ต้องบอกกล่าวกันล่วงหน้าก่อนว่า
วันนี้ คุณสำราญ รอดเพชร หนึ่งในเจ้าของคอลัมนิ์หน้ากระดานเรียง 5 ตัวจริง-เสียงจริง!
ไม่อยู่...
มีภารกิจต้องสัญจรแรมไพร เดินสายไปภาคใต้ กับคณะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งไปเปิดเวทีิยิก(ไล่) ทักษิณิที่ จ.สงขลา และที่ภูเก็ต ในช่วงวันอาทิตย์-จันทร์ที่ผ่านมา
และบังเอิญว่า ในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จะต้องส่งต้นฉบับพอดี
ผู้น้อยอย่างผม ซึ่งในชีวิตจริง วันๆ คุ้นอยู่แต่กับรถนิสสัน เซนทรา ปุโรทั่งเก่าๆ อายุอานามการใช้งาน ก็ปาเข้าไปเฉียดๆ สองทศวรรษโน่นแล้ว?!
มาวันนี้ ผู้ใหญ่มีเมตตา ยื่นกุญแจโตโยต้า คัมรี่ ให้ขับ แม้จะออกอาการประหม่า เคอะๆ เขินๆ อย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลหลากหลายประการประกอบกัน จึงมิอาจตอบปฏิเสธไมตรีได้
ก็เลยต้องขออนุญาตรับหน้าเสื่อ-หน้าไพ่ เข้าเวรเป็นมวยแทน ทักทายกับท่านผู้อ่าน ผ่านทางคอลัมน์หน้ากระดานเรียง 5 แห่งนี้ แก้ขัดไปพรางก่อนสักหนึ่งวัน
หวังว่าแฟนๆ คุณสำราญคงจะไม่ว่า..
เอาล่ะทีนี้มาว่ากันถึงเรื่องที่จั่วหัวกันเอาไว้
ตถตา..อ่านว่า ตะ-ถะ-ตา ที่มีความหมายว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง!
คำสอนที่ว่านี้ เข้าใจว่าน่าจะอยู่ในหลักปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นหลักที่อธิบายถึงสรรพสิ่งที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น
เพราะว่ามีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี อะไรทำนองนั้น
แต่กับคำว่า.. ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง ที่นายกรัฐมนตรี นำสิ่งที่หลวงพ่อพุทธทาส สอนไว้มาพูดถึงนั้น เพราะต้องการสื่อไปถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม และเป็นอดีตกัลยาณมิตร ในทำนองที่ว่า..
ไม่ทุกข์
ไม่โกรธ
ไม่กังวล
ไม่กลัว
และก็ไม่เกลียด!
ที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ แม้ครั้งหนึ่งจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ตาม
ประหนึ่งว่า ทำใจได้ ในนิยามแห่ง ตถตา ที่แปลว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง!
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่ง ที่เคยใช้ชีวิตผ่านวัดมาบ้าง ถึงจะไม่ได้แตกฉาน ลึกซึ้งอะไร เพราะเปรียบไปก็เป็นแค่เด็กวิ่งเล่นตามโบสถ์ วิหาร และบังเอิญไปซึมซับเอามาจากการได้ยินได้ฟังพระท่านพูดเข้าหูอยู่บ่อยๆ
แต่ก็เห็นว่า คำสอนที่นายกรัฐมนตรี นำมาพูดถึงต่างกรรมต่างวาระนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า อยู่ในระดับยอดพระไตรปิฎกทั้งสิ้น ทั้งเรื่องของหลักอิทัปปัจยตา-โภชเนมัตตัญญุตา ฯลฯ
เสียดายอยู่อย่างเดียว ที่นายกรัฐมนตรี เมื่อได้อ่าน ได้รู้ ได้เข้าใจแล้ว
แต่กลับไม่ได้นำมาปฏิบัติ ไม่ได้นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเท่านั้นเอง
เพราะหากนำมาปฏิบัติกับตัวได้จริง
นายกรัฐมนตรี คงจะมีความสุขกับคำว่า โภชเนมัตตัญญุตา
ไม่ต้องิสำลักความร่ำรวยิ อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
หรือหากสำเหนียกในเรื่องของหลัก อิทัปปัจยตา เสียหน่อย
ก็คงไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรน หนีเงาตัวเอง อย่างที่กำลังกระทำ
เพราะถ้าไม่แก้กฎหมาย ขายหุ้น เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองแล้วไซร้
ไฉนเลย ใครเขาจะออกมาไล่กันทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างนี้
สิ่งทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ และมีที่มาที่ไปทั้งนั้นแหละ..
และหากจะย้อนไป ตั้งแต่ในช่วงก่อนปี2544 ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ในช่วงที่กำลังปลุกปั้นพรรคไทยรักไทยอยู่.. หลายครั้ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพร่ำบอกว่า
อยากเป็นนักการเมืองเวสสันดรบ้าง หรือกระทั่งในตอนหลัง
ยังบอกอยากเป็นนักการเมืองโพธิสัตว์ด้วยซ้ำ
แต่สุดท้าย-ท้ายสุด มาถึงวันนี้
แม้วันพิพากษาจริงๆ จะยังเดินทางมาไม่ถึง
สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมผัส
กลับเป็นได้เพียงแค่ นักการเมืองชูชก!
อย่าโกรธ..
อย่าเกลียด..
นั่นคือ ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
ตำแหน่ง หัวโขน ลาภยศ ทรัพย์ศฤงคารประดามี
มาถึงวันนี้ คงต้องบอกว่า ต้องละวาง
ปลงเสียเถอะ..ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินเพล
เพราะท่านทำตัวท่านเองครับ!
มนตรี จอมพันธ์ (แทน)
วันนี้ คุณสำราญ รอดเพชร หนึ่งในเจ้าของคอลัมนิ์หน้ากระดานเรียง 5 ตัวจริง-เสียงจริง!
ไม่อยู่...
มีภารกิจต้องสัญจรแรมไพร เดินสายไปภาคใต้ กับคณะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งไปเปิดเวทีิยิก(ไล่) ทักษิณิที่ จ.สงขลา และที่ภูเก็ต ในช่วงวันอาทิตย์-จันทร์ที่ผ่านมา
และบังเอิญว่า ในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จะต้องส่งต้นฉบับพอดี
ผู้น้อยอย่างผม ซึ่งในชีวิตจริง วันๆ คุ้นอยู่แต่กับรถนิสสัน เซนทรา ปุโรทั่งเก่าๆ อายุอานามการใช้งาน ก็ปาเข้าไปเฉียดๆ สองทศวรรษโน่นแล้ว?!
มาวันนี้ ผู้ใหญ่มีเมตตา ยื่นกุญแจโตโยต้า คัมรี่ ให้ขับ แม้จะออกอาการประหม่า เคอะๆ เขินๆ อย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลหลากหลายประการประกอบกัน จึงมิอาจตอบปฏิเสธไมตรีได้
ก็เลยต้องขออนุญาตรับหน้าเสื่อ-หน้าไพ่ เข้าเวรเป็นมวยแทน ทักทายกับท่านผู้อ่าน ผ่านทางคอลัมน์หน้ากระดานเรียง 5 แห่งนี้ แก้ขัดไปพรางก่อนสักหนึ่งวัน
หวังว่าแฟนๆ คุณสำราญคงจะไม่ว่า..
เอาล่ะทีนี้มาว่ากันถึงเรื่องที่จั่วหัวกันเอาไว้
ตถตา..อ่านว่า ตะ-ถะ-ตา ที่มีความหมายว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง!
คำสอนที่ว่านี้ เข้าใจว่าน่าจะอยู่ในหลักปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นหลักที่อธิบายถึงสรรพสิ่งที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น
เพราะว่ามีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี อะไรทำนองนั้น
แต่กับคำว่า.. ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง ที่นายกรัฐมนตรี นำสิ่งที่หลวงพ่อพุทธทาส สอนไว้มาพูดถึงนั้น เพราะต้องการสื่อไปถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม และเป็นอดีตกัลยาณมิตร ในทำนองที่ว่า..
ไม่ทุกข์
ไม่โกรธ
ไม่กังวล
ไม่กลัว
และก็ไม่เกลียด!
ที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ แม้ครั้งหนึ่งจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ตาม
ประหนึ่งว่า ทำใจได้ ในนิยามแห่ง ตถตา ที่แปลว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง!
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่ง ที่เคยใช้ชีวิตผ่านวัดมาบ้าง ถึงจะไม่ได้แตกฉาน ลึกซึ้งอะไร เพราะเปรียบไปก็เป็นแค่เด็กวิ่งเล่นตามโบสถ์ วิหาร และบังเอิญไปซึมซับเอามาจากการได้ยินได้ฟังพระท่านพูดเข้าหูอยู่บ่อยๆ
แต่ก็เห็นว่า คำสอนที่นายกรัฐมนตรี นำมาพูดถึงต่างกรรมต่างวาระนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า อยู่ในระดับยอดพระไตรปิฎกทั้งสิ้น ทั้งเรื่องของหลักอิทัปปัจยตา-โภชเนมัตตัญญุตา ฯลฯ
เสียดายอยู่อย่างเดียว ที่นายกรัฐมนตรี เมื่อได้อ่าน ได้รู้ ได้เข้าใจแล้ว
แต่กลับไม่ได้นำมาปฏิบัติ ไม่ได้นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเท่านั้นเอง
เพราะหากนำมาปฏิบัติกับตัวได้จริง
นายกรัฐมนตรี คงจะมีความสุขกับคำว่า โภชเนมัตตัญญุตา
ไม่ต้องิสำลักความร่ำรวยิ อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
หรือหากสำเหนียกในเรื่องของหลัก อิทัปปัจยตา เสียหน่อย
ก็คงไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรน หนีเงาตัวเอง อย่างที่กำลังกระทำ
เพราะถ้าไม่แก้กฎหมาย ขายหุ้น เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองแล้วไซร้
ไฉนเลย ใครเขาจะออกมาไล่กันทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างนี้
สิ่งทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ และมีที่มาที่ไปทั้งนั้นแหละ..
และหากจะย้อนไป ตั้งแต่ในช่วงก่อนปี2544 ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ในช่วงที่กำลังปลุกปั้นพรรคไทยรักไทยอยู่.. หลายครั้ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพร่ำบอกว่า
อยากเป็นนักการเมืองเวสสันดรบ้าง หรือกระทั่งในตอนหลัง
ยังบอกอยากเป็นนักการเมืองโพธิสัตว์ด้วยซ้ำ
แต่สุดท้าย-ท้ายสุด มาถึงวันนี้
แม้วันพิพากษาจริงๆ จะยังเดินทางมาไม่ถึง
สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมผัส
กลับเป็นได้เพียงแค่ นักการเมืองชูชก!
อย่าโกรธ..
อย่าเกลียด..
นั่นคือ ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
ตำแหน่ง หัวโขน ลาภยศ ทรัพย์ศฤงคารประดามี
มาถึงวันนี้ คงต้องบอกว่า ต้องละวาง
ปลงเสียเถอะ..ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินเพล
เพราะท่านทำตัวท่านเองครับ!
มนตรี จอมพันธ์ (แทน)