หลวงตามหาบัวเทศน์ชี้ ไม่มีอานุภาพใดเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่ว “แม้ว”ย่อมหนีกรรมไม่พ้น ยกความเสียสละของโพธิสัตว์เป็นแบบอย่างที่เสียสละได้แม้ชีวิตผิดกับคนเห็นแก่ตัว รวยแล้วยังคดโกง สลดหลงยกย่องเป็นตระกูลดีมีฐานะ สร้างความเสื่อมเสียมาถึงอาจารย์ เศรษฐกิจตกต่ำประชาชนเดือดร้อนใกล้จะจมลงทะเลหลวง
เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.พ.) พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานีได้เทศนาอบรมฆราวาส ณ ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ ในหัวข้อ “ควรจะเอาแบบโพธิสัตว์เป็นผู้นำ” โดยหลวงตามหาบัวเทศนาถึงความเสียสละของโพธิสัตว์ที่ผิดกับความเห็นแก่ตัวของตระกูลชินวัตร ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมผู้นำอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะหนีพ้นกรรมไปไม่ได้ อยู่ต่อไปเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนมีแต่แย่ลง ทั้งนี้คำเทศนาโดยละเอียดมีดังนี้
“การทำบุญการให้ทานการเสียสละเป็นการเฉลี่ยเผื่อแผ่ความสุขให้แก่กันและกัน นี่เราดูเผินๆก็เห็นได้ชัด สถานที่ใดมีการสงเคราะห์สงหาการดูแลซึ่งกันและกันสถานที่นั่นร่มเย็น สถานที่ใดคับแคบตีบตันที่นั่นเดือดร้อน
เพียงเสียสละกับความเห็นแก่ตัวผิดกันมากนะ ถ้าการเสียสละไปที่ไหนเย็นไปหมด ถ้าความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม
วัตถุที่ทานไปนั้นมันไม่ได้ขึ้นสวรรค์-นิพพานที่ไหน ใจที่ได้ความเสียสละออกไปจากใจนี่ละหนุนเราให้ไปสวรรค์นิพพาน โดยอาศัยวัตถุหยาบเป็นเครื่องหนุน ให้พากันจำเอาไว้ จอมปราชญ์ทั้งหลายชมเชยตลอด ทานบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์มีทานบารมีเป็นพื้นฐานทุกพระองค์ไม่เว้นเลย การเสียสละเป็นพื้นฐานสำหรับโพธิสัตว์ที่ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า มีความเสียสละเป็นพื้นฐาน เพราะงั้นบริษัทบริวารท่านจึงมากทีเดียว บรรดาโพธิสัตว์ที่ไหนบริษัทบริวารมาก มากจริงๆ เพราะความเสียสละ
เสียสละจนกระทั่งถึงชีวิตจิตใจท่านก็เสียสละได้ เวลาไปจนตรอกจนมุมนี้ เช่นพาเพื่อนฝูงบริษัทบริวารไปเที่ยวหากิน ถูกนายพรานเขาดัก เขาจะฆ่าฉิบหายหมด ให้ท่านเป็นหัวหน้าไปโพธิสัตว์ นี่ดูซิถ้าธรรมดาหัวหน้าจะแหวกหนี บริษัทบริวารตายเรียบเลย นี้ไม่เป็นอย่างนั้นนะ เวลาไปเจอข้าศึกที่เขาดักข้างหน้าไม่มีทางออกแล้ว จำเป็นจริงๆ ไม่มีทางออกท่านสู้เลย ท่านเตือนบริษัทบริวารให้วิ่งย้อนหลังให้หมด เราจะเข้าสู่สงครามคนเดียวตัวเดียว วิ่งเข้าหานายพราน เขาดักหน้าดักหลัง แทนที่จะพาเพื่อนฝูงหรือใครวิ่งหนี ไม่ไปนะ นี่ละความเสียสละท่าน
เตือนบริษัทบริวารเดี๋ยวนั้นให้วิ่งย้อนกลับทั้งหมด เราจะเข้าสู่สงครามที่เขาเตรียมจะฆ่าอยู่แล้ว ให้วิ่งเข้าไปเลยเชียว ท่านวิ่งเพ่นพ่านๆ วิ่งผ่านนายพรานคนนั้น ผ่านนายพรานคนนี้ ใครจะยิงก็จะถูกกันใช่ไหมละ ท่านวิ่งสวนหน้าสวนหลังเข้าไปนั้น ทีนี้นายพรานจะยิงจะอะไรมันก็จะยิงกัน สุดท้ายท่านวิ่งผ่านไปได้เลย พวกบริษัทบริวารเอาตัวรอดไปได้หมด ท่านเสียสละ ในคัมภีร์มี นี่ละโพธิสัตว์ความเสียสละ ถึงจะสละชีวิตท่านยังเสียสละได้เลย
ทีนี้วิ่งเข้าไปหานายพราน เคยมีที่ไหน สัตว์ทั้งหลายมันวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง แต่นี้กลับวิ่งเข้าหานายพราน วิ่งชนนู้นชนนี้ ทีนี้จะยิงที่ไหนก็ยิงไม่ได้มันจะถูกกัน วิ่งหลบหน้าหลบหลังอยู่ตามบริเวณนายพราน อันนั้นก็ชุลมุนวุ่นวายดูแต่สัตว์ตัวเดียวนี้ใช่ไหมละ แทนที่มันจะวิ่งหนี มันวิ่งเข้าหาคนหานายพราน คนนั้นจะยิงๆจะยิงที่ไหนมันก็ถูกพวกเดียวกัน พวกบริษัทบริวารก็วิ่งออกหมด ท่านประกาศบอกแล้วว่าให้วิ่งย้อนกลับให้หมด เราจะเข้าสู่จุดสำคัญคือสงคราม วิ่งเข้าเลยนะ
สุดท้ายนายพรานจะยิงก็ยิงไม่ได้ มันจะถูกกกัน เพราะท่านวิ่งหลบไปตามนายพราน แทนที่ท่านจะวิ่งหนีไม่วิ่ง วิ่งเข้าไปหานายพราน แล้วยิงไม่ทันๆ หลบหน้าหลบหลังอยู่นั้น ลูกน้องทั้งหลายก็ออกได้ไปได้เลย สุดท้ายท่านเองก็ไม่ตายนะ เมื่อนายพรานกำลังชุลมุนจะยิง หลบด้านหลังปั๊บออกไปได้เลย พวกนายพรานทั้งหลายเลยอ้าปากเข้าใจไหม หมดหวัง พวกบริษัทบริวารไปได้หมด นี่ละเราพูดถึงเรื่องความเสียสละของหัวหน้า เช่นโพธิสัตว์เป็นอย่างนี้ ท่านเสียสละ อะไรๆ อย่างนี้ท่านมอบให้บริษัทบริวาร ท่านกินก็กิน ไม่กินก็ไม่กิน เพราะเห็นแก่บริษัทบริวาร ถึงเวลาจะเป็นจะตายท่านเสียสละเลย
นี่ละคุณค่าแห่งความเสียสละของผู้เป็นหัวหน้า ต้องเป็นนักเสียสละ ไม่ใช่ผู้เป็นหัวหน้าเป็นหัวหน้าที่เป็นนักกอบนักโกย นักรีดนักไถ นักกินห้ากินสิบ กินบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ กินใต้ดินเหนือดินกินทุกแบบทุกฉบับ อย่างสมัยปัจจุบันนี้ก็มาโดนเอาเมืองไทยเรา หัวหน้าของเมืองไทยมันเป็นแบบไหน
พวกเรามันเหมือนบริษัทบริวารของหัวหน้า ในเมืองไทยเรานี้เขาก็ต้องบอกนายกฯเป็นผู้นำ เป็นผู้นำของพี่น้องชาวไทยเรา พวกนี้นำไปแบบไหน ฟังเสียงหูนี่มันเปื้อนมันเปรอะ ล้างทั้งวันก็จะไม่สะอาด ไม่ว่าปากน้อยปากใหญ่ปากไหนๆ ออกมา เขาตำหนิหัวหน้าคือทางนายกฯรัฐบาลทั้งนั้นๆ ว่ากินทุกแบบทุกฉบับ ทั้งกินทั้งกลืน ทั้งรีดทั้งไถ ทั้งที่แจ้งที่ลับกินไปหมด ประชาชนราษฎรเลยจะตายกันเวลานี้
ผู้นำของชาวไทยเรากับผู้นำแห่งความเป็นโพธิสัตว์ต่างกันอย่างไรบ้าง เราควรจะเอาแบบฉบับของโพธิสัตว์เป็นผู้นำของบรรดาสัตว์ทั้งหลายมาเป็นคติตัวอย่าง
ยอมเสียสละเราเป็นหัวหน้า เอาอดก็อด ตายก็ตาย นี่โพธิสัตว์ท่านเสียสละอย่างนั้นกับบริษัทบริวาร บรรดาบริษัทบริวารรักเคารพเทิดทูนที่สุดเลย โพธิสัตว์ใครจะมาแตะไม่ได้นะ บริษัทบริวารเอาแหลกเลย รักนาย ว่าอย่างนั้น นี่เป็นความถูกต้องดีงาม เพราะนายรักบริษัทบริวาร ถึงขนาดเสียสละชีวิตได้ ใครก็ชี้เข้าไปว่าชี้เข้าไปในพุงใหญ่เที่ยวรีดเที่ยวไถประชาชนทั่วประเทศเขตแดน จนไม่มีตับมีปอดเหลือ ผู้นำเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้กำลังเหม็นคลุ้งแห่งผู้นำของประเทศไทยเรา มันนำแบบไหนน่ะ หลวงตาบัวไม่ได้ไปเห็นเวลานำ นำกันแบบไหนที่นำบริษัทบริวารพี่น้องชาวไทยเรา
เงินทองข้าวของเศรษฐกิจอะไรตกต่ำลงทุกวันๆ จนจะไม่มีบาทมีสตางค์ออกจ่ายตลอดแล้ว เงินเหล่านี้มันไปไหนหมด ใครก็ชี้เข้าไปในพุงใหญ่พุงหลวงของรัฐบาล มีนายกฯเป็นประธาน นี่เขาพูดให้ฟังอย่างนี้ เราไม่ได้หาเรื่อง มันเป็นอย่างไรนายกฯเรานี่ มันจะไม่ต้านเหมือนโลกเขาเหรอ เราอยากถามอย่างนั้นในฐานะที่เราเป็นอาจารย์ของนายกฯนะ หลวงตาบัวนี้เป็นอาจารย์ของนายกฯ นายกฯไม่ได้เป็นอาจารย์ของหลวงตาบัว เราสอนด้วยความเป็นธรรมล้วนๆ ให้อุ้มชูชาติไทยของเรา ซึ่งกำลังบีบบี้สีไฟถูกบังคับจนหาทางออกไม่ได้ จะจมลงในทะเลหลวงกันทั่วประเทศไทย
เราจึงได้ประกาศตนขอเป็นผู้นำ ได้นำพี่น้องทั้งหลาย ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด กระจายออกทั่วประเทศไทย เรานำเข้าทั้งนั้น ไม่มีคำว่านำออก ยกท่านผู้ที่ควรจะเป็นผู้นำได้ เช่นอย่างนายกฯทักษิน เราไม่ได้เหยียบย่ำ เรายกเรายอ เห็นว่าเป็นผู้มีฐานะอันดีงาม เป็นที่เคารพนับถือโด่งดังแล้วในประเทศไทย ว่าไม่มีใครที่จะมีเงินมีทองข้าวของมากยิ่งกว่าบริษัทหรือว่าสกุลทักษิณ ชินวัตร เขาบอกว่าสกุลชินวัตร เราก็เอาอันนี้ละมาพิจารณา มีฐานะสูงมาก
คิดว่าเมื่อมีฐานะอันใดก็ต้องไม่อดอยากขาดแคลน จะได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วยเหลือกันฉุดลากจากความล่มจมฟื้นฟูขึ้นมาสู่ความเป็นคนไทยอิสระด้วยกัน เพราะอำนาจแห่งความดีความเด่น ความมั่งความมี ความเมตตาจิตของผู้นำ เราก็อุ้มก็ชู อยากให้ขึ้นไปเพื่อจะได้แบ่งเบา เรื่องความล่มจมจะได้ฟื้นฟูตัวขึ้นมา นี่เราพูดจริงๆ ก็เราชมเชย เราหนุนจริงๆ หนุนนายกฯคนนี้ให้เป็นผู้ช่วยชาติบ้านเมือง
ครั้นหนุนขึ้นมาแล้วทีแรกก็รู้สึกว่าดี ได้ยินดี เราก็ชมเชย เอ้อสมเจตนาๆ ครั้นต่อไปๆ แล้วพลิกไปพลิกมาเวลานี้ประชาชนเขาโจมตีนายกฯเสียแหลกทั้งประเทศ ก็เป็นอันว่าโจมตีหลวงตาบัวด้วย เพราะหลวงตาบัวชมเชยคนที่เห็นแก่ตัว ชมเชยคนพุงหลวง ชมเชยยักษ์ผีให้กินบ้านกินเมือง ซ้ำเติมเข้าไปอีก หลวงตาบัวก็เสียหน้าเลยนะ
เราพูดเวลานี้เราไม่ได้พูดด้วยความมีหน้ามีตา เราพูดด้วยความเสียหน้าเสียตาที่ยกลูกศิษย์ให้ช่วยชาติบ้านเมือง กลับกลายเป็นยักษ์เป็นผีกินบ้านกินเมืองไป หลวงตาก็เลยกลายเป็นอาจารย์ยักษ์ใหญ่กินประเทศชาติบ้านเมือง เรารู้สึกสลดสังเวชนะ ให้ท่านทั้งหลายพิจารณา เปิดให้ชัด เก็บความรู้สึกนี้ไว้มานานแสนนาน ไม่เคยพูดเคยจาอะไรเลย เมื่อมันมาสัมผัสควรที่จะพูดให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยกันให้ฟังทั่วหน้ากัน
เรานี้พยายามเต็มกำลังความสามารถ ส่วนที่เรานำ ธรรมนำโลกไม่มีอะไรเป็นที่ต้องติในหัวใจเรา นับแต่ทองคำลงมา สลึงหนึ่งก็ดี บาทหนึ่งก็ดี เราไม่เคยแตะในทองคำ เข้าหมดร้อยทั้งร้อย ดอลลาร์ เงินสด เช่นเดียวกันอีก เราไม่เคยไปแตะ ชี้นิ้วได้เลยว่าบาทหนึ่งที่หลวงตาบัวจะไปแตะไปต้องเอามาเป็นความทุจริต มัวหมองในตัวเอง บอกว่าไม่มีเด็ดขาด
นอกจากว่ามันสุดวิสัยที่เราไม่รู้ไม่เห็น มันหลุดจากการปกครองดูแลของเรา มันอาจมีได้ เช่นอย่างเราตักน้ำ แล้วมันก็หยดย้อย เราตักตุ่มนี้ไปใส่ มันก็เป็นแบบนั้นน่ะ น้ำที่มันหยดย้อยลงโดยที่เราไม่รู้สึกตัว เราช่วยชาติก็ช่วยเต็มกำลังความสามารถของเราอย่างนี้ เราจึงไม่มีที่ต้องติ นี่ละธรรมนำโลกนำอย่างนี้ เราจึงพูดได้เต็มปาก ว่าเรานำ นำจริงๆ ขนเข้าทั้งนั้น ไม่มีทางขนออก มีแต่ขนเข้าๆ ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วก็ยังไม่แล้วเช่นทองคำควรจะเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ได้ทองคำถึง 11 ตัน 37กิโล ความคิดของเรามันยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เพราะเราได้เข้าไปดูคลังหลวงเอง
เมื่อไปดูคลังหลวงแล้วทองคำบกพร่องมากทีเดียว ออกมาถึงได้ประกาศลั่น เมื่อได้ทองคำเป็นกอบเป็นกำตามความต้องการแล้วก็ยังไม่แล้ว ยังเป็นห่วงเป็นใยในทองคำ จึงขอบิณฑบาตรบกวนพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เป็นทองประเภทน้ำไหลซึม แล้วทองคำก็ค่อยไหลเข้ามาเวลานี้ เป็นประเภทน้ำไหลซึม ดูได้เกือบ 300 กิโลแล้วนะ ประเภททองคำที่น้ำไหลซึม ความคิดอ่านของเราคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้คิดเพื่อรีดเพื่อไถ คิดเพื่อจะหนุนเข้าส่วนใหญ่ๆ ให้มีความแน่นหนามั่นคงทั่งนั้น นี่ละเจตนาของเราและการขวนขวายของเรา ตลอดถึงการเทศนาว่าการนี้ 7 ปีเต็มแล้ว ออกเทศน์ทั่วประเทศไทย มีแต่เจตนาที่จะฟื้นพี่น้องทั้งหลาย ขึ้นไปตามๆ กัน เราทำมาอย่างนี้ตลอด
เมื่อได้ยินได้ฟังเสียงโลกนำโลกแล้วนำไปเพื่อความล่มจมรีดไถจนคนไทยจะไม่มีตับมีปอดเหลืออยู่ภายในตัวนี้เราก็สลดสังเวช เราในนามประชาชนทั้งประเทศก็ต้องพูดได้บ้างซิ เพราะเราเป็นผู้ขนเข้า แล้วนี่มันมาขนออกให้เห็นต่อหน้าตอตา ดีที่ไม่ได้ยื่นปากมานี่ เราจะฟาดปากมันนี่ ใครก็ตาม อย่าว่าแต่นายกฯ เทวดานายกฯเราก็ฟาดปากมันได้ เพราะมันทำผิด เข้าใจไหม การฟาดปากส่วนมากก็เจ็บปากนิดหน่อย มันไม่ได้ลงนรกเหมือนมันไปสร้างความชั่วช้าลามกให้แก่คนทั้งชาติ ซึ่งเขามีหัวใจ สมบัติที่เขามาบริจาคทานมากน้อย ถอดออกมาจากความรักความสงวนนี้ออกมาเป็นความเสียสละเพื่อชาติคือส่วนรวม ไม่เห็นใจเขาอย่างนี้เห็นใจเขาอย่างไร
เพราะอย่างนั้นถึงว่าเอาบ้างซิเวลาที่จะว่า เราว่าตามเหตุตามผลตามความได้ยินได้ฟัง ผู้ที่มาเล่าให้ฟังมีแต่ผู้มีศีลมีธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตไม่ใช่จะมาโกหกเราให้ไปโจมตีรัฐบาลและนายก รัฐมนตรี ไม่มี เขาเอาความจริงมาพูด เขาบอกเป็นความจริงอย่างนั้น ไอ้เล่ห์เหลี่ยมร้อยสันพันคมที่รัฐบาลยักษ์ใหญ่กินอยู่เวลานี้เขาแจงไปหมด แต่เราขี้เกียจฟังมัน มันหายไปแล้วก็หายไป แต่สิ่งที่มันยังไม่หายก็คือความเจ็บแค้นภายในจิตใจของประชาชน ที่จะเป็นแผลฝังลึกอยู่ในหัวใจ
เราจึงได้พูดอันนี้ออกมา ให้รู้หัวใจเขาหัวใจเรา คนทุกคนมีหัวใจ แม้แต่หมามันก็มีหัวใจ ทำไมเราเป็นคนทั้งคนว่าเป็นผู้นำของประเทศ ทำไมจึงพาประเทศให้ล่มจมด้วยเศรษฐกิจของบ้านของเมือง ทุกอย่างเงินทองไหลเข้าไปแทนที่จะเป็นเครื่องอุดหนุนชาติของตน กลับกลายเป็นไปเผาชาติให้ล่มจมลงไป เดินไปที่ไหนๆ เศรษฐกิจ การค้าการขายเวลานี้ขัดข้องยุ่งเหยิงไปหมด แล้วเงินมันไปไหนหมด ใครก็ชี้เข้าไปหาวงใหญ่ๆ แน่ะฟังซิน่ะ วงใหญ่คือใคร วงรัฐบาล ชี้เข้าไปลึกๆ ก็ว่าวงนายกฯ เราจะไม่พูดอย่างไรก็ได้ยินอย่างนั้นก็ต้องพูดอย่างนั้นซิ แล้วเงินมันไหลเข้าไป ไหลเข้าไปนั้นกี่ล้าน ๆ บางรายเขาบอกว่าเท่าไรหมื่นล้านก็มี เดี๋ยวนี้น่ะเราก็ได้ยิน เอาไปถลุงหมื่นล้านก็มี
เหยียบไป กฎหมายบ้านเมืองไม่สนใจ เหยียบไปเลย เราเป็นใหญ่กว่ากฎหมายบ้านเมือง แต่อย่าลืมนะว่าไม่เป็นใหญ่กว่ากฎแห่งกรรม กรรมนี้เหนือมากที่สุด ใครอย่าอวดนะ นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอันใดมีอำนาจมากยิ่งกว่าอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วที่ทำลงไปแล้ว อันนี้หนักมากนะนี่ เหนืออำนาจ เราจะทำเหนือหัวใจคน เอาอำนาจบีบบังคับคนทั้งประเทศก็ตาม แต่บีบบังคับกรรมดีกรรมชั่วของตนไม่ได้ อันนี้ละให้ระวังให้ดีนะ ใครเป็นคนทำอันนี้น่ะให้ระวังให้ดี
คำนี้เป็นคำของศาสดาองค์เอกทุกพระองค์ยอมรับกันหมดแล้ว นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วไปได้ ฟังซิน่ะ เราอยู่ในมุมไหนที่จะเหนือกรรมเหล่านี้ไปได้ ให้พากันระมัดระวัง เราก็อยู่ในข่ายแห่งกรรมนี้เหมือนกัน ให้พากันระมัดระวัง เวลากอบโกยว่ากอบโกยรีดไถ แต่เวลามันจมใครจะไปช่วย เจ้าของทำเองนี่น่ะ พากันจำ เราสลดสังเวชนะ อุตส่าห์พยายามช่วยบ้านช่วยเมือง การเทศนาว่าการก็ฟังซิน่ะ เริ่มออกช่วยชาติมานั้นน่ะเทศน์มาตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งบัดนี้ กี่ปี 6 ปี 7 ปีแล้วนะ
ธรรมะนี้กระจายทั่วประเทศไทย แต่ก็ดูว่าเป็นผลเท่าที่ควร การเทศนาว่าเป็นผลเท่าที่ควรตลอดมา แล้ววิทยุก็กระจายทั่วประเทศไทย ไม่ว่าทางด้านไหน อินเตอร์เน็ต หรือวิทยุหรืออะไรออกทุกแง่ทุกมุม ทางด้านจิตใจนับว่าได้รับการฟื้นฟูขึ้นพอประมาณ จากอรรถจากธรรมที่เราเสียสละเพื่อพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตา สั่งสอนมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ก็ได้ผลเท่าที่ควร ส่วนสมบัติเงินทองก็ดังท่านทั้งหลายได้ทราบแล้ว ตะเกียกตะกายหามาอย่างนั้นได้เข้าสู่คลังหลวงของเรา ก็รู้สึกว่าอบอุ่นพอประมาณ ได้ทองคำ 11 ตัน เดี๋ยวนี้จะเข้า 300 กิโลนะ 11 ตันกับ 300 กิโล รวมทั้งประเภทน้ำไหลซึมเข้าไป
ส่วนใหญ่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ทองคำน้ำหนัก 11 ตัน 37 กิโลครึ่งนี่เข้าเรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้ประเภทน้ำไหลซึมก็ 200 กว่ากิโล นี่ก็จะไหลเข้าทั้งนั้นด้วยความตะเกียกตะกาย ออดอ้อนบิณฑบาตกับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ให้เข้าสู่หัวใจของชาติ คือคลังหลวงของเรา สำหรับหลวงตาไม่เอาอะไรแล้ว เราตะเกียกตะกายเพื่อพี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีเม็ดหินเม็ดทรายที่จะมาเพื่อตัวเอง เราบอกจริงๆ เราบอกไม่มี เราพอหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างทางด้านวัตถุ ซึ่งเป็นสมมุติทั้งมวล ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่วิมุตติหลุดพ้นอยู่ภายในจิตใจ
เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.พ.) พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานีได้เทศนาอบรมฆราวาส ณ ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ ในหัวข้อ “ควรจะเอาแบบโพธิสัตว์เป็นผู้นำ” โดยหลวงตามหาบัวเทศนาถึงความเสียสละของโพธิสัตว์ที่ผิดกับความเห็นแก่ตัวของตระกูลชินวัตร ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมผู้นำอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะหนีพ้นกรรมไปไม่ได้ อยู่ต่อไปเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนมีแต่แย่ลง ทั้งนี้คำเทศนาโดยละเอียดมีดังนี้
“การทำบุญการให้ทานการเสียสละเป็นการเฉลี่ยเผื่อแผ่ความสุขให้แก่กันและกัน นี่เราดูเผินๆก็เห็นได้ชัด สถานที่ใดมีการสงเคราะห์สงหาการดูแลซึ่งกันและกันสถานที่นั่นร่มเย็น สถานที่ใดคับแคบตีบตันที่นั่นเดือดร้อน
เพียงเสียสละกับความเห็นแก่ตัวผิดกันมากนะ ถ้าการเสียสละไปที่ไหนเย็นไปหมด ถ้าความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม
วัตถุที่ทานไปนั้นมันไม่ได้ขึ้นสวรรค์-นิพพานที่ไหน ใจที่ได้ความเสียสละออกไปจากใจนี่ละหนุนเราให้ไปสวรรค์นิพพาน โดยอาศัยวัตถุหยาบเป็นเครื่องหนุน ให้พากันจำเอาไว้ จอมปราชญ์ทั้งหลายชมเชยตลอด ทานบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์มีทานบารมีเป็นพื้นฐานทุกพระองค์ไม่เว้นเลย การเสียสละเป็นพื้นฐานสำหรับโพธิสัตว์ที่ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า มีความเสียสละเป็นพื้นฐาน เพราะงั้นบริษัทบริวารท่านจึงมากทีเดียว บรรดาโพธิสัตว์ที่ไหนบริษัทบริวารมาก มากจริงๆ เพราะความเสียสละ
เสียสละจนกระทั่งถึงชีวิตจิตใจท่านก็เสียสละได้ เวลาไปจนตรอกจนมุมนี้ เช่นพาเพื่อนฝูงบริษัทบริวารไปเที่ยวหากิน ถูกนายพรานเขาดัก เขาจะฆ่าฉิบหายหมด ให้ท่านเป็นหัวหน้าไปโพธิสัตว์ นี่ดูซิถ้าธรรมดาหัวหน้าจะแหวกหนี บริษัทบริวารตายเรียบเลย นี้ไม่เป็นอย่างนั้นนะ เวลาไปเจอข้าศึกที่เขาดักข้างหน้าไม่มีทางออกแล้ว จำเป็นจริงๆ ไม่มีทางออกท่านสู้เลย ท่านเตือนบริษัทบริวารให้วิ่งย้อนหลังให้หมด เราจะเข้าสู่สงครามคนเดียวตัวเดียว วิ่งเข้าหานายพราน เขาดักหน้าดักหลัง แทนที่จะพาเพื่อนฝูงหรือใครวิ่งหนี ไม่ไปนะ นี่ละความเสียสละท่าน
เตือนบริษัทบริวารเดี๋ยวนั้นให้วิ่งย้อนกลับทั้งหมด เราจะเข้าสู่สงครามที่เขาเตรียมจะฆ่าอยู่แล้ว ให้วิ่งเข้าไปเลยเชียว ท่านวิ่งเพ่นพ่านๆ วิ่งผ่านนายพรานคนนั้น ผ่านนายพรานคนนี้ ใครจะยิงก็จะถูกกันใช่ไหมละ ท่านวิ่งสวนหน้าสวนหลังเข้าไปนั้น ทีนี้นายพรานจะยิงจะอะไรมันก็จะยิงกัน สุดท้ายท่านวิ่งผ่านไปได้เลย พวกบริษัทบริวารเอาตัวรอดไปได้หมด ท่านเสียสละ ในคัมภีร์มี นี่ละโพธิสัตว์ความเสียสละ ถึงจะสละชีวิตท่านยังเสียสละได้เลย
ทีนี้วิ่งเข้าไปหานายพราน เคยมีที่ไหน สัตว์ทั้งหลายมันวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง แต่นี้กลับวิ่งเข้าหานายพราน วิ่งชนนู้นชนนี้ ทีนี้จะยิงที่ไหนก็ยิงไม่ได้มันจะถูกกัน วิ่งหลบหน้าหลบหลังอยู่ตามบริเวณนายพราน อันนั้นก็ชุลมุนวุ่นวายดูแต่สัตว์ตัวเดียวนี้ใช่ไหมละ แทนที่มันจะวิ่งหนี มันวิ่งเข้าหาคนหานายพราน คนนั้นจะยิงๆจะยิงที่ไหนมันก็ถูกพวกเดียวกัน พวกบริษัทบริวารก็วิ่งออกหมด ท่านประกาศบอกแล้วว่าให้วิ่งย้อนกลับให้หมด เราจะเข้าสู่จุดสำคัญคือสงคราม วิ่งเข้าเลยนะ
สุดท้ายนายพรานจะยิงก็ยิงไม่ได้ มันจะถูกกกัน เพราะท่านวิ่งหลบไปตามนายพราน แทนที่ท่านจะวิ่งหนีไม่วิ่ง วิ่งเข้าไปหานายพราน แล้วยิงไม่ทันๆ หลบหน้าหลบหลังอยู่นั้น ลูกน้องทั้งหลายก็ออกได้ไปได้เลย สุดท้ายท่านเองก็ไม่ตายนะ เมื่อนายพรานกำลังชุลมุนจะยิง หลบด้านหลังปั๊บออกไปได้เลย พวกนายพรานทั้งหลายเลยอ้าปากเข้าใจไหม หมดหวัง พวกบริษัทบริวารไปได้หมด นี่ละเราพูดถึงเรื่องความเสียสละของหัวหน้า เช่นโพธิสัตว์เป็นอย่างนี้ ท่านเสียสละ อะไรๆ อย่างนี้ท่านมอบให้บริษัทบริวาร ท่านกินก็กิน ไม่กินก็ไม่กิน เพราะเห็นแก่บริษัทบริวาร ถึงเวลาจะเป็นจะตายท่านเสียสละเลย
นี่ละคุณค่าแห่งความเสียสละของผู้เป็นหัวหน้า ต้องเป็นนักเสียสละ ไม่ใช่ผู้เป็นหัวหน้าเป็นหัวหน้าที่เป็นนักกอบนักโกย นักรีดนักไถ นักกินห้ากินสิบ กินบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ กินใต้ดินเหนือดินกินทุกแบบทุกฉบับ อย่างสมัยปัจจุบันนี้ก็มาโดนเอาเมืองไทยเรา หัวหน้าของเมืองไทยมันเป็นแบบไหน
พวกเรามันเหมือนบริษัทบริวารของหัวหน้า ในเมืองไทยเรานี้เขาก็ต้องบอกนายกฯเป็นผู้นำ เป็นผู้นำของพี่น้องชาวไทยเรา พวกนี้นำไปแบบไหน ฟังเสียงหูนี่มันเปื้อนมันเปรอะ ล้างทั้งวันก็จะไม่สะอาด ไม่ว่าปากน้อยปากใหญ่ปากไหนๆ ออกมา เขาตำหนิหัวหน้าคือทางนายกฯรัฐบาลทั้งนั้นๆ ว่ากินทุกแบบทุกฉบับ ทั้งกินทั้งกลืน ทั้งรีดทั้งไถ ทั้งที่แจ้งที่ลับกินไปหมด ประชาชนราษฎรเลยจะตายกันเวลานี้
ผู้นำของชาวไทยเรากับผู้นำแห่งความเป็นโพธิสัตว์ต่างกันอย่างไรบ้าง เราควรจะเอาแบบฉบับของโพธิสัตว์เป็นผู้นำของบรรดาสัตว์ทั้งหลายมาเป็นคติตัวอย่าง
ยอมเสียสละเราเป็นหัวหน้า เอาอดก็อด ตายก็ตาย นี่โพธิสัตว์ท่านเสียสละอย่างนั้นกับบริษัทบริวาร บรรดาบริษัทบริวารรักเคารพเทิดทูนที่สุดเลย โพธิสัตว์ใครจะมาแตะไม่ได้นะ บริษัทบริวารเอาแหลกเลย รักนาย ว่าอย่างนั้น นี่เป็นความถูกต้องดีงาม เพราะนายรักบริษัทบริวาร ถึงขนาดเสียสละชีวิตได้ ใครก็ชี้เข้าไปว่าชี้เข้าไปในพุงใหญ่เที่ยวรีดเที่ยวไถประชาชนทั่วประเทศเขตแดน จนไม่มีตับมีปอดเหลือ ผู้นำเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้กำลังเหม็นคลุ้งแห่งผู้นำของประเทศไทยเรา มันนำแบบไหนน่ะ หลวงตาบัวไม่ได้ไปเห็นเวลานำ นำกันแบบไหนที่นำบริษัทบริวารพี่น้องชาวไทยเรา
เงินทองข้าวของเศรษฐกิจอะไรตกต่ำลงทุกวันๆ จนจะไม่มีบาทมีสตางค์ออกจ่ายตลอดแล้ว เงินเหล่านี้มันไปไหนหมด ใครก็ชี้เข้าไปในพุงใหญ่พุงหลวงของรัฐบาล มีนายกฯเป็นประธาน นี่เขาพูดให้ฟังอย่างนี้ เราไม่ได้หาเรื่อง มันเป็นอย่างไรนายกฯเรานี่ มันจะไม่ต้านเหมือนโลกเขาเหรอ เราอยากถามอย่างนั้นในฐานะที่เราเป็นอาจารย์ของนายกฯนะ หลวงตาบัวนี้เป็นอาจารย์ของนายกฯ นายกฯไม่ได้เป็นอาจารย์ของหลวงตาบัว เราสอนด้วยความเป็นธรรมล้วนๆ ให้อุ้มชูชาติไทยของเรา ซึ่งกำลังบีบบี้สีไฟถูกบังคับจนหาทางออกไม่ได้ จะจมลงในทะเลหลวงกันทั่วประเทศไทย
เราจึงได้ประกาศตนขอเป็นผู้นำ ได้นำพี่น้องทั้งหลาย ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด กระจายออกทั่วประเทศไทย เรานำเข้าทั้งนั้น ไม่มีคำว่านำออก ยกท่านผู้ที่ควรจะเป็นผู้นำได้ เช่นอย่างนายกฯทักษิน เราไม่ได้เหยียบย่ำ เรายกเรายอ เห็นว่าเป็นผู้มีฐานะอันดีงาม เป็นที่เคารพนับถือโด่งดังแล้วในประเทศไทย ว่าไม่มีใครที่จะมีเงินมีทองข้าวของมากยิ่งกว่าบริษัทหรือว่าสกุลทักษิณ ชินวัตร เขาบอกว่าสกุลชินวัตร เราก็เอาอันนี้ละมาพิจารณา มีฐานะสูงมาก
คิดว่าเมื่อมีฐานะอันใดก็ต้องไม่อดอยากขาดแคลน จะได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วยเหลือกันฉุดลากจากความล่มจมฟื้นฟูขึ้นมาสู่ความเป็นคนไทยอิสระด้วยกัน เพราะอำนาจแห่งความดีความเด่น ความมั่งความมี ความเมตตาจิตของผู้นำ เราก็อุ้มก็ชู อยากให้ขึ้นไปเพื่อจะได้แบ่งเบา เรื่องความล่มจมจะได้ฟื้นฟูตัวขึ้นมา นี่เราพูดจริงๆ ก็เราชมเชย เราหนุนจริงๆ หนุนนายกฯคนนี้ให้เป็นผู้ช่วยชาติบ้านเมือง
ครั้นหนุนขึ้นมาแล้วทีแรกก็รู้สึกว่าดี ได้ยินดี เราก็ชมเชย เอ้อสมเจตนาๆ ครั้นต่อไปๆ แล้วพลิกไปพลิกมาเวลานี้ประชาชนเขาโจมตีนายกฯเสียแหลกทั้งประเทศ ก็เป็นอันว่าโจมตีหลวงตาบัวด้วย เพราะหลวงตาบัวชมเชยคนที่เห็นแก่ตัว ชมเชยคนพุงหลวง ชมเชยยักษ์ผีให้กินบ้านกินเมือง ซ้ำเติมเข้าไปอีก หลวงตาบัวก็เสียหน้าเลยนะ
เราพูดเวลานี้เราไม่ได้พูดด้วยความมีหน้ามีตา เราพูดด้วยความเสียหน้าเสียตาที่ยกลูกศิษย์ให้ช่วยชาติบ้านเมือง กลับกลายเป็นยักษ์เป็นผีกินบ้านกินเมืองไป หลวงตาก็เลยกลายเป็นอาจารย์ยักษ์ใหญ่กินประเทศชาติบ้านเมือง เรารู้สึกสลดสังเวชนะ ให้ท่านทั้งหลายพิจารณา เปิดให้ชัด เก็บความรู้สึกนี้ไว้มานานแสนนาน ไม่เคยพูดเคยจาอะไรเลย เมื่อมันมาสัมผัสควรที่จะพูดให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยกันให้ฟังทั่วหน้ากัน
เรานี้พยายามเต็มกำลังความสามารถ ส่วนที่เรานำ ธรรมนำโลกไม่มีอะไรเป็นที่ต้องติในหัวใจเรา นับแต่ทองคำลงมา สลึงหนึ่งก็ดี บาทหนึ่งก็ดี เราไม่เคยแตะในทองคำ เข้าหมดร้อยทั้งร้อย ดอลลาร์ เงินสด เช่นเดียวกันอีก เราไม่เคยไปแตะ ชี้นิ้วได้เลยว่าบาทหนึ่งที่หลวงตาบัวจะไปแตะไปต้องเอามาเป็นความทุจริต มัวหมองในตัวเอง บอกว่าไม่มีเด็ดขาด
นอกจากว่ามันสุดวิสัยที่เราไม่รู้ไม่เห็น มันหลุดจากการปกครองดูแลของเรา มันอาจมีได้ เช่นอย่างเราตักน้ำ แล้วมันก็หยดย้อย เราตักตุ่มนี้ไปใส่ มันก็เป็นแบบนั้นน่ะ น้ำที่มันหยดย้อยลงโดยที่เราไม่รู้สึกตัว เราช่วยชาติก็ช่วยเต็มกำลังความสามารถของเราอย่างนี้ เราจึงไม่มีที่ต้องติ นี่ละธรรมนำโลกนำอย่างนี้ เราจึงพูดได้เต็มปาก ว่าเรานำ นำจริงๆ ขนเข้าทั้งนั้น ไม่มีทางขนออก มีแต่ขนเข้าๆ ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วก็ยังไม่แล้วเช่นทองคำควรจะเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ได้ทองคำถึง 11 ตัน 37กิโล ความคิดของเรามันยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เพราะเราได้เข้าไปดูคลังหลวงเอง
เมื่อไปดูคลังหลวงแล้วทองคำบกพร่องมากทีเดียว ออกมาถึงได้ประกาศลั่น เมื่อได้ทองคำเป็นกอบเป็นกำตามความต้องการแล้วก็ยังไม่แล้ว ยังเป็นห่วงเป็นใยในทองคำ จึงขอบิณฑบาตรบกวนพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เป็นทองประเภทน้ำไหลซึม แล้วทองคำก็ค่อยไหลเข้ามาเวลานี้ เป็นประเภทน้ำไหลซึม ดูได้เกือบ 300 กิโลแล้วนะ ประเภททองคำที่น้ำไหลซึม ความคิดอ่านของเราคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้คิดเพื่อรีดเพื่อไถ คิดเพื่อจะหนุนเข้าส่วนใหญ่ๆ ให้มีความแน่นหนามั่นคงทั่งนั้น นี่ละเจตนาของเราและการขวนขวายของเรา ตลอดถึงการเทศนาว่าการนี้ 7 ปีเต็มแล้ว ออกเทศน์ทั่วประเทศไทย มีแต่เจตนาที่จะฟื้นพี่น้องทั้งหลาย ขึ้นไปตามๆ กัน เราทำมาอย่างนี้ตลอด
เมื่อได้ยินได้ฟังเสียงโลกนำโลกแล้วนำไปเพื่อความล่มจมรีดไถจนคนไทยจะไม่มีตับมีปอดเหลืออยู่ภายในตัวนี้เราก็สลดสังเวช เราในนามประชาชนทั้งประเทศก็ต้องพูดได้บ้างซิ เพราะเราเป็นผู้ขนเข้า แล้วนี่มันมาขนออกให้เห็นต่อหน้าตอตา ดีที่ไม่ได้ยื่นปากมานี่ เราจะฟาดปากมันนี่ ใครก็ตาม อย่าว่าแต่นายกฯ เทวดานายกฯเราก็ฟาดปากมันได้ เพราะมันทำผิด เข้าใจไหม การฟาดปากส่วนมากก็เจ็บปากนิดหน่อย มันไม่ได้ลงนรกเหมือนมันไปสร้างความชั่วช้าลามกให้แก่คนทั้งชาติ ซึ่งเขามีหัวใจ สมบัติที่เขามาบริจาคทานมากน้อย ถอดออกมาจากความรักความสงวนนี้ออกมาเป็นความเสียสละเพื่อชาติคือส่วนรวม ไม่เห็นใจเขาอย่างนี้เห็นใจเขาอย่างไร
เพราะอย่างนั้นถึงว่าเอาบ้างซิเวลาที่จะว่า เราว่าตามเหตุตามผลตามความได้ยินได้ฟัง ผู้ที่มาเล่าให้ฟังมีแต่ผู้มีศีลมีธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตไม่ใช่จะมาโกหกเราให้ไปโจมตีรัฐบาลและนายก รัฐมนตรี ไม่มี เขาเอาความจริงมาพูด เขาบอกเป็นความจริงอย่างนั้น ไอ้เล่ห์เหลี่ยมร้อยสันพันคมที่รัฐบาลยักษ์ใหญ่กินอยู่เวลานี้เขาแจงไปหมด แต่เราขี้เกียจฟังมัน มันหายไปแล้วก็หายไป แต่สิ่งที่มันยังไม่หายก็คือความเจ็บแค้นภายในจิตใจของประชาชน ที่จะเป็นแผลฝังลึกอยู่ในหัวใจ
เราจึงได้พูดอันนี้ออกมา ให้รู้หัวใจเขาหัวใจเรา คนทุกคนมีหัวใจ แม้แต่หมามันก็มีหัวใจ ทำไมเราเป็นคนทั้งคนว่าเป็นผู้นำของประเทศ ทำไมจึงพาประเทศให้ล่มจมด้วยเศรษฐกิจของบ้านของเมือง ทุกอย่างเงินทองไหลเข้าไปแทนที่จะเป็นเครื่องอุดหนุนชาติของตน กลับกลายเป็นไปเผาชาติให้ล่มจมลงไป เดินไปที่ไหนๆ เศรษฐกิจ การค้าการขายเวลานี้ขัดข้องยุ่งเหยิงไปหมด แล้วเงินมันไปไหนหมด ใครก็ชี้เข้าไปหาวงใหญ่ๆ แน่ะฟังซิน่ะ วงใหญ่คือใคร วงรัฐบาล ชี้เข้าไปลึกๆ ก็ว่าวงนายกฯ เราจะไม่พูดอย่างไรก็ได้ยินอย่างนั้นก็ต้องพูดอย่างนั้นซิ แล้วเงินมันไหลเข้าไป ไหลเข้าไปนั้นกี่ล้าน ๆ บางรายเขาบอกว่าเท่าไรหมื่นล้านก็มี เดี๋ยวนี้น่ะเราก็ได้ยิน เอาไปถลุงหมื่นล้านก็มี
เหยียบไป กฎหมายบ้านเมืองไม่สนใจ เหยียบไปเลย เราเป็นใหญ่กว่ากฎหมายบ้านเมือง แต่อย่าลืมนะว่าไม่เป็นใหญ่กว่ากฎแห่งกรรม กรรมนี้เหนือมากที่สุด ใครอย่าอวดนะ นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอันใดมีอำนาจมากยิ่งกว่าอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วที่ทำลงไปแล้ว อันนี้หนักมากนะนี่ เหนืออำนาจ เราจะทำเหนือหัวใจคน เอาอำนาจบีบบังคับคนทั้งประเทศก็ตาม แต่บีบบังคับกรรมดีกรรมชั่วของตนไม่ได้ อันนี้ละให้ระวังให้ดีนะ ใครเป็นคนทำอันนี้น่ะให้ระวังให้ดี
คำนี้เป็นคำของศาสดาองค์เอกทุกพระองค์ยอมรับกันหมดแล้ว นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วไปได้ ฟังซิน่ะ เราอยู่ในมุมไหนที่จะเหนือกรรมเหล่านี้ไปได้ ให้พากันระมัดระวัง เราก็อยู่ในข่ายแห่งกรรมนี้เหมือนกัน ให้พากันระมัดระวัง เวลากอบโกยว่ากอบโกยรีดไถ แต่เวลามันจมใครจะไปช่วย เจ้าของทำเองนี่น่ะ พากันจำ เราสลดสังเวชนะ อุตส่าห์พยายามช่วยบ้านช่วยเมือง การเทศนาว่าการก็ฟังซิน่ะ เริ่มออกช่วยชาติมานั้นน่ะเทศน์มาตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งบัดนี้ กี่ปี 6 ปี 7 ปีแล้วนะ
ธรรมะนี้กระจายทั่วประเทศไทย แต่ก็ดูว่าเป็นผลเท่าที่ควร การเทศนาว่าเป็นผลเท่าที่ควรตลอดมา แล้ววิทยุก็กระจายทั่วประเทศไทย ไม่ว่าทางด้านไหน อินเตอร์เน็ต หรือวิทยุหรืออะไรออกทุกแง่ทุกมุม ทางด้านจิตใจนับว่าได้รับการฟื้นฟูขึ้นพอประมาณ จากอรรถจากธรรมที่เราเสียสละเพื่อพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตา สั่งสอนมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ก็ได้ผลเท่าที่ควร ส่วนสมบัติเงินทองก็ดังท่านทั้งหลายได้ทราบแล้ว ตะเกียกตะกายหามาอย่างนั้นได้เข้าสู่คลังหลวงของเรา ก็รู้สึกว่าอบอุ่นพอประมาณ ได้ทองคำ 11 ตัน เดี๋ยวนี้จะเข้า 300 กิโลนะ 11 ตันกับ 300 กิโล รวมทั้งประเภทน้ำไหลซึมเข้าไป
ส่วนใหญ่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ทองคำน้ำหนัก 11 ตัน 37 กิโลครึ่งนี่เข้าเรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้ประเภทน้ำไหลซึมก็ 200 กว่ากิโล นี่ก็จะไหลเข้าทั้งนั้นด้วยความตะเกียกตะกาย ออดอ้อนบิณฑบาตกับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ให้เข้าสู่หัวใจของชาติ คือคลังหลวงของเรา สำหรับหลวงตาไม่เอาอะไรแล้ว เราตะเกียกตะกายเพื่อพี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีเม็ดหินเม็ดทรายที่จะมาเพื่อตัวเอง เราบอกจริงๆ เราบอกไม่มี เราพอหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างทางด้านวัตถุ ซึ่งเป็นสมมุติทั้งมวล ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่วิมุตติหลุดพ้นอยู่ภายในจิตใจ