ถึงสามทาง คือเลี้ยวประตูคณะหนึ่งไปทางขวาก็จะไปยังบ้านพรานนกและท่าเรือศิริราช รวมทั้งออกไปยังด้านบ้านขมิ้นและบ้านช่างหล่อได้ แต่ถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวตรงไปทางซ้ายอีกก็จะเป็นท่าเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าช้าง ถ้าไม่เลี้ยวและตรงไปก็จะเป็นโรงเรียนสตรีวัดระฆัง แต่ถ้าหากเลี้ยวไปทางขวาก็จะเป็นถนนเล็ก ๆ ไปออกถนนอรุณอัมรินทร์ด้านประตูหน้าวัดระฆัง

ผมสังเกตดูลู่ทางทั้งภายในภายนอกคณะหนึ่งจนจำได้แม่นยำแล้วจึงเข้าไปที่วิหารสมเด็จ กราบบอกกล่าวเจ้าประคุณสมเด็จอีกครั้งหนึ่งว่าบัดนี้ได้มาอยู่ที่วัดแล้ว ที่อาศัยมีแล้ว ขาดก็แต่ที่เรียน ยังไม่รู้จะเป็นประการใดเลย ขอบารมีเจ้าประคุณช่วยค้ำจุนเกื้อหนุนให้ได้ร่ำเรียนด้วยเถิด

กราบสมเด็จเสร็จแล้วเห็นว่ามีเวลาว่างอยู่ ผมจึงถอยออกมาที่ด้านนอกของประตูวิหาร ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นใกล้จะค่ำแล้ว แม่ชี 2 รูปที่เคยเห็นคงจะกลับไปก่อนจึงเหลืออยู่แต่แม่ชีเฒ่าอายุ 80 ปีเศษเพียงรูปเดียวกำลังเก็บข้าวของอยู่ จึงหยุดทักทายกับแม่ชี แล้วถามว่าวันนี้จำหน่ายธูปเทียนได้มากน้อยประการใด

แม่ชีเห็นผมแวะเวียนมาดังนั้นคงจะสังเกตว่าผมมีความศรัทธา เคารพบูชาในเจ้าประคุณสมเด็จ ครั้นได้ฟังผมถามก็ตอบว่าก็เหมือนกันกับทุก ๆ วันที่ผ่านมานั่นแหละ จากนั้นแม่ชีจึงถามผมถึงความที่เป็นมาแต่ก่อน ผมก็ได้เล่าความให้แม่ชีฟังตามความจริงทุกสิ่งอัน

แม่ชีอาวุโสนั้นได้ฟังเรื่องราวแล้วก็มีท่าทีที่เป็นมิตรราวกับเป็นญาติอาวุโสแล้วเล่าความให้ฟังว่าแม่ชีเป็นคนกรุงเทพฯ รุ่นแม่ รุ่นยายของแม่ชีก็รับใช้ใกล้ชิดวัดระฆัง ตัวแม่ชีเองก็มารับใช้วัดระฆังหลายสิบปีแล้ว เพราะมีความเคารพนับถือศรัทธาในเจ้าประคุณสมเด็จ

แม่ชีบอกว่าเคยเห็นเด็กวัดรุ่นแล้วรุ่นเล่ามาอาศัยวัดเรียนหนังสือ หลายคนได้ดิบได้ดี แต่บางคนก็เสียผู้เสียคน ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและบุญบารมีของแต่ละคน การที่ผมนับถือเลื่อมใสเจ้าประคุณสมเด็จแสดงว่าต้องเป็นคนดี ขอให้เป็นคนดีตลอดไป สิ่งใดที่คิดที่ปรารถนาย่อมสัมฤทธิผลได้ด้วยการทำความดี

แม่ชีได้ถามว่ามีญาติในกรุงเทพฯ บ้างหรือไม่ ผมก็บอกว่ามีบ้างก็เหมือนไม่มี จึงไม่รู้ที่จะพึ่งพาผู้ใด เพราะถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหน

แม่ชีจึงว่ามาอาศัยวัดระฆังแล้วอย่าได้วิตกว่าจะไม่มีที่เรียน ถ้าขัดสนถึงที่สุดประการใดแล้วให้อธิษฐานถึงสมเด็จก็คงจะสำเร็จสมความปรารถนา ขอให้มีน้ำใจศรัทธาต่อสมเด็จให้มั่นคง เพราะแม่ชีเองเคยเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว

แม่ชีบอกว่าเจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถราจารย์ที่บรรลุอภิญญาขั้นสูงในพระพุทธศาสนา ทรงฤทธานุภาพมากตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ดับขันธ์แล้วก็ยังทรงความศักดิ์สิทธิ์ ยังปรากฏอิทธิปาฏิหาริย์ให้คนรุ่นหลังได้เห็นอยู่เป็นประจำ ขึ้นอยู่กับใจว่าจะมีสมาธิที่สัมผัสกับเจ้าประคุณสมเด็จได้หรือไม่เท่านั้น

แม่ชีชี้ไปที่พระอุโบสถแล้วบอกว่าพระประธานวัดระฆังศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าประคุณสมเด็จนับถือบูชาพระประธานของวัดระฆังเป็นล้นพ้น พระสมเด็จวัดระฆังที่เล่าขานเป็นตำนานถึงความศักดิ์สิทธิ์มากมายหลายหลากเรื่องนั้นเป็นพระจำลองรูปแบบพระประธานวัดระฆัง แล้วยังบอกด้วยว่าถ้าเข้าไปในโบสถ์ก็ให้สังเกตสีหน้าพระพักตร์ของพระประธาน บางครั้งจะเห็นท่านยิ้มได้

แม่ชีบอกว่าทั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 และพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ล้วนเคยตรัสว่าพระประธานวัดระฆังเคยยิ้มต้อนรับให้กับพระองค์มาแล้ว

ผมนั่งฟังแม่ชีเล่าความอย่างตั้งใจ แม่ชีเห็นผมตั้งใจก็เล่าความให้ฟังต่อไปอีก ทั้งๆ ที่เวลาย่างเข้าพลบแล้วว่าพระประธานวัดอื่นถ้าหากมีเศวตฉัตรกั้นก็กางกั้นด้วยเศวตฉัตรอย่างมากเพียง 7 ชั้น แต่พระประธานวัดระฆังนั้นกางกั้นด้วยเศวตฉัตรถึง 9 ชั้น และเป็นเศวตฉัตรที่ในหลวงรัชกาลที่ 1 พระราชทาน

ผมนั่งฟังด้วยความสนใจในเรื่องราวอันแปลกประหลาด แม่ชีจึงเล่าต่อไปว่าตามตำนานวัดระฆังนั้นมีระบุว่าในหลวงรัชกาลที่ 1 ท่านโปรดวัดระฆังมาตั้งแต่ครั้งยังไม่ครองราชย์

เมื่อปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้น สมเด็จพระสังฆราช (สี) วัดระฆังถูกถอดออกจากตำแหน่ง เพราะไปถวายความเห็นว่าฆราวาสไม่ว่ายศถาบรรดาศักดิ์ใดต้องไหว้พระสงฆ์ แต่พระสงฆ์ไม่จำต้องไหว้ฆราวาสแม้ว่าฆราวาสนั้นจะเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินและบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันก็ตาม เป็นเหตุให้ไม่พอพระทัย และถอดสมเด็จพระสังฆราช (สี) ออกจากตำแหน่ง แล้วทรงแต่งตั้งพระสงฆ์รูปอื่นซึ่งยอมกราบไหว้พระองค์ขึ้นเป็นที่พระสังฆราชแทน

ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ปราบดาภิเษกแล้วจึงโปรดให้ถอดพระสังฆราชองค์ก่อนออกจากตำแหน่งเพราะทรงเห็นว่าไม่มั่นคงอยู่กับพระธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้า และทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (สี) ซึ่งซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามเดิม

สมเด็จพระสังฆราช (สี) ที่สถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารจึงนับเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งต่อมาทางวัดก็ได้สร้างวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี) ขึ้นหลังหนึ่ง อยู่ข้างประตูพระอุโบสถด้านขวามือตรงกันข้ามกับวิหารสมเด็จ แล้วหล่อรูปสมเด็จพระสังฆราช (สี) สถิตไว้ ณ วิหารนั้น

ดังนั้น หากเดินเข้าทางประตูพระอุโบสถด้านทิศตะวันออก ทางด้านขวามือก็จะเป็นวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี) ส่วนทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นวิหารสมเด็จอันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

หลังจากทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (สี) แล้วพระเจ้าอยู่หัวก็มีน้ำพระทัย ศรัทธาเสด็จมาวัดระฆังเนือง ๆ โดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญ ๆ ในพระพุทธศาสนาและเทศกาลทอดผ้าพระกฐินจนตลอดรัชกาล

ครั้นถึงปลายรัชกาลก็รับสั่งว่าเมื่อถึงกาลเสด็จสวรรคตให้นำพระนพปฎลเศวตฉัตรซึ่งกางกั้นพระเมรุมาศไปถวายพระประธานวัดระฆัง ด้วยเหตุที่พระประธานวัดระฆังนั้นมีไมตรีเมตตาต่อพระองค์ และได้ยิ้มต้อนรับพระองค์แทบทุกครั้งที่เสด็จไปในการพระราชกุศลที่พระอุโบสถ

ดังนั้นหลังจากเสร็จการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว จึงมีการอัญเชิญพระนพปฎลเศวตฉัตรที่กางกั้นพระเมรุมาศนั้นไปกั้นถวายพระประธานวัดระฆัง

ผมนั่งฟังแม่ชีเล่าความจนตะวันเลยพลบไปสู่ค่ำจึงขอลากลับ แม่ชีจึงได้เอาหนังสือตำนานวัดระฆังและประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี พร้อมกระดาษอีกแผ่นหนึ่งมอบให้แก่ผม แล้วบอกว่าในกระดาษแผ่นนี้มีพระคาถาชินบัญชรของเจ้าประคุณสมเด็จ ให้ท่องบ่นเรียนมนต์ไว้จะเป็นมงคลแก่ตัว

ผมไหว้ขอบคุณแม่ชีแล้วรับเอาของทั้งนั้นกลับมากุฏิ ต่อมาจึงได้รู้ว่าพระคาถาชินบัญชรนี้เป็นพระคาถาสำคัญที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ปรากฏความตามตำนานว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์ของพระสมเด็จ จึงตรัสถามเจ้าประคุณสมเด็จว่าที่มีกิตติศัพท์เล่าลือเล่าขานว่าพระสมเด็จวัดระฆังศักดิ์สิทธิ์นักหนานั้น เจ้าขรัวปลุกเสกด้วยพระคาถาใด

เจ้าประคุณสมเด็จได้ถวายพระพรตอบว่าพระสมเด็จมีความศักดิ์สิทธิ์ ทรงอิทธิปาฏิหาริย์ เพราะปลุกเสกด้วยพระคาถาชินบัญชร และได้ถวายพระคาถาบทนี้แก่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย

เมื่อทราบความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชรดังนั้น ผมก็มีความคิดว่าจะต้องเรียนและท่องจำพระคาถาบทนี้ให้จงได้ แต่เมื่ออ่านดูโดยตลอดแล้วก็รู้สึกว่ายากเกินกำลังนัก เพราะร้อยกรองด้วยภาษาบาลียาวเหยียดกว่าหน้ากระดาษ ที่ไหนเลยเด็กบ้านนอกอย่างผมซึ่งไม่ได้ร่ำเรียนภาษาบาลีมาโดยตรงจะท่องจำบทพระคาถาอันยาวนั้นได้

แต่กระนั้นด้วยความเคารพศรัทธาในเจ้าประคุณสมเด็จ ผมจึงตั้งใจอย่างมั่นคงว่าจะต้องเรียนและท่องจำมนต์บทนี้ให้ได้ ดังนั้นเมื่อถึงวันพฤหัสบดีผมจึงไปซื้อพวงมาลัยดอกมะลิและธูปเทียนเข้าไปบูชาเจ้าประคุณสมเด็จ บอกกล่าวขอเรียนมนต์ ขอให้เจ้าประคุณดลบันดาลให้เรียนและท่องจำมนต์บทนี้ได้โดยไว

กราบสมเด็จเสร็จแล้วก็กลับมาที่กุฏิ วันรุ่งขึ้นจึงเอากระดาษที่จารึกพระคาถาชินบัญชรแล้วออกไปนั่งที่ด้านหลังกุฏิข้างห้องฉันซึ่งเงียบสงบกว่าด้านหน้าที่มีเสียงดังด้วยเรือที่แล่นไปมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ผมยกมือขึ้นไหว้ไปทางวิหารสมเด็จ ตั้งนะโมตัสสะสามจบแล้วอ่านบทพระคาถาไปอย่างตะกุกตะกัก
กำลังโหลดความคิดเห็น