xs
xsm
sm
md
lg

ขู่ปิดกั้นฝ่ายค้านอภิปรายอิสระเจอเลิกสังฆกรรมฟอกตัวทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลประชุมวางแผนตั้งรับศึกอภิปราย 2 สภา แบ่งงานรับผิดชอบ 5 ประเด็นเพื่อให้ชี้แจง “วิษณุ” รับบทหนักโดนทั้งเรื่องปฏิรูป-คอรัปชั่น “หมอเลี้ยบ” ยันรัฐบาลจริงใจใช้เวทีรัฐสภาแก้ปัญหาบ้านเมือง ขณะเดียวกันสิ่งที่นายกฯถูกปรักปร่ำก็จะได้ชี้แจงให้เข้าใจ เผยต่อไปนี้รัฐบาลจะมีหลักฐานออกมาชี้แจงเพียบ ขณะที่วิปฝ่ายค้านตั้งแง่หากเจอปิดกั้น จัดเวลาไม่เป็นธรรมกับฝ่ายค้าน จะไม่ร่วมสังฆกรรมแน่ ชี้ญัตติเปิดประชุมหมกเม็ด หวังฟอกผู้นำ โยนบาป ขรก. เตรียมทำหนังสือจี้ต่อมสำนึก “โภคิน” เรียกร้องให้เป็นกลาง

ผู้สื่อข่ายงานว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการเปิดประชุมร่วม 2 สภา ตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาปัญหาบ้านเมือง วานนี้ (23 ก.พ.) นายสุรนันท์น เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมเพื่อซักซ้อมเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลในการชี้แจงต่อสภา โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละหัวเรื่อง ซึ่งกำหนดไว้ 5 ประเด็น

ประกอบด้วย 1.การขายหุ้นชินคอร์ปและภาษี โดยมอบหมายให้กระทรวงคลังเป็นผู้รับผิดชอบ 2.เอฟทีเอ มีกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ 3.การปฏิรูปการเมือง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายสุรนันท์น เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ

4.ความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม มีพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา รมว.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบ และ 5. การปฏิบัติมิชอบในวงราชการ มีนายวิษณุ เป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมกันนี้ได้มีการสั่งการให้ นายบวรศักดิ์ เ ทำหนังสือถึงรองนายกฯทุกคนให้เตรียมความพร้อม ในการตอบข้อซักถามด้วย

นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลการเปิด อภิปรายทั่วไป 2 สภา เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ฝ่ายค้านกลับเห็นว่าประเด็นที่รัฐบาลตั้งกว้างไป ไม่รู้ว่าจะอภิปรายได้อย่างไร และยังระบุว่าจะมีอิสระในการอภิปรายหรือไม่ อยากเรียนว่ารัฐบาลจริงใจและตั้งใจที่จะใช้ระบอบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในขณะนี้

“เราหมดเวลาในการเล่นลิ้นแล้ว เราจะต้องเอาความตั้งใจจริง เข้ามาร่วมกันเพื่อให้เกิดผลดีกับประเทศชาติ เราหมดเวลาปรักปรำแล้ว เอาเวลานี้มาเอาหลักฐาน ข้อพิสูจน์ต่างๆ มาชี้แจงให้เห็นซึ่งกันและกัน ฉะนั้นนับตั้งแต่นี้ไปรัฐบาลจะนำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ ออกมาชี้แจงมากขึ้น ทั้งในการชี้แจงในสภาและชี้แจงด้านนอก แม้จะมีคนบอกว่าสายเกินไป แต่เมื่อถูกปรักปรำในข้อมูลที่ไม่จริงก็ต้องรวบรวมข้อมูลมาชี้แจง”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน อาจจะไม่เข้าประชุมร่วมรัฐสภา เพราะมีการกำหนดกรอบจำกัดเกินไปว่า ขอให้ประธานสภา ประธานวิปรัฐบาล กลับไปทบทวน เพราะถ้าอุตส่าห์เปิดประชุมร่วมซึ่งปกติไม่ค่อยทำกัน แต่กลับไม่ได้ตอบข้อสงสัยของประชาชนก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเวทีของสภาห่างเหินจากประเด็นของประชาชน

“ผมเพิ่งเห็นหนังสือของรัฐบาลในการขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา รู้สึกว่าตั้งโจทย์มาผิดที่ว่าประชาชนสงสัยกรมสรรพากร ซึ่งความจริงไม่ใช่ วันนี้ทั้งหมดเป็นปัญหาของนายกฯ เรื่องจริยธรรม เรื่องการใช้อำนาจของนายกฯ เพราะฉะนั้นถ้าตั้งโจทย์ผิดจะทำให้การพิจารณาไม่ตรงกับประเด็นของสังคม แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นต้องมีการทบทวนตรงนี้จะดีที่สุด”

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเปิดประชุมรัฐสภาโดยมีมติว่า 1. การที่รัฐบาลเลือกใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 213 ให้มีการอภิปรายปัญหา การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเพียงการปรึกษาหารือธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นกลไก ตรวจสอบนายกฯ ซึ่งน้ำหนักจะแตกต่างกันอย่างยิ่งกับการที่ฝ่ายค้านเรียกร้อง ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

2.ญัตติที่เสนอมายังสภามีปัญหาคือ มีการกำหนดให้สภาพิจารณาได้ 5 เรื่อง และเปิดช่องให้ประธานและรองประธานรัฐสภา ใช้ดุลยพินิจในการนำเรื่องอื่นเข้าสู่ การพิจารณาได้ ถือเป็นการเขียนญัตติที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นได้เดินไปไกลกว่าที่เขียนเอาไว้แล้ว และยังเป็นการสร้างปัญหา ในการทำหน้าที่ของส.ส.ฝ่ายค้านและส.ว.ที่เป็นอิสระ เพราะขณะนี้มีข้อครหาว่า การทำหน้าที่ของประธานและรองประธานรัฐสภาในเรื่องความเป็นกลาง จึงไม่ควรเขียนญัตติที่เปิดโอกาสให้ใช้ดุลยพินิจ แต่ต้องมีกรอบเนื้อหาให้ชัดเจน

3. เป็นการเขียนญัตติแบบหมกเม็ด มีเจตนาใช้ญัตตินี้ฟอกตัวนายกฯ และโยนบาปให้ข้าราชการประจำ จะทำให้รัฐสภามีปัญหาในการพิจารณา เพราะมีการเขียนระบุถึงกระทรวงการคลัง และปัญหาการทุจริตก็เขียนเอาไว้เฉพาะในวงราชการ แต่ปัญหาขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ข้าราชการ แต่อยู่ที่นักการเมือง ปัญหาของกระทรวงการคลังและหน่วยงานในกำกับไม่ได้ที่อธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการ แต่อยู่ที่นักการเมืองที่เหนือกว่ารัฐมนตรีว่าจะเป็นผู้สั่งการหรือไม่

“วิปฝ่ายค้านยังมีมติทำบันทึกถึงประธานรัฐสภาในวันที่ 24 ก.พ. เพื่อกระตุ้นเตือนถึงจิตสำนึก ย้ำให้เห็นศักดิ์ศรีและความสำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติในการทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยหวังว่าจะทำให้ประธานและรองประธานรัฐสภา เห็นว่ารัฐสภาไม่ใช่เครื่องมือของฝ่ายบริหารในการแก้เกมการเมืองหรือฟอกตัวผู้นำประเทศโดยไม่มีศักดิ์ศรี

นายสาทิตย์ กล่าวว่า วันที่ 1 มี.ค. ที่จะมีการประชุมวิปทุกฝ่าย พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเรียกร้องต่อที่ประชุมว่าจะต้องไม่มีเงื่อนไขของการจำกัดเวลา และหัวข้อเรื่องที่จะอภิปรายว่าไม่ให้พาดพิงถึงนายกฯ ในเรื่องพฤติกรรมการ บริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะถือเป็นการเล่นละครตบตาประชาชนครั้งใหญ่ โดยฝ่ายค้านจะเรียกร้องขอให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการประชุมวิปทุกฝ่ายด้วย เพื่อแสดงให้เห็นชัดว่าประธานรัฐสภาและวิปรัฐบาลได้ทำงานโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรี ของฝ่ายนิติบัญญัติมากน้อยเพียงใด

“ถ้ายังมีปัญหาสกัดกั้นการทำงานของ ฝ่ายค้านอีก ฝ่ายค้านจะประชุมในวันเดียวกันเพื่อทบทวนท่าทีของฝ่ายค้าน ในการเข้าร่วมประชุมทันที และจะมีคำตอบอย่างแน่นอนว่าเราจะเข้าประชุมร่วมรัฐสภาหรือไม่ แต่ถ้าเปิดโอกาสให้เรา ทำหน้าที่อย่างอิสระ ก็จะเป็นช่องทางที่จะนำเรื่องภายนอกสภาเข้ามาพูดจาในสภา เพื่อหาข้อยุตติให้ชัดเจน”

นายสาทิตย์ กล่าวว่า แนวโน้มขณะนี้เห็นว่าญัตตินี้มีปัญหาแล้ว และการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาก็มีปัญหาแน่ แถมยังไม่สามารถตอบโจทย์ของประชาชนได้ด้วย เพราะฉะนั้นต้องคลายปัญหานี้ออกก่อนจึงจะสามารถทำหน้าที่ได้ ไม่เช่นนั้นฝ่ายค้านก็พร้อมทบทวนท่าทีของเรา เราต้องกล้าตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นสภานี้จะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร เป็นไปได้อย่างไรที่ให้รองนายกฯ ฝ่ายบริหาร มาชี้สภาว่าเรื่องนั้นพูดได้ เรื่องนี้พูดไม่ได้ ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทย

นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะคิดสัดสวน ส.ส.เป็นเวลาในการอภิปราย คือรัฐบาลจะมีโอกาสอภิปราย 374 คน ฝ่ายค้านมีโอกาสอภิปราย 124 คน จะแตกต่างกัน 1 ใน 3 ยังไม่รวมวุฒิสภา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้า ส.ส. รัฐบาลจะลุกขึ้นตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาคนก็ไม่ว่าอะไร แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ลูกพรรคไทยรักไทยกล้าหือกี่คน ถูกกาหัวไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งกี่คน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คาดหวังคือควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่าไม่เชื่อว่า ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมอภิปรายในการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เพราะรัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านมาร่วมอภิปราย ส่วนฝ่ายค้านจะร่วมได้เต็มที่หรือไม่อยู่ที่ความสามารถ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายค้านมาร่วมอภิปราย ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้แล้วพาลไม่ทำเรื่องอื่น การที่ฝ่ายค้านเคยบอกว่าให้เอาการเมืองมาเล่นในสภาแล้วไม่เห็นด้วย แสดงว่าฝ่ายค้านอยากให้เล่นนอกสภาก็แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านใจแคบ
กำลังโหลดความคิดเห็น