xs
xsm
sm
md
lg

คลังบีบนายจ้างร่วมกบช.พนง.100รายเข้ากองทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเกิดภาวะสุญญากาศ นายจ้างชะลอตั้งกองทุนสำรองฯ เพื่อรอความชัดเจนการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่เตรียมบีบให้ผู้ประกอบการที่มีพนักงาน 100 คนขึ้นไป ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ฉุดพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งระบบมีแนวโน้มชะลอตัว
แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจกองทุนรวมในปีนี้ต้องยอมรับว่าอยู่ในช่วงสุญญากาศ เนื่องจากกระทรวงการคลังมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อเป็นแหล่งเงินออมสำหรับพนักงานเอกชนในอนาคตหลังการเกษียณ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนมากนักว่า ท้ายที่สุดแล้วรูปแบบจะออกมาอย่างไร ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เตรียมจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพชะลอการจัดตั้งออกไปก่อน เพื่อรอความชัดเจนของกระทรวงการคลัง
"ในปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขยายตัวน้อยมาก เพราะกระทรวงการคลังพยายามออกมาให้ความเห็นว่า จะเร่งผลักดันการตั้งกบช.ขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นบอกว่าน่าจะเห็นในปี 2550 แต่ท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่าน่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2551" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับผลการประชุมคณะทำงานของกระทรวงการคลัง และตัวแทนสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ในเบื้องต้นได้กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากบช. ต้องมีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป โดยเบื้องต้นต้องสมทบเงินระหว่างนายจ้างและลูกจ้างฝ่ายละ 3% ก่อนขยายไปสู่การจัดเก็บฝ่ายละ 6% เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในช่วงหลังเกษียณอายุ
ส่วนรูปแบบการบริหารจัดการกบช. ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันว่าจะเป็นการรวมศูนย์เช่นเดียวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนประกันสังคม หรือจะให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นผู้บริหารพอร์ต
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เนื่องจากเงินออมในระบบอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ เมื่อเทียบกับแนวโน้มการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า มูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2548 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 345,895.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40,433.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 305,462.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.23%
บริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สูงสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ประกอบด้วย 1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 66,476.13 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 19.22%2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด50,889.15 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์14.71%3.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 41,120.70 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 11.89% 4.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด 34,897.03 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 10.09%
5. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 34,147.62 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 9.87% 6. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด 24,351.66 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 7.04% 7.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด 21,907.79 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 6.33% สำหรับอันดับ 8.ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 16,003.21 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 4.63%9.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13,792.80 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 3.99% และ10.บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13,763.80 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 3.98%
กำลังโหลดความคิดเห็น