xs
xsm
sm
md
lg

อาการน่าเป็นห่วง!

เผยแพร่:   โดย: ชัยณรงค์ สมสมาน

สถานการณ์ของรัฐบาลออกอาการละล้าละลังและน่าเป็นห่วง เพราะถึงแม้ว่าจะพยายามที่จะทำให้เหตุการณ์เป็นปกติอย่างไรก็ตาม แต่อาการขาสั่นกลับปรากฏให้เห็นเด่นชัด

ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกปฏิเสธต้องถูกปัดฝุ่นขึ้นมาว่ากล่าว จนทำให้ชาวประชาพากันงุนงงสงสัยว่าเมื่อวานพูดอย่างหนึ่ง ทำไมวันนี้จึงพูดอีกอย่างหนึ่ง?

มันเกิดขึ้นอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้มีใครเสกสรรปั้นแต่งให้เป็นไปเช่นนั้นเลย แต่เป็นเรื่องคิดเอาเอง พูดเอาเอง และทำเอาเองทั้งสิ้น

เมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพูดว่ารัฐบาลจะตั้งหน้าทำงานอย่างเดียว ในสามปีครึ่งของสมัยนี้จะไม่พูดถึงเรื่องการเมือง จะมุ่งหน้าทำงานให้กับประชาชนอย่างเดียว

แต่วันนี้ทุกเวลานาทีกลับไม่มีโอกาสได้พูดเรื่องงาน และต้องพูดแต่เรื่องการเมือง พูดกันถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ พูดกันถึงเรื่องการยุบสภา พูดกันถึงเรื่องรัฐบาลลาออกและเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวด้วยการเมืองมากมายก่ายกอง

เมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพูดว่าใครที่ไปตั้งบริษัทที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้นเป็นพวกริอ่านหลีกเลี่ยงภาษี เป็นพวกไม่รักชาติ ขอให้คนไทยช่วยกัน อย่าหลีกเลี่ยงภาษี อย่าไปตั้งบริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น

แต่พอเรื่องขายหุ้นชินดังกระหึ่มขึ้นและมีการขุดคุ้ยเบื้องหน้าเบื้องหลังกันอย่างขนานใหญ่ กลับปรากฏว่าคนที่พูดเรื่องนี้ก็คือคนเดียวกันกับคนที่ไปตั้งบริษัทที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้นและก่อให้เกิดความสงสัยในเรื่องภาษีกันทั้งบ้านทั้งเมือง

เมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุด เป็นฉบับประชาชน รัฐบาลจะไม่แก้ไขยุ่งเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ขัดข้องถ้าหากใครจะริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่มาวันนี้กลับมีการพูดถึงเรื่องปฏิรูปการเมือง พูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังถอยฉากเอาเชิงเอาชั้น ไม่ปริปากว่าจะรับเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขเอง กลายเป็นว่าให้บรรดาครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไปพิจารณาศึกษากันเองว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะแก้กันอย่างไร

โดยจะมีการสนับสนุนการเงินให้จำนวนหนึ่ง
แต่ก็มีเสียงเป็นทำนองคนรู้ทันเปรยออกมาว่าพฤติกรรมอย่างนี้เห็นครูบาอาจารย์เป็นหมาหรืออย่างไร? แล้วตั้งข้อสงสัยว่าการโยนเงินมาให้ก้อนหนึ่งพร้อมกับโยนประเด็นมาให้นั้นก็จะทำให้เกิดการถกเถียงโต้แย้งในระหว่างครูบาอาจารย์ต่อเนื่องไปเป็นเวลาช้านาน และหาข้อยุติอะไรไม่ได้

แล้วระบุว่านี่คือกลอุบายในการซื้อเวลาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมืองและตัดทอนกำลังต่อต้านจากภาคการศึกษา และอาจหวังผลที่จะยับยั้งการเคลื่อนไหวของบรรดานิสิตนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ ด้วย

พอมีคนพูดอย่างนี้ก็เป็นการจี้ใจดำให้กับผู้คนในวงการการศึกษา รวมทั้งนิสิตนักศึกษาด้วย เพราะถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามและถือเป็นการใช้เล่ห์อุบายเพื่อซื้อเวลา โดยไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา

ดังนั้น จึงเกิดปรากฏการณ์ขยับตัวของบรรดานิสิตนักศึกษาและครูบาอาจารย์กว้างขวางยิ่งขึ้น ลุกลามออกไปยังต่างจังหวัด และลุกลามออกจากรั้วสถาบันการศึกษาสู่ถนนหนทางและปลุกประชาชนให้ตื่นตัวขึ้นมารับรู้ความจริงว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในบ้านเมือง

สิ่งเหล่านี้ได้บ่งชี้ว่าในบางครั้งเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปดังใจหวัง เพราะหากหวังอย่างไรแล้วได้อย่างนั้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วก็ย่อมไม่มีการผิดหวัง และเรื่องทั้งหมดก็ย่อมเกิดขึ้นตามที่ตั้งความหวังไว้นั้น

น่าเสียดายที่บรรดาใครที่มีอำนาจแล้วมักจะมองข้ามสิ่งนี้ไป เพราะมักจะคิดว่าอำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจเหนือบุคคล รวมทั้งอำนาจมืดจะสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้ดังใจปรารถนา

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็ทำให้เกิดความกล้าที่จะทำอะไรลงไปโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ศีลธรรม จริยธรรม และความรู้สึกของประชาชน เพราะย่อมคิดว่าไม่มีใครกล้าขัดขวางคัดค้าน ถึงแม้จะมีใครมาขัดขวางคัดค้านก็พอที่จะแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้

และเมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็ทำให้เกิดความคิดที่ดูถูกดูแคลนไม่เห็นหัวประชาชน ทำให้ความเจ็บช้ำน้ำใจเพิ่มมากขึ้น และขยายวงออกไปกว้างขึ้น

เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราในทุกวันนี้ก็เป็นไปเช่นนี้ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้เลย

เกิดอะไรขึ้นก็มีไอ้โม่งในมุมมืดข่มขู่คุกคามข่มขวัญ ทั้งด้วยอำนาจมืดและอำนาจรัฐ เพื่อสกัดขัดขวางและเพื่อทำให้สิ่งที่ตัวเองคิดจะทำหรือกำลังทำอยู่เดินต่อไปได้

ก็ย่อมได้ผลบ้างและแน่นอนว่าย่อมไม่ได้ผลบ้าง ที่ได้ผลก็แล้วกันไป แต่ที่ไม่ได้ผลนี่สิ ใน 10 ราย เพียงแค่ไม่ได้ผลรายเดียวก็จะเกิดผลลบเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างที่คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกคือตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุด

เพราะเมื่อมีการเรียกร้องแล้วแทนที่จะแก้ไขทำความเข้าใจกันให้ดีก็กลับมีไอ้โม่งในมุมมืดไปเคลื่อนไหวข่มขู่คุกคามในทางลับ และใช้พรรคพวกเคลื่อนไหวในทางเปิดเพื่อทำลายความเชื่อถือของคณบดีคณะรัฐศาสตร์ท่านนั้น

ผลที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามกับที่หวัง เพราะแทนที่ปัญหาเรื่องราวจะหยุดยั้งลง กลับทำให้เกิดความขุ่นเคืองและไม่พอใจแก่บรรดาคณาจารย์ทั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและต่างมหาวิทยาลัย เฉพาะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งเดียวก็เกิดแรงผลักดันให้คณาจารย์กว่า 400 คนออกมาเรียกร้องเช่นเดียวกับที่คณบดีท่านนี้ได้เรียกร้อง

แล้วยังลุกลามลึกลงไปถึงนิสิตนักศึกษาในสถาบันการศึกษาทุกแห่งด้วย นี่ก็คือผลของการใช้อำนาจที่แม้พลาดเพียงครั้งเดียวก็เกิดความเสียหายใหญ่หลวงได้

บางครั้งก็คิดว่าหากเกิดปัญหาขัดข้องขึ้นก็ใช้อำนาจของเงินตราเข้าแก้ไข ความคิดชนิดนี้คงเกิดขึ้นจากหนังเก่าเรื่องหนึ่งซึ่งมีเพลงประกอบตอนหนึ่งระบุว่า "เหล็กที่แข็งง้างด้วยเงินอ่อนทันใด"

การใช้เงินในการแก้ปัญหาย่อมได้ผลบ้างในบางระดับ ในบางเรื่อง และกับบางคน การคิดว่าเงินจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกระดับ ได้ทุกเรื่อง และกับทุกคนอาจจะไม่สอดคล้องกับความจริง

แม้การให้เงินเพื่อวิจัยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญแก่สถาบันการศึกษาซึ่งมีทีท่าว่าอธิการบดีบางท่านจะนิยมชมชอบก็ตามที แต่ในที่สุดแล้วความนิยมชมชอบก็จะมีเพียงบางระดับ มีเพียงบางเรื่องและกับบางคน

ย่อมต้องมีบางระดับและอีกหลายคนไม่ยินดีด้วย มิฉะนั้นเสียงตำหนิติเตียนว่าเห็นครูบาอาจารย์เป็นหมาแค่เอากระดูกโยนมาให้ชิ้นหนึ่งก็จะทำให้หยุดเห่าหอนได้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ความจริงการแก้ไขปัญหาใดๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเกิดเหตุขึ้นตรงไหนก็แก้ไขเสียตรงนั้น ปัญหาเกิดขึ้นกับใครก็แก้ไขกับคนนั้น ถ้าแก้ไขในทางที่เป็นมิตรก็ได้มิตร แต่ถ้าแก้ไขในทางที่เป็นศัตรูก็ได้ศัตรู

ดังนั้น การแก้ไขปัญหานอกจากต้องตรงเรื่อง ตรงที่ ตรงคนแล้ว ก็ต้องแก้ไขในทางที่เป็นมิตร เพราะงานการใหญ่ๆ มีมิตรร้อยคนก็ยังไม่มาก หากยังจัดว่าน้อยเกินไปด้วย การมีศัตรูคนเดียวก็ไม่จัดว่าน้อยแต่จัดว่ามากอีกด้วย

ในระยะ 4 เดือนมานี้ความจริงได้บอกอย่างชัดเจนว่าเพราะมองปัญหา เพราะคิดวิธีแก้ไขปัญหาโดยลักษณะของการใช้อำนาจและใช้เงินจึงเกิดผลดังที่เป็นอยู่

ถ้าหากได้ผลก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าปัญหาย่อมบรรเทาลดน้อยลง ความสงบสุขสันติและความมีเสถียรภาพก็ย่อมเกิดขึ้น

แต่ถ้าหากไม่ได้ผลหรือล้มเหลวก็เป็นที่แน่นอนว่าปัญหาย่อมขยายตัวไป ความระส่ำระสายย่อมเกิดขึ้น และความตึงเครียดก็ต้องเกิดขึ้นด้วย

ในวันนี้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไปหรือหดตัวลง เกิดความระส่ำระสายมากขึ้นหรือว่าลดน้อยเบาบางลง เกิดความตึงเครียดมากขึ้นหรือมีความสบายอกสบายใจกันมากขึ้น ก็ย่อมหาคำตอบได้ไม่ยากนัก

วันนี้หลายคนก็ได้ยินข่าวเรื่องยุบสภาหนาหูขึ้น หากจะถามกันว่ายุบสภา แล้วจะได้อะไร จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่

ก็ตอบได้ว่ายุบสภาแล้วไม่ได้อะไรนอกจากได้การเลือกตั้ง แต่ก็ยังดีอยู่บ้างตรงที่ทำให้เงินหมุนเวียนสะพัดไปยังคนยากคนจนทั่วประเทศ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

การยุบสภาแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ นอกจากการแก้ไขปัญหางูเห่าที่มีอยู่ภายในพรรคการเมืองต่างๆ แต่แก้แล้วจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะดังที่กล่าวนั่นเองว่าจะแก้อย่างมิตรหรืออย่างศัตรูก็ย่อมได้มิตรหรือศัตรูเป็นผลตอบแทน

ปัญหาทุกวันนี้พุ่งไปที่หัวหน้ารัฐบาล เสียงเรียกร้องที่ดังก้องอยู่นั้นไม่ได้เรียกร้องให้ ส.ส.ลาออก ไม่ได้เรียกร้องให้ ส.ส.หมดสภาพหรือพ้นจากตำแหน่ง

เพราะแม้ผู้คนเขาจะเห็นว่า ส.ส.จำนวนหนึ่งใช้ไม่ได้เพราะไม่ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของคนเลือกตั้งและประเทศชาติ แต่เขาก็เข้าใจและเห็นใจว่าเมื่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมัดมือมัดเท้าปิดปากปิดจมูกไว้เช่นนี้ ส.ส.ก็ต้องมีสภาพดังที่เป็นอยู่นี้

นั่นคือติดคุกรัฐธรรมนูญดังคำกล่าวของผู้เฒ่าวังน้ำเย็นนั้นไม่ผิดไม่เพี้ยน

เมื่อความผิดไม่ได้อยู่ที่ ส.ส. และชาวบ้านเขาก็ไม่ได้ขับไล่ ส.ส. การที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการยุบสภาไล่ ส.ส. ให้หมดวาระจึงออกจะไม่ตรงกับเรื่อง เพราะต้นตอของเรื่องอันเป็นปัญหานั้นยังอยู่

ยังอยู่โดยที่ผู้คนเขารับไม่ได้ ดังนั้นถึงจะเลือกตั้งกันไป ในที่สุดก็มีการขับไล่กันอีก

กำลังโหลดความคิดเห็น