xs
xsm
sm
md
lg

แฉ‘มท.-พาณิชย์’เอื้อซีพีซื้อรถดับเพลิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ปชป.สาวลึกพบการจัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม.ไม่โปร่งใส เอื้อ ซีพี ชี้ดำเนินการเป็นขบวนการ ตั้งแต่มหาดไทยยุค “โภคิน” เซ็นสัญญาเปิดช่องให้ ซีพี ดำเนินการแทน แถมไทยยังเสียเปรียบ ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ยุค “วัฒนา” ประกาศกฎกระทรวงเอื้อให้ได้ค่าคอมฯ ฟรีๆ 3-5 % เตรียมนำหลักฐานให้ กมธ.พาณิชย์สอบ พร้อมเสนอให้ ดีเอสไอ ดำเนินการ ด้าน ทรท. เฉ่ง “อภิสิทธิ์” ป้อง “อภิรักษ์” เหน็บ ปชป.อยู่ในช่วง Happy Hour ตักตวงโดยไร้คนตรวจสอบ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความคืบหน้า ในการติดความความไม่โปร่งใสของโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงของกทม.มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทว่า จากการตรวจสอบพบว่าการซื้อรถดับเพลิงซื้อแบบจีทูจีหรือระหว่างรัฐบาลไทยกับออสเตรียตามที่กระทรวงมหาดไทยระบุ แต่กลับเป็นการซื้อ แบบเอกชนกับเอกชน คือระหว่างบริษัท สไตเออร์ของ ออสเตรีย กับ บริษัทซีพีของไทย โดยบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรียเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2547 ที่นายโภคิน พลกุล เป็นรมว.มหาดไทยในขณะนั้นเซ็นกับ นายเฮอร์เบริต์ ทรักเซิล เอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทยในขณะนั้น เป็นบันทึกที่เขียน เฉพาะเรื่องที่ประเทศไทยจะซื้อรถดับเพลิงจากออสเตรีย แต่ไม่มีการระบุถึงหรือผูกพันกรณีท ี่ออสเตรียจะซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเป็นการแลกเปลี่ยน หรือการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) เลย

ดังนั้นจึงเป็นการเปิดช่องให้บริษัทซีพี อินเตอร์เทรดเข้าดำเนินการแทน เพราะรัฐบาลออสเตรียไม่ได้รับรู้ด้วยว่าต้องซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทย ซึ่งบันทึกฉบับนี้ทำให้ไทยเสียเปรียบออสเตรียอย่างมาก

“ปรากฏว่าบริษัทสไตเออร์ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนกับรถดับเพลิง และคู่สัญญาคือบริษัทซีพี โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ผมได้ถามนายอาร์โน รีเดล เอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทยว่า ไก่ต้มสุกของซีพีได้ส่งไปที่ออสเตรียหรือไม่ ท่านทูตบอกว่าไม่มีเลย แสดงว่ารายการนี้เป็นการแหกตาคนไทยอีกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เอารถดับเพลิงมิตซูมาแหกตาคนไทยแล้ว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องรีบออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ”

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การเปิดช่องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าเกษตร ของไทยสามารถดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าดำเนินการแทนรัฐบาลต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย เป็นเพราะนายวัฒนา เมืองสุข ซึ่งเป็น รมว.พาณิชย์ในขณะนั้นได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการ การค้าต่างตอบแทน พ.ศ.2547 เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2547 โดยในการทำสัญญาการค้าต่างตอบแทน ผู้เสนอราคาหรือผู้เสนองานซึ่งได้รับการคัดเลือกจะต้องเข้าเป็นคู่สัญญากับกรมการค้าต่างประเทศ แต่สามารถมอบหมายให้บริษัทในเครือหรือบริษัทการค้าระหว่างประเทศดำเนินการแทนได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดช่อง ให้บ.ยักษ์ใหญ่ได้ค่าคอมมิชชั่นฟรี ๆประมาณ 3-5% โดยไม่ต้องส่งสินค้าไปยังประเทศที่จ้างก็ได้

ปชป.ตั้ง 4 ข้อให้รัฐบาลตอบ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาล 4 ข้อ คือ 1.ทำไมนายวัฒนาจึงได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการค้าต่างตอบแทนในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าเกษตร ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่านายวัฒนามีความสัมพันธ์อย่างไรกับบริษัทดังกล่าว จึงอยากให้นายวัฒนาตอบด้วยว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่

2.ทำไมไก่ต้มสุกที่ซีพ ต้องส่งให้ออสเตรียแลกกับรถดับเพลิงจึงไม่ได้ไปที่ ออสเตรีย เป็นการแหกตาคนไทยหรือไม่ 3.ทำไมนายโภคินไปเซ็นบันทึกเอ็มโอยู ที่เสียเปรียบฝรั่ง แล้วยังมาอ้างให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.รีบเปิด L/C โดยอ้างว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ4.นายวัฒนาต้องตอบว่า ไก่ต้มสุกซีพีไม่ได้ส่งที่ออสเตรียแล้วไปส่งขายที่ไหน

“สัปดาห์หน้าผมจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎรสอบสวน และจะนำหลักฐานความไม่ชอบมาพากลในเรื่องไก่ต้มสุก ไปมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)สอบสวนหาคนผิดต่อไป นอกจากนี้ผมจะรวบรวมเอกสารต่าง ๆในเรื่องทุจริตรถดับเพลิง เพื่อที่จะเข้าพบกับตัวแทนของทูต สหภาพยุโรปหรืออียูที่สำนักงานใหญ่อียูที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อให้ สหภาพยุโรป สอบสวนกรณีทุจริตข้ามชาติในเรื่องดังกล่าวต่อไป เพื่อให้คนยุโรป รู้เหมือนกรณีทุจริตเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

ปชป.เรียกร้องดีเอสไอตรงไปตรงมา

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอ มีหมายเรียกนายอภิรักษ์ ไปรับฟังข้อกล่าวในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้ ว่า พรรคขอเรียกร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และขอให้แยกให้ออกระหว่างการรับใช้รัฐบาล กับการรับใช้พรรคการเมือง เพราะความหมายของคำว่ารัฐบาล หมายถึงทำเพื่อประชาชนและอยู่ในหลักเกณฑ์ของกฎหมาย แต่ถ้าเป็นพรรคการเมือง ที่เป็นรัฐบาลบางครั้งก็ทำเพื่อประโยชน์ของพรรคมากกว่าประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้ดีเอสไอจะต้องมีหลักที่เที่ยงตรงในการสอบสวน หรือการออกหมายเรียก

นายสาธิต กล่าวอีกว่า กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำผิดกฎหมาย วันนี้ดีเอสไอ มีอำนาจสอบสวน ตนคิดว่าหากในอนาคตเกิดมีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดและเป็นข้อเท็จจริง ดีเอสไอก็ต้องยืนยันหลักนี้ต่อไป ซึ่งหากเทียบกับกรณีที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษกับพล.ต.ต.พีระพันธุ์ เปรมภูติ เลขาฯป.ป.ง กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ซึ่งหลังจากแจ้งความตนก็พยายาม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเรียกข้อมูลเพื่อไปสอบถามให้ได้ข้อเท็จจริงจากการกระทำความผิดให้ครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย แต่ปรากฎว่าพนักงานสอบสวน แจ้งมาว่าไม่มีอำนาจสอบสวน เป็นเพียงไปรษณีย์ที่จะส่งหลักฐานทั้งหมดไปที่ป.ป.ช. และหน้าที่การสอบสวนจะอยู่ที่ป.ป.ช.แทน แล้วไม่มีการออกหมายเรียกพล.ต.ต.พีรพันธุ์ แต่อย่างใด ฉะนั้นทั้งสองเรื่องถือเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐเช่นกัน แต่กลับไม่ดำเนินคดีคนของรัฐบาล แต่ดีเอสไอกลับมีอำนาจรวบรวมข้อมูลให้ป.ป.ช.

“พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอดำเนินการเรื่องนี้ อย่างตรงไปตรงมา และให้เป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะดีเอสไอเป็นหน่วยงานที่สำคัญในการทำหน้าที่ให้ความยุติธรรมต่อไป และอยากเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ หรือนายกฯ ให้ดำเนินการให้หลักกฎหมายของประเทศให้มีมาตรฐานที่ชัดเจน ปฏิบัติกับใครก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ขอให้ดีเอสไอที่ดำเนินการตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ ว่าขณะนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว

ติง“คุณหญิงณฐนนท์”ยังไม่ควรพูด

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีคุณหญิงณฐนนท์ ทวีสิน ปลัดกทม.ออกมา กล่าวหาว่าถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาหลังตั้งถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะการสอบสวน ยังไม่เสร็จสิ้น และเท่าที่ดูข้อเท็จจริงคณะกรรมการก็พยายามสอบถาม ข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารทั้งสิ้น ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดกทม.เหตุใดจึงช้า และช้าเพราะอะไร เพราะฉะนั้นที่ปลัดกทม.ได้ย้ำว่าเป็นทองแท้ต้องไม่กลัวการตรวจสอบ หรือเป็นทองแท้ต้องไม่ละลาย และปลัดกทม.ก็มีหน้าที่ต้องไปตอบคำถามกับคณะกรรมการว่าปฏิบัติเที่ยงตรงถูกต้องตามที่มีในเอกสารหรือไม่ หากมาออก อาการแบบนี้ถือว่าปลัดกทม.เกิดความหวั่นไหว

สำหรับกรณีที่มีการอ้างจากปลัดกทม.ว่ามีการเกณฑ์ข้าราชการกทม.ไปให้กำลังใจผู้ว่าฯ ในวันที่ 14 ก.พ.นั้น นายสาธิต กล่าวว่า จากการสอบถาม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกกทม. ระบุว่าไม่มีสิ่งเหล่านั้นเพราะนายอภิรักษ์ไม่ชอบให้ไปเกณฑ์คน มาเชียร์และนายอภิรักษ์ก็เป็นคนทำงานอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมเสมอที่จะไปชี้แจงและรับฟังข้อกล่าวหา หากดีเอสไอมีหมายมาทุกเรื่อง

ทรท.โวย“อภิสิทธิ์”ปกป้อง“อภิรักษ์”

น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ไม่ว่าหน่วยงานใดไม่สามารถการตรวจสอบนายอภิรักษ์ กรณีการทุจริตโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทาง และอุโมงค์ ของกรุงเทพมหานคร มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และการทุจริตโครงการการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของกทม. ได้นอกจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้น แต่ขณะนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และอัยการเข้าตรวจสอบและพบมีการกระทำผิด คดีมีมูลจึงได้ออกหมายเรียกไปแล้ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่านายอภิสิทธิ์กลับบอกว่าคนอื่น ไม่มีสิทธิตรวจสอบ ผู้ว่าฯกทม.ยกเว้นป.ป.ช.นั้น ข้อเท็จจริงก็คือ ทุกฝ่ายรู้ดีว่าตอนนี้ คณะกรรมการป.ป.ช. อยู่ในภาวะสูญญากาศและไม่รู้อีกนานเท่าใด คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเกิด เพราะต้องสรรหากันใหม่ ขณะที่ทุกฝ่ายต่างสรุปตรงกันว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริต 4,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการทุจริตรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงอีก 2,000 ล้านบาท รวมแล้วทุจริต 6,000 ล้านบาท จึงอยากถามมาตรฐานพรรคประชาธิปัตย์ว่า ผู้บริหาร กทม. โดยเฉพาะนายอภิรักษ์ นั้นบกพร่องต่อการบริหารราชการที่ตัวเองรับผิดชอบหรือไม่ คำพูดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะถือเป็นการปกป้องพรรคพวกหรือไม่

น.ต.ศิธา กล่าวว่า ทุกกระทรวงในรัฐบาล บางกระทรวงงบประมาณน้อยกว่า กทม.เสียอีก ฝ่ายค้านยังตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น แต่กรณีทุจริตในกทม. ฝ่ายค้าน ส.ก.และส.ข.กทม.พรรคประชาธิปัตย์กลับปกป้องเรื่องนี้เต็มที่ มุมมองของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าให้รอ ป.ป.ช. แต่ในมุมมองของตนเห็นว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ กำลังอยู่ในช่วง Happy Hours ที่สามารถตักตวงผลประโยชน์ได้โดยไม่มีคนตรวจสอบเลย แต่การสอบสวนของ ดีเอสไอ และอัยการ จะมีการออกหมายเรียกหรือไม่นั้นหลายฝ่ายร่วมมือกันและมีข้อมูลอยู่

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าดีเอสไอตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น น.ต.ศิธา กล่าวว่า ล่าสุดได้รับหนังสือจากเขตพระโขนงว่า มีคำสั่งให้พนักงาน กทม.ไปให้กำลังใจ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ในวันที่14ก.พ.นี้ ตนเห็นว่า กทม.ไม่ควรใช้รถหลวงและเจ้าหน้าที่กวาดถนน1หมื่นคนไปให้กำลังใจ นายอภิรักษ์ เพราะภาษี 3 ล้านบาทต่อวันที่ชาวกทม.จ่ายไปนั้น ภาษีนี้จ่ายเพื่อทำความสะอาด กทม. เท่ากับว่าวันที่14ก.พ. กทม.มอบของขวัญวันวาเลนไทน์ให้ชาวกทม.ด้วยความสกปรก1วันเพราะพนักงาน กวาดถนนกทม.ไปให้กำลังใจนายอภิรักษ์กันหมด

อย่างไรก็ตาม น.ต.ศิธา ยังกล่าวท้าด้วยว่า ข้อมูลที่ตนพูดมาทั้งหมดหาก พรรคประชาธิปัตย์พบว่าไม่มีมูลก็ฟ้องกลับได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือไปยังข้าราชการในต่างจังหวัดให้ออกมาสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เหมือนกัน น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนก็พอทราบข่าวนี้ แต่รู้ว่าหนังสือฉบับดังกล่าว ไม่ใช่ของจริง และสิ่งที่ตนนำมาแสดงในวันนี้หากใครเห็นว่าไม่ใช่ของจริง ก็ฟ้องร้องได้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น