xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณไม่มีสิทธิยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลือหึ่ง"ทักษิณ"เตรียมยุบสภาหลังเข้าพบ"ป๋าเปรม-บิ๊กจิ๋ว" ด้าน"ปราโมทย์ นาครทรรพ"ชี้ การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ และต้องยุบในเงื่อนไขที่รัฐบาลขัดแย้งกับสภาฯ หรือมีเสียงไม่พอ ไม่ใช่ยุบเพราะตาขาวหนีการตรวจสอบ เผย"บิ๊กจิ๋ว"แนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่แม้วไม่เอา ทรท.เรียกประชุมแกนนำพรรคและส.ส.เตรียมรับมือการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง แจกส.ส.คนละ 3 แสนลงจัดกิจกรรมในพื้นที่ ปชป.ลั่นพร้อมจัดเวทีนอกสภา หากทรท.ออกมาเล่นการเมืองข้างถนน

เมื่อวานนี้(23 ก.พ.)หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ รวมทั้งได้เข้าหารือกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานศูนย์อำนวยการต่อสู้ เพื่อเอาชนะความยากจน (ศตจ.)ก็มีกระแสข่าวสะพัดออกมาตลอดทั้งวันว่า นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภา

นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องยุบสภานี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีสิทธิที่จะยุบสภาได้ ในเมืองไทยยังเข้าใจผิดกันอยู่มากว่า การยุบสภาเป็นเอกสิทธิของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่ เพราะการยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Sovereign Reserve Powers

"นายกฯมีเอกสิทธิแค่เพียงเลือกวันเวลาที่จะเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ตามกำหนดในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเท่านั้น"

นายปราโมทย์ กล่าวว่า การยุบสภาจะต้องมีเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาถูกต้อง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ 1.มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลกับสภาผู้แทนราษฎร 2.รัฐบาลเสียงหายไป หรือเสียงไม่พอที่จะบริหารประเทศ 3.กฎหมายสำคัญไม่ผ่าน และรัฐบาลเลือกที่จะยุบสภาแทนการลาออก 4.มีความยุ่งยากวุ่นวายในการคุมเสียงในกรณีเป็นรัฐบาลผสม

"แม้แต่ในการแพ้หรือหนีการเปิดอภิปราย รัฐบาลจะยุบได้ก็ในบางกรณีเท่านั้น"

ส่วนเงื่อนเวลานั้นส่วนมากมักจะเป็นหกเดือนสุดท้าย ที่สภาผู้แทนราษฎรใกล้จะครบเทอม เมื่อความเข้มขวดของเงื่อนไขต่างๆ ค่อยผ่อนคลายลง นายกรัฐมนตรีอาจเลือกเวลาที่คาดว่าฝ่ายตนจะได้เปรียบการเลือกตั้ง แล้วเลือกยุบสภาในจังหวะนั้นก็ได้ ถือว่ายังอยู่ในครรลองประชาธิปไตย

"แต่ถ้าหากการยุบสภาเป็นการปกป้องตัวบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีให้หลีกเลี่ยงความผิด หรือข้อกล่าวหาที่ชัดเจน เพราะความขี้ขลาดและไม่กล้าเผชิญการตรวจสอบ ย่อมไม่สามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อทำลายประชาธิปไตยได้ ยิ่งหากบ้านเมืองจะเสียหายสับสนไม่มีอะไรดีขึ้น ก็ยิ่งกระทำมิได้"

นายปราโมทย์ กล่าวว่า การยุบสภาที่ผ่านมา ที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้น คือ การยุบสภาเมื่อปี 2539 โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกจากนั้นการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีทุกคนล้วนถูกต้อง ไม่มีผู้ใดปฏิบัตินอกรีตนอกรอยเลย จึงใคร่ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ สังวรให้จงหนัก หากคิดจะยุบสภา ในขณะนี้ เพื่อหนีแรงกดดันให้ลาออก

นายชัยอนันต์ สมุทวณิช กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน หากพ.ต.ท.ทักษิณ จะยุบสภาก็ยากในการหาเหตุผลมาอ้าง เพราะไม่มีข้อขัดแย้งภายในพรรคหรือรัฐสภาถึงขนาดที่จะให้ยุบสภา สิ่งที่ทำได้ก็คือ ตรวจสอบข้อกล่าวหาของฝ่ายประท้วงไล่เป็นข้อๆไป และชี้แจง หรือไม่ก็รีบแก้ไขเสีย

"แต่นายกรัฐมนตรีปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนถึงขีดที่เกิดความไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจแพร่ขยายวงกว้างไปเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ แม้แต่เด็กนักเรียนก็ยังออกมาขับไล่"

ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมลาออก การบริหารงานของรัฐบาลก็จะมีปัญหา การจะดำเนินโครงการใหญ่ๆก็จะถูกต่อต้าน จะมีการหาความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณโดยมีข้อมูลมากขึ้น

**แม้วเข้าพบป๋าเปรม-บิ๊กจิ๋ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ และได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในขณะนี้ เพียงสั้นๆ ว่าเป็นเพราะถูกกลั่นแกล้ง

ต่อมาเวลาประมาณ 10.46 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ โดยมีพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เดินทางมาพร้อมกับนายกฯ แต่ไม่ได้เข้าไปด้วย มีเพียงนายกฯเข้าพบเพียงคนเดียว โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับออกมา โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.)เพื่อร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง โดยมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

หลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯ ถึงการเข้าพบ พล.อ.เปรม แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ผู้ใหญ่คุยกัน อย่าไปอยากรู้เลย ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พล.อ.เปรม ได้แนะนำอะไรหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้ำว่า ไม่เอาน่า ผู้ใหญ่คุยกัน จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกระแสข่าวการยุบสภา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว "อู๊ย..สภายังไม่เปิด จะยุบได้อย่างไร"

จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลก เพื่อพบกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โดยได้ใช้เวลาหารือกันประมาณ 20 นาที จากนั้นนายกฯ ได้เดินกลับมายังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการหารือกับ พล.อ.ชวลิต โดยนายกฯ ไม่ตอบ กล่าวแต่เพียงว่า"ง่วงนอนๆ"

** บิ๊กจิ๋วแนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ-แม้วไม่เอา

แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่า การหารือระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับพล.อ.ชวลิต ในครั้งนี้ นายกฯ เปิดฉากสอบถาม โดยให้พล.อ.ชวลิต วิเคราะห์ถึงการที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะนำกองทัพธรรมออกมาชุมนุม ที่ท้องสนามหลวงว่าจะมีผลอย่างไร นอกจากนี้ยังได้ขอร้องให้ พล.อ.ชวลิต กลับเข้ามาช่วยงานทางการเมืองอย่างเต็มตัว มิใช่แค่ทำหน้าที่ ประธานแก้ปัญหาความยากจน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอ ดังกล่าวได้รับการปฏิเสธจาก พล.อ.ชวลิต แต่กระนั้น พล.อ.ชวลิต เสนอว่า สถานการณ์ขณะนี้ น่าจะหาทางคลี่คลายปัญหาร่วมกัน ทางหนึ่งควรจะเชิญบุคคลที่ยังให้การสนับสนุนรัฐบาลมาร่วมจัดตั้ง"รัฐบาลแห่งชาติ" แต่นายกฯ ปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ไม่สามารถทำได้

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า การเข้าพบ พล.อ.เปรม ครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากได้รับคำแนะนำจาก พล.อ.ชวลิต โดยนายกฯได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา เมื่อวันอังคารที่ 21ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ให้ไปถามพล.อ.เปรม อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ก่อนหน้าที่นายกฯจะเข้าพบพล.อ.เปรม

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.ที่มีการชุมนุมใหญ่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปตั้งหลักที่ จ.เชียงใหม่ จะพักค้างคืนด้วย

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากรัฐบาลมีการออก พ.ร.ฎ.ยุบสภา ตามรัฐธรรมนูญต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน แต่หากรัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปี ก็จะต้องเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติของ ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 90 วัน ดังนั้น ส.ส.ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลแห่งใด เพื่อให้ยืดเวลาการสังกัดพรรคการเมืองออกไป 30 วัน ดังนั้นถ้าหากส.ส.จะไปสังกัดพรรคใหม่ ก็ต้องลาออกไปสังกัดพรรคใหม่เสียแต่ตอนนี้สถานเดียวก่อนจะมีการยุบสภา

"ผมไม่ใช่คนยุบสภา จะไปรู้หรือว่าจะยุบสภาเมื่อไร จะไปบอกล่วงหน้าได้ว่าจะยุบสภาเมื่อไร แต่เมื่อยุบสภารัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจน 60 วัน ต้องเลือกตั้งใหม่ ถ้าส.ส.จะไปสังกัดพรรคใหม่ ก็ต้องลาออกก่อนไปเสียตอนนี้สถานเดียวจะอุทธรณ์ไม่ได้"

นายวิษณุ กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวลือว่าทางรัฐบาลได้ออก พ.ร.ฎ ยุบสภา นั้น ตนไม่ทราบเหมือนกันว่ามีข่าวลือออกมาได้อย่างไร เป็นใครที่ไหนที่ออกมาพูดก็ไม่รู้ เป็นคนใกล้ชิดหรือไม่ ก็ไม่รู้ ก็อยากทราบเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน

**แจกส.ส.คนละ3 แสนให้ลงพื้นที่

วันเดียวกันนี้ ที่พรรคไทยรักไทย ได้มีการประชุม ส.ส.ภาคต่างๆ เช่น ภาคกลาง ภาคกทม.และภาคอีสาน รวมทั้งประชุมระดับแกนนำพรรค เพื่อหารือรับมือการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรค ได้เป็นประธานประชุมร่วมกับแกนนำพรรค เพื่อประเมินถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในหลายแง่มุม พร้อมกับเตรียมวิธีการรับมือไว้คร่าวๆ นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงประเด็นการยุบสภา ซึ่ง แกนนำพรรคต่างเห็นตรงกันว่า ควรสู้ต่อไป ยังไม่ควรยุบสภาในตอนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน มีรัฐมนตรี แกนนำพรรค ตลอดจนส.ส.เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคไทยรักไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางพรรคได้มีการแจกเงินให้กับส.ส.เขตของพรรค คนละ 3 แสนบาท เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมในพื้นที่ ทำให้ส.ส.บางคนประเมินว่าคงจะมีการยุบสภาในเร็วๆนี้

**"หญิงหน่อย"สั่งแจกใบปลิวโจมตีสนธิ

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวหลังการประชุมแกนนำพรรค ว่า จุดยืนของพรรคชัดเจน ว่าเราจะยังใช้เวทีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้ฝ่ายค้าน ส.ว.และคนที่สงสัยได้ซักถามอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นเวทีที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะมีโอกาสตอบข้อสงสัยทั้งหมด ส่วนการชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ.นั้นเชื่อว่าผู้มาชุมนุมจะยังคงประชุมกันอย่างสันติ และรัฐบาลก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ หากไม่มีผู้ไม่หวังดีมาแทรกแซงก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง

การที่กลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะชุมนุมกันจนกว่านายกฯจะลาออกนั้น หากเป็นการชุมนุมอย่างมีเหตุมีผลรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง เพราะไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้าหรือแตกหัก อยากให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

ส่วนกระแสข่าวการยุบสภานั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ข้อสงสัยเหล่านี้ คิดว่าน่าจะใช้กลไกของรัฐสภาตอบปัญหาตรงนี้ก่อน ส่วนตอบแล้วจะพอใจหรือไม่พอใจนั้น คงจะต้องมาประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง และอยากขอให้ฝ่ายค้านคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตอบด้วยว่า จะร่วมประชุมในการประชุมร่วมรัฐสภาหรือไม่ เพราะเวทีนี้ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นเวทีที่รัฐบาลพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นจริงๆ

สำหรับจำนวนของผู้ที่มาชุมนุมจะมีผลต่อการตัดสินใจกับการยุบสภาหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า หากเอาเรื่องจำนวนแล้ว จะพบว่าผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลก็มีจำนวนมาก จึงอยากให้วัดกันด้วยเหตุผลดีกว่า เพราะถ้าหากนับหัวก็จะกลายเป็นว่าต้องขนคนมาแสดงพลังกัน ซึ่งมันไม่เหมาะสมบางครั้งถ้าถกเถียงด้วยเหตุผลรัฐบาลอาจจะแพ้ก็ได้ ส่วนเหตุและผลในการลาออกหรือยุบสภานั้น วันนี้ต้องให้โอกาสนายกฯบ้าง เพราะยังไม่มีเวทีให้โอกาสนายกฯชี้แจงเลย เราจึงเปิดเวทีให้ซักถามนายกฯ อย่างเต็มที่ เมื่อฟังนายกฯชี้แจงแล้วค่อยตัดสินใจด้วยเหตุผลดีกว่า

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการยุบสภา มีการประเมินด้วยหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ข่าวลือแบบนี้ เกิดตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.และ 11 ก.พ. แล้ว ทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็มีข่าวแปลกๆออกมาเยอะ แต่ยืนยันว่าจุดยืนของรัฐบาลยังเหมือนเดิม ข่าวปล่อยก็เพื่อให้เสถียรภาพรัฐบาลลดน้อยลง หรือเพื่อดิสเครดิต มาพูดกันตรงๆบนโต๊ะบนเวทีที่สภาดีกว่า ส่วนที่นายกฯไปพบ พล.อ.เปรม จึงทำให้มีกระแสข่าวยุบสภาออกมามาก นายสุรนันทน์ตอบว่า เราไปตีความเรื่องสัญลักษณ์มากไป ใช้จินตนาการมากเกินไป ซึ่งหากผู้ใหญ่ยังไม่พูดอะไร ทุกข่าวก็ยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประธานภาคกทม.ก็ได้เรียกประชุมส.ส.กทม.เพื่อสั่งการให้ส.ส.กทม.นำสื่อต่างๆที่พรรคจัดทำขึ้นไปเผยแพร่ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการขายหุ้น และกรณีของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะช่วงนี้ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นอกจากนี้จะจัดโครงการพรรคไทยรักไทยพบประชาชนในกทม.ทำกิจกรรมพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ยังยืนยันด้วยว่าจะยังไม่มีการยุบสภาตามที่มีข่าวออกมา โดยประเมินว่า ยังสามารถประคองสถานการณ์ได้อยู่ แม้กระแสในกรุงเทพฯ จะสู้ต่างจังหวัดไม่ได้ก็ตาม ซึ่งส.ส.กทม.ต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุด

**อีสานรอเงิน SMLไม่อยากให้ยุบสภา

นายเอกภาพ พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยรักไทย กลุ่มวังพญานาค กล่าวภายหลังเข้าพบนายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มวังพญานาค ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือสถานการณ์การเมืองว่า ส.ส.ในกลุ่มส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ภาคอีสาน ได้สะท้อนต่อที่ประชุมว่าไม่เห็นด้วยกับการ ยุบสภาหรือลาออก และหากมีการเลือกตั้งใหม่นายกฯ ก็ยังชนะเช่นเดิม แล้วจะยุบเพื่ออะไร โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่กำลังรอการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามโครงการ SML อยู่

สำหรับข่าวการขายหุ้นนั้นประชาชนมองว่าเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับการทุจริต ฉ้อโกง นอกจากนี้ส.ส.ยังสะท้อนความเห็นในที่ประชุมด้วยว่า ถูกชาวบ้านโจมตีว่าไม่ช่วยเหลือนายกฯ และไม่เห็นด้วยที่ผู้ใหญ่ในพรรคสั่งห้ามไม่ให้มีการ เคลื่อนไหวสนุบสนุนนายกฯ ดังนั้นต่อไปนี้ส.ส.ในกลุ่มจะปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวสนับสนุนนายกฯ ในพื้นที่อย่างเต็มที่

ส่วนที่มีข่าวว่า ได้ร่างกฤษฎีกายุบสภาแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงข่าวปล่อย เพราะกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องร่าง รอแค่เปลี่ยนวันที่ ก็ใช้ได้แล้ว และข่าวการลาออก แล้วแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมาแทนนั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะถ้าทำจริงก็เท่ากับโกหกประชาชน เนื่องจากในการหาเสียงเลือกตั้งเราชู พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยเสนอคนอื่น

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม ส.ส.ต่างวิตกว่า การเปิดประชุมร่วม 2 สภา จะยิ่งส่งผลลบต่อรัฐบาล เพราะเปิดช้าไป อีกทั้งกังวลว่าฝ่ายค้านจะสร้างประเด็นใหม่พอกขึ้นมาเรื่อยๆ จนไม่สามรถตอบคำถามได้หมด และเมื่อมีข่าวออกมาประชาชนก็มักจะให้ความเชื่อถือเกินกว่าครึ่งไปแล้ว

**พล่านทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจง

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมทำจดหมายเปิดผนึกถึง ส.ส.พรรคไทยรักไทย และประชาชน เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาการดำเนินการและสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไข พ.ร.บ.โทรคมนาคม ที่ถูกบิดเบือน เพื่อให้นายกฯ พ้นการถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน

ส่วนการตั้งเวทีเพื่อชี้แจงนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคจะต้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง

นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้ยุบสภาว่า หากดูคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.สุจินดาแล้ว ท่านพูดว่า คงไม่น่ามีอะไรรุนแรง นอกนั้นท่านพูดเพียงว่า หากนายกฯจะตัดสินใจ ก็น่าจะเลือกการยุบสภา แต่ ณ วันนี้รัฐบาลยังมั่นใจว่า สถานการณ์ในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะที่นายกฯ ยังปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจในทิศทางใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการลาออก หรือยุบสภา

ส่วนการชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ.ที่สนามหลวงนั้น ตนเชื่อมั่นว่าถ้าทุกๆ ฝ่ายยืนยันในแง่ของการที่จะชุมนุมกันโดยสงบ ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา และทุกๆพรรคพยายามทำให้ปัญหาต่างๆ นอกสภากลับเข้าสู่รัฐสภา ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และต้องขอชื่นชมพรรคชาติไทย ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ออกมาพูดว่าจะได้เตรียมประเด็นที่จะอภิปรายในทุกประเด็น ถือว่าเป็นบทบาทที่จะได้รับความชื่นชม เมื่อถามว่า เป็นเพราะพรรคชาติไทยหวังร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ หัวเราะแต่ไม่ตอบคำถาม

**แนะแม้วตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ เป็นเพราะถูกกลั่นแกล้ง ว่า อยากให้นายกฯทบทวนดูว่าสถานการณ์ ที่ลุกลามอยู่เป็นเพราะว่านายกฯ ไม่ยอมสำรวจตัวเองหรือไม่ ว่าปัญหาลุกลามเพราะอะไร ตนไม่อยากให้นายกฯใส่ร้ายคนอื่นว่ามีคนกลั่นแกล้ง ถ้ากลั่นแกล้งแล้วเหตุใด จึงมีคนที่เข้าเกี่ยวข้องกันมาก และมาจากกลุ่มที่หลากหลาย จึงอยากให้นายกฯ แสดงออกถึงการเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการยอมรับการตรวจสอบ การวิจารณ์ในความเห็นที่แตกต่าง และใช้เวทีที่เหมาะสมบนความเท่าเทียมกันในการชี้แจง ถ้านายกฯมั่นใจว่าสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดไม่มีอะไรผิด สามารถอธิบายได้ก็ควรทำอย่างนั้น แต่การที่จะมากล่าวหาคนที่ไม่เห็นด้วยมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น

ส่วนที่นายกฯจะทำจดหมายเปิดผนึก เพื่อชี้แจงนั้นก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ถ้า นายกฯยังเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่มีโอกาสได้สื่อสาร ถือว่าเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะไม่มีใครในประเทศนี้ใช้วิทยุ โทรทัศน์ ได้มากเท่านายกฯ ปัญหาเวลานี้ไม่ใช่ว่าคนไม่ได้ยิน แต่เป็นเพราะคนไม่เชื่อ และวิธีที่จะทำให้เชื่อได้คือถ้ามั่นใจว่า สิ่งที่ตัวเองพูดเป็นความจริง ก็ต้องมาเผชิญกับคำถามที่มันตรง ซึ่งพรรคฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่ถามตรงให้ และนายกฯต้องมาตอบอย่าเฉไฉ เป็นอย่างอื่น เพราะนายกฯจะทำจดหมายพิมพ์ไปเท่าไร แต่มีคนอีกจำนวนมาก เขาก็ทำใบปลิว ทำจดหมายเหมือนกัน มันก็อยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้นแนวทางที่จะได้ความจริงต้องมีปฏิสัมพันธ์กันบ้าง ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างทำจะยิ่งมีแต่ความแตกแยกเกิดขึ้น

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิป) กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะต้องกำหนดท่าทีที่ชัดเจนของพรรคฝ่ายค้านก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมร่วม ระหว่างวิปสามฝ่าย ในวันที่ 1 มี.ค. ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า การเปิดประชุมร่วมตามมาตรา 213 มีความหมายต่อการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และวุฒิสภา และญัตติดังกล่าวจะมีความหมายต่อสถานการณ์การเมืองในการชุมนุมวันที่ 26 ก.พ.นี้ด้วย

ทั้งนี้ ญัตติที่รัฐบาลส่งมาชัดเจนมาเลยว่า รัฐบาลไม่ได้วิเคราะห์ว่าปัญหาอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี แต่ยังโยนไปที่คนอื่น จึงถามว่าเมื่อยุบสภาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นไหม ตรงนี้เป็นคำถามที่ต้องประเมิน ส่วนที่มองว่าหากยุบสภาแล้วพรรคไทยรักไทยจะกลับมาอีก ตนคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นแผ่นเสียงก็ยังคงตกร่อง และกลับไปสู่แนวทางเดิม ปัญหาของประเทศวันนี้อยู่ที่นายกฯ หากกระบวนการภายนอกไม่สามารถทำให้นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นมาตอบปัญหาของท่านเอง มันก็จะวนอยู่อย่างนี้" นายสาทิตย์ กล่าว

**ปชป.พร้อมตั้งเวทีนอกสภาชนทรท.

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางรายการวิทยุ 92.25 MHz กรณีที่พรรคไทยรักไทย จะเปิดเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 3 มี.ค.ว่า ตนอยากถามว่าพรรคไทยรักไทยจะเปิดเวทีปราศรัยเพื่ออะไร เพราะในวันที่ 6 มี.ค.รัฐบาลได้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาอภิปรายปัญหาการบริหารงานของรัฐบาลอยู่แล้ว รัฐบาลสามารถใช้เวทีนี้ชี้แจงได้ และอยากถามว่าการเปิดสนามหลวง ถือว่าเล่นนอกสภาใช่หรือไม่ ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เห็นใจประชาชนที่ออกมาชุมนุม แต่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะต้องการเล่นในสภา เราต้องการใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหา อย่างที่ จ.กระบี่ ก็มีประชาชนจำนวนมากมีความอึดอัดใจ ต้องการเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ จะเหมารถหลายคันเดินทางมา แต่ตนได้ยับยั้งไว้ เพราะไม่ต้องการให้ปัญหาบานปลาย บอกให้อดทน เพราะเราต้องการเล่นตามระบบ แต่เมื่อพรรคไทยรักไทย จะเล่นนอกสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีความชอบธรรมที่จะเล่นนอกสภาด้วย

หากพรรคไทยรักไทยเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ จริง ในวันที่ 4-6 มี.ค.พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะเปิดเวทีด้วย และจะรู้ว่า มีประชาชนมาร่วมมากมายขนาดไหน เมื่อพรรคไทยรักไทยเล่นนอกสภาฯ เราก็พร้อมที่จะเล่นนอกสภาฯด้วย" นายพิเชษฐ์ กล่าว และว่า การเปิดเวทีของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นไปในลักษณะไหน จะร่วมกับพันธมิตรประชาชนฯหรือไม่ พรรคจะหารือกันหลังจากที่พรรคไทยรักไทยเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ซึ่งคิดว่าการเมืองคงจะสนุกแน่นอน

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายประชานิยมออกมามาก เพื่อหาเสียงเตรียมตัวเลือกตั้งใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ อาทิ การขึ้นเงินเดือน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นงบประมาณผูกพันตลอดไป จะมีปัญหากับรัฐบาลต่อไป ในการบริหารประเทศ เพราะฐานะการคลังของประเทศในขณะนี้มีปัญหามากขาดสภาพคล่อง รัฐบาลต้องออกตั๋วแลกเงินเพื่อนำเงินสดมาใช้จ่าย นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการโฆษณาผลงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น เช่น การจ่ายหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนครบกำหนด 2 ปี ก็บอกว่า เป็นความสามารถของรัฐบาล ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ เรามีงวดการกู้ 36 งวดนับจากเดือน ก.ค.40 เป็นการทยอยกู้มาแต่ละงวด ไม่ได้กู้มาทั้งหมด 2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และแต่ละงวดที่กู้มาก็มีวาระการเงินคืน 3 ปี รัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่ได้กู้เงินครบ 36 งวด แต่ได้ยุติการกู้เมื่อปี 43 ดังนั้น งวดการจ่ายคืนจึงหมดลงในปี 46 แต่หากกู้มาทั้งหมด งวดการจ่ายคืนจะหมดในปี 50 แต่รัฐบาลยกมาเป็นผลงานของตัวเอง ทั้งที่เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนทำไว้ ผมเคยพูดเรื่องนี้ ในสภาฯ แต่ตอนนั้น กระแสรัฐบาลกำลังแรง จึงไม่มีใครฟัง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งไม่ดี ก็โผล่ออกมาหมดแล้ว

**หากจะยุบสภาแต่ต้องแก้รธน.ก่อน

นายวิทยา มะเสนา ส.ว.มหาสารคาม นายสมควร จิตแสง ส.ว.ขอนแก่น นายสรรพกิจ ปรีชาชนะชัย นายปริญญา กรวยทอง ส.ว.สุรินทร์ นายคำพันธ์ ป้องปาน ส.ว.อุดรธานี พ.ต.ท.ชัชวาล บุญมี ส.ว.ลพบุรี นายเชาว์ มณีวงษ์ ส.ว.ชลบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้นายกฯยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยนายวิทยา กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ถึงทางตัน เกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนนายกฯให้อยู่ต่อ กับฝ่ายค้านที่ต้องการให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง ส.ว.เกือบ 20 คนได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ และเห็นพ้องกันว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆหมดทางออกแล้ว

ดังนั้นเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยและเกิดความ สามัคคี จึงอยากเสนอแนะนายกฯ ว่าให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความสมดุลในทางการเมืองในระบบรัฐสภา และหลังจากอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 แล้ว หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็ขอให้ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน

นายวิทยา กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ทางวุฒิสภา และสถาบันพระปกเกล้า ได้มีการศึกษาประเด็นปัญหาต่างๆ และได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นรัฐบาล ก็สามารถนำประเด็นเหล่านี้ไปพิจารณาได้ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะรอการวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่กำลังศึกษาวิจัยอยู่ เพราะกว่าผลจะออกมาก็ช้าไม่ทันการ จึงอยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน ไม่เช่นนั้นหาก ยุบสภาแล้ว เลือกตั้งใหม่ ปัญหาก็ไม่สิ้นสุด เนื่องจากยังเป็นโครงสร้างการเมืองแบบเดิม ส.ส.ที่เข้ามาก็หน้าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น