รายชื่อคณะผู้บริหารกทม.ชุดใหม่คลอดแล้ว"อภิรักษ์"ตั้ง “พุทธิพงษ์”ขึ้นรองผู้ว่าฯ พร้อมดึง“บรรณโศภิษฐ์”อดีตรองผู้ว่าฯ ยุคพิจิตต มาคุมฝ่ายโยธาฯแทน“สามารถ”ที่ถูกเด้งไปเป็นที่ปรึกษา ขยับ“อิสรา สุนทรวัฒน์”นั่งแท่นเป็นโฆษก
วานนี้ (1 มี.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนคณะผู้บริหารกทม.ใหม่ โดยในส่วนของทีมรองผู้ว่าฯ นั้น นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม คือดูแลงานด้านการคลัง สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักงบประมาณหน่วยงานพาณิชย์ทั้งมดของกทม 2.นายวัลลภ สุวรรณดี ถูกปรับเปลี่ยนสายงานจากเดิมดูงานด้านการศึกษา ไปดูสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักเทศกิจ และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แทน พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ ที่ถูกโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ
3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จากเดิมที่เป็นโฆษกกทม.ได้ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯด้านการศึกษาสำนักพัฒนาสังคม สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว และ 4.นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย อดีตรองผู้ว่าฯ สมัยนายพิจิตต รัตตกุล มานั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯ ดูแลสำนักผังเมือง สำนักการโยธา สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักการระบายน้ำแทนนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ โดยมี นายจิตติชัย แสงทอง ที่ย้ายจากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ มาเป็นเลขานุการผู้ว่าฯ แทนนายสุกิจ ก้องธรณินทร์ ที่ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ
นอกจากนี้ มีการดึงนางนวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ เพิ่มเติม และมีการปรับออก 2 คน คือนายอุทัย สุขสุด และนางตรึงใจ บูรณสมภพ ส่วนทีมงานโฆษกมี 3 คน ได้แก่ นายอิสรา สุนทรวัฒน์ โฆษกกทม. นายจักรพันธ์ พรนิมิตร และนายถนอม อ่อนเกตุพล เป็นรองโฆษก
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า เหตุผลในการปรับทีมผู้บริหารในครั้งนี้ เนื่องจากกทม.มีการปรับนโยบายการบริหารงานใหม่ทั้งหมด จึงต้องคัดเลือกคนที่มีความเหมาะสมเข้ามา ซึ่งตนไม่หนักใจในการเปลี่ยนครั้งนี้ โดยคนที่ได้รับมอบหมายครั้งใหม่ก็เป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งมีทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่ผ่านการเห็นชอบทั้งจากตนและจากพรรค ทั้งนี้ ตั้งใจจะให้การทำงานในอนาคตเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำโดยไม่แบ่งว่าใครเป็นใคร
ส่วนกรณีที่ถามว่า เหตุที่ย้ายนายสามารถไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ นั้นเป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริต 16 โครงการหรือไม่นั้น นายอภิรักษ์ ตอบว่าไม่อยากพูดถึง พูดไปเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง และไม่อยากให้วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรง อีกทั้งจากสถานการณ์การเมืองที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย และสิ่งที่ตนเน้นย้ำคือ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวต้องเข้ามาทำงานอย่างตั้งใจ เพราะกทม.ไม่ใช่ทางผ่านของใคร
“ผมยอมรับว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร มีส่วนมาจากการเลือกตั้งด้วย เพราะปีนี้เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ส.ก. ส.ข. ทำให้การสรรหาบุคคลแต่ละตำแหน่งต้องมีความเกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีคำสั่งจากพรรคแน่นอนและไม่มีการแบ่งโควตาจากพรรคหรือโควตาส่วนตัว เพราะได้หารือกับหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการเนื่องจากเป็นการแล้ว”
ส่วนสาเหตุที่ปรับให้นายพุทธิพงษ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเร็วเกินไป ขาดประสบการณ์การทำงานนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ถ้ามองในด้านบวก จะทำให้ได้มุมมองใหม่ๆ ในด้านคุณภาพชีวิตมั่นใจว่า นายพุทธิพงษ์ จะดูแลได้ดี ส่วนนางบรรณโศภิษฐ์ ได้ติดตามงานมาตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ แล้ว และเห็นว่ามีความสามารถด้านการพัฒนาเมือง มั่นใจว่าจะสามารถทำงานเข้ากับนายสามารถ ที่เป็นที่ปรึกษาได้
ด้านนายสามารถ กล่าวว่า ไม่รู้สึกท้อถอย หรือท้อใจแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับจะตั้งใจทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.อย่างเต็มที่แม้ว่าจะถูกปรับให้เป็นที่ปรึกษาแต่ก็ยังทำงานใกล้ชิดเช่นเดิม และที่สำคัญเมื่อก้าวเข้ามาทำงานสายการเมืองก็ต้องรับได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม
ส่วนกระแสข่าวที่ปรับตนออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.เพราะเรื่องการทุจริต 16 โครงการนั้น หากนายอภิรักษ์ เห็นว่าผิดพลาดคงไม่แต่งตั้งให้ทำงานต่อ และพร้อมจะกู้ชื่อเสียงกลับมาเพียงแต่ขอเวลาสักระยะ
ขณะที่นางบรรณโศภิษฐ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจเรื่องการทุจริตใน 16 โครงการและ และจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
เช่นเดียวกับนายพุทธิพงษ์ ที่กล่าวว่า งานแรกที่จะเริ่มดำเนินการได้แก่ งานวันสตรีสากล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มี.ค.นี้ และโดยส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจกับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ที่ได้รับมอบหมายมา แต่รู้ว่างานที่ทำจะต้องมากขึ้น และหนักขึ้นกว่าการเป็นโฆษกอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงนายอภิรักษ์ ได้เชิญทีมผู้บริหารเข้ารับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน พร้อมๆกับการประชุมหารือ ภายหลังการประชุมนั้นได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นนายอภิรักษ์ได้นำคณะผู้บริหารเข้าพบคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกทม. โดยคุณหญิงณฐนนท ได้มอบธนบัตรใบละ 20 บาท พับเป็นรูปปลาตะเพียน โดยนำแผ่นทองคำเปลวมาติดไว้ พร้อมลงยันต์อักขระเพื่อความเป็นสิริมงคลที่คุณหญิงบอกว่า ได้รับมาจากพระรูปหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมอบเหรียญพระบรมรูปเหมือน 2 มหาราช กู้แผ่นดิน ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปเหมือนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และด้านหลังเป็นพระบรมรูปพระนเรศวรมหาราช ซึ่งต่อจากนั้นผู้ว่าฯกทม.ได้นำคณะผู้บริหารชุดใหม่เยี่ยมชมห้องทำงานรวมทั้งทักทายสื่อมวลชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้(2มี.ค.) จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป)ครั้งแรกของคณะผู้บริหารชุดใหม่ที่โรงพยาบาลกลาง ในเวลา 12.00 น.ด้วย
วานนี้ (1 มี.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนคณะผู้บริหารกทม.ใหม่ โดยในส่วนของทีมรองผู้ว่าฯ นั้น นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม คือดูแลงานด้านการคลัง สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักงบประมาณหน่วยงานพาณิชย์ทั้งมดของกทม 2.นายวัลลภ สุวรรณดี ถูกปรับเปลี่ยนสายงานจากเดิมดูงานด้านการศึกษา ไปดูสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักเทศกิจ และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แทน พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ ที่ถูกโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ
3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จากเดิมที่เป็นโฆษกกทม.ได้ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯด้านการศึกษาสำนักพัฒนาสังคม สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว และ 4.นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย อดีตรองผู้ว่าฯ สมัยนายพิจิตต รัตตกุล มานั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯ ดูแลสำนักผังเมือง สำนักการโยธา สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักการระบายน้ำแทนนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ โดยมี นายจิตติชัย แสงทอง ที่ย้ายจากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ มาเป็นเลขานุการผู้ว่าฯ แทนนายสุกิจ ก้องธรณินทร์ ที่ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ
นอกจากนี้ มีการดึงนางนวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ เพิ่มเติม และมีการปรับออก 2 คน คือนายอุทัย สุขสุด และนางตรึงใจ บูรณสมภพ ส่วนทีมงานโฆษกมี 3 คน ได้แก่ นายอิสรา สุนทรวัฒน์ โฆษกกทม. นายจักรพันธ์ พรนิมิตร และนายถนอม อ่อนเกตุพล เป็นรองโฆษก
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า เหตุผลในการปรับทีมผู้บริหารในครั้งนี้ เนื่องจากกทม.มีการปรับนโยบายการบริหารงานใหม่ทั้งหมด จึงต้องคัดเลือกคนที่มีความเหมาะสมเข้ามา ซึ่งตนไม่หนักใจในการเปลี่ยนครั้งนี้ โดยคนที่ได้รับมอบหมายครั้งใหม่ก็เป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งมีทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่ผ่านการเห็นชอบทั้งจากตนและจากพรรค ทั้งนี้ ตั้งใจจะให้การทำงานในอนาคตเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำโดยไม่แบ่งว่าใครเป็นใคร
ส่วนกรณีที่ถามว่า เหตุที่ย้ายนายสามารถไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ นั้นเป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริต 16 โครงการหรือไม่นั้น นายอภิรักษ์ ตอบว่าไม่อยากพูดถึง พูดไปเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง และไม่อยากให้วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรง อีกทั้งจากสถานการณ์การเมืองที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย และสิ่งที่ตนเน้นย้ำคือ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวต้องเข้ามาทำงานอย่างตั้งใจ เพราะกทม.ไม่ใช่ทางผ่านของใคร
“ผมยอมรับว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร มีส่วนมาจากการเลือกตั้งด้วย เพราะปีนี้เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ส.ก. ส.ข. ทำให้การสรรหาบุคคลแต่ละตำแหน่งต้องมีความเกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีคำสั่งจากพรรคแน่นอนและไม่มีการแบ่งโควตาจากพรรคหรือโควตาส่วนตัว เพราะได้หารือกับหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการเนื่องจากเป็นการแล้ว”
ส่วนสาเหตุที่ปรับให้นายพุทธิพงษ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเร็วเกินไป ขาดประสบการณ์การทำงานนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ถ้ามองในด้านบวก จะทำให้ได้มุมมองใหม่ๆ ในด้านคุณภาพชีวิตมั่นใจว่า นายพุทธิพงษ์ จะดูแลได้ดี ส่วนนางบรรณโศภิษฐ์ ได้ติดตามงานมาตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ แล้ว และเห็นว่ามีความสามารถด้านการพัฒนาเมือง มั่นใจว่าจะสามารถทำงานเข้ากับนายสามารถ ที่เป็นที่ปรึกษาได้
ด้านนายสามารถ กล่าวว่า ไม่รู้สึกท้อถอย หรือท้อใจแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับจะตั้งใจทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.อย่างเต็มที่แม้ว่าจะถูกปรับให้เป็นที่ปรึกษาแต่ก็ยังทำงานใกล้ชิดเช่นเดิม และที่สำคัญเมื่อก้าวเข้ามาทำงานสายการเมืองก็ต้องรับได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม
ส่วนกระแสข่าวที่ปรับตนออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.เพราะเรื่องการทุจริต 16 โครงการนั้น หากนายอภิรักษ์ เห็นว่าผิดพลาดคงไม่แต่งตั้งให้ทำงานต่อ และพร้อมจะกู้ชื่อเสียงกลับมาเพียงแต่ขอเวลาสักระยะ
ขณะที่นางบรรณโศภิษฐ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจเรื่องการทุจริตใน 16 โครงการและ และจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
เช่นเดียวกับนายพุทธิพงษ์ ที่กล่าวว่า งานแรกที่จะเริ่มดำเนินการได้แก่ งานวันสตรีสากล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มี.ค.นี้ และโดยส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจกับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ที่ได้รับมอบหมายมา แต่รู้ว่างานที่ทำจะต้องมากขึ้น และหนักขึ้นกว่าการเป็นโฆษกอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงนายอภิรักษ์ ได้เชิญทีมผู้บริหารเข้ารับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน พร้อมๆกับการประชุมหารือ ภายหลังการประชุมนั้นได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นนายอภิรักษ์ได้นำคณะผู้บริหารเข้าพบคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกทม. โดยคุณหญิงณฐนนท ได้มอบธนบัตรใบละ 20 บาท พับเป็นรูปปลาตะเพียน โดยนำแผ่นทองคำเปลวมาติดไว้ พร้อมลงยันต์อักขระเพื่อความเป็นสิริมงคลที่คุณหญิงบอกว่า ได้รับมาจากพระรูปหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมอบเหรียญพระบรมรูปเหมือน 2 มหาราช กู้แผ่นดิน ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปเหมือนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และด้านหลังเป็นพระบรมรูปพระนเรศวรมหาราช ซึ่งต่อจากนั้นผู้ว่าฯกทม.ได้นำคณะผู้บริหารชุดใหม่เยี่ยมชมห้องทำงานรวมทั้งทักทายสื่อมวลชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้(2มี.ค.) จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป)ครั้งแรกของคณะผู้บริหารชุดใหม่ที่โรงพยาบาลกลาง ในเวลา 12.00 น.ด้วย