xs
xsm
sm
md
lg

กรุณาเถอะอย่ายุ่ง พวกเรากำลังขายชาติกัน!!

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

ครับ, การขายชาติเป็นเรื่องที่สนุกสนานมันเขี้ยวที่สุดสำหรับคนไทยที่มีโอกาส และก็จะไม่ยาก ถ้าคุณมีเงินเพียงพอที่จะซื้อเสียงหรือซื้อพรรคการเมือง และนักการเมืองประเภทสุนัขไม่รับประทานทั่วไปที่จะสามารถเข้ามาช่วยให้เป็นผู้นำประเทศได้ ก็จะช่วยให้คุณก้าวไปในฐานะผู้นำประเทศ และเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงของโลกได้ขายชาติของคุณทั้งหมดเท่าที่คุณจะต้องขาย

ครับ, ตอนนี้พวกเรากำลังขายชาติกัน เพราะฉะนั้นขออย่าให้คุณเข้ามายุ่ง

ความจริงการขายชาติของนักการเมืองประเภทเดรัจฉานทางการเมืองของไทยนั้นเราทำกันเป็นประจำมานานแล้ว รวมถึงการพยายามฆ่าหรือการจำกัดผู้ที่ขัดขวางการขายชาติบ้านเมืองของเรา ซึ่งเราก็ได้มีการฆ่าหรือการตามล้างตามผลาญกันด้วยชีวิตอย่างกรณี 4 อดีตรัฐมนตรี หรือคุณเตียง ศิริขันธ์ ที่ไม่นึกว่าความเป็นสัตว์ของนักการเมืองไทยจะรุนแรงถึงขนาดนั้น

แต่ในที่สุดก็ถือว่ามันก็เป็นการทำมาหากินปกติสำหรับนักการเมืองของไทยเราทุกคน ก็ทำเป็นลืมกันไปหรือเป็นความชั่วที่ให้อภัยกันได้

จากนั้นการปล้นชาติบ้านเมืองและการเอาชาติมาหากินในรูปแบบต่างๆ ก็เบาลงเป็นระยะเพราะมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามา ทำให้ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจจะไปทำมาหากินอะไรไม่ได้สะดวก อย่างในยุคหนึ่งเราต้องทำทุกอย่างเพื่อสู้กับคอมมิวนิสต์อยู่นานหลายปี

มาถึงยุคนี้เมื่อบ้านเมืองหมดภารกิจที่ร้ายแรงก็เป็นยุคของความสงบเงียบ การเมืองของเราจึงมาเล่นกันที่ การมีเงินหรือหาเงินไปซื้อเสียงซื้อผู้คน หรือ ซื้อพรรคการเมืองมาไว้ในมือ เพื่อเอาพรรคการเมืองมาเป็นหลักสำหรับอ้างว่าไทยเราจะเล่นการเมืองกันอย่างคนที่มีศีลธรรมหรือมีกฎเกณฑ์ โดยที่เราเรียกมันว่า ระบอบประชาธิปไตย ประชาชนคนไทยทั้งชาติที่เรียนหนังสือจบหรือมีเงินเล่าเรียน และมีโอกาสที่จะเรียนจบได้ประกาศนียบัตรปริญญาตรีขึ้นไปแล้วจะสามารถเป็นผู้แทนหรือสมัครเป็นนักการเมืองได้ ถ้ามีความรู้ต่ำ กว่านั้นจะไม่มีโอกาสเป็นนักการเมืองได้แม้แต่เพียงสิทธิสมัครเป็นผู้แทน (หรือไม่ได้เรียนแต่เอาเงินไปซื้อประกาศนียบัตรปลอมที่นครศรีธรรมราชก็ได้ เพราะที่นั่นเป็นจังหวัดที่มีคนทำประกาศนียบัตรปริญญาตรีขายเพื่อรักษาความเป็นชนชาติที่สกปรกและคอร์รัปชันที่ว่างเว้นไม่ได้ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลหรือหมูหมาที่ไหนก็จะไม่มีตัวไหนสนใจ)

ใครจะทำอะไรก็ได้

โกงบ้านกินเมืองหรือทำความชั่วสารพัดก็ทำได้ เพราะเราถือว่าทีใครก็ทีมัน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

โดยสภาพและความเป็นจริงบ้านเมืองเป็นมาอย่างนี้ การเมืองของเราในยุคนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงอะไรกันมากนัก เพราะทุกอย่างขึ้นกับเงินที่จะมาซื้อเสียงเลือกตั้ง และซื้อคนเพื่อสนับสนุนในการเอาชาติไปขายเรียกทุนคืนหรือเพิ่มความร่ำรวยขึ้นกว่าเดิม

องค์ประกอบสำคัญที่สุดที่จะต้องมีไว้เชิดชูตัวเองที่นักการเมืองประเภทนี้จะต้องมีก็คือ ความหน้าด้าน, ความกะล่อน และการปราศจากยางอาย ที่จะคิดเอาว่าจะพูดอะไรทำอะไรให้คนเชื่อถือศรัทธาก็ทำได้ทุกเวลา

หลายปีมาแล้ว มีนักการเมืองคนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูเข้ามาเป็นนักการเมืองเพราะมีเงิน มีตำแหน่งให้ และเป็นตำแหน่งสูงในคณะรัฐบาลชุดหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี อ้ายหมอนั่นรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ เคยประกาศออกมาอย่างเหิมเกริมไม่อายหมูอายหมาตัวไหนว่า "การแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ใน 6 เดือนก็แก้ได้เรียบร้อย" แล้วจากนั้นก็ไปเขียนป้ายปักตามถนนมีข้อความว่า "ลูกใครหว่า" ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับปัญหาจราจรที่เขาอวดอ้างว่ามันจะแก้ได้ และเขาก็แก้มันไม่ได้หรือไม่มีปัญญาแก้จนรัฐบาลล้มไป

มีคนนำเรื่องนี้มาพูดถึงเมื่อหลังจากเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองว่าไหนว่าจะแก้ปัญหาจราจรได้ภายใน 6 เดือน

หมอส่ายหน้าด้านแสนด้านหน้าเดียวกันปฏิเสธหน้าตาเฉยว่า หมอไม่ได้พูดและไม่เคยพูด

ให้ตายเถอะ, ตอนนั้นมีนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดก็คือคุณสรยุทธของช่อง 9 ตอนนี้ ไปเอารายงานข่าวเก่าของทีวีที่เคยถ่ายไปมาฉายซ้ำว่าอ้ายหมอนั่นแหละมันพูด ก็ไม่มีการตอบโต้หรือไม่กล้าตอบโต้ มีคนบางคนยืนยันว่าฟิล์มข่าวท่อนนั้นถูกซื้อไปเผ่าทิ้งแล้วอะไรแบบนั้น

แต่ความจริงที่ยันกันได้แน่นอนว่าอ้ายหมอนี่เป็นนักการเมืองคนเดียวในโลกนี้หรือในศตวรรษนี้ที่โกหกกะล่อนที่สุด และไม่มียางอายเพียงคนเดียวที่จะนำมายืนยันได้ว่า เป็นนักการเมืองนั้นความชั่วอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกเอาไว้ และทำให้ได้ก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโตอย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ ความกะล่อนตอแหลอย่างหนักนี่แหละ

อย่างที่มันเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา เขาเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์และคนข่าวกลุ่มหนึ่งซึ่งรุมสัมภาษณ์ปัญหาการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ภายใต้รัฐบาลของเขาที่จะต้องรับผิดชอบซึ่งเกือบจะครบสองปีในอีกไม่กี่วัน โดยที่เขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้นอกจากการโกหกดื้อด้านตามปกติ เขากล้าให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อย่างทะนงองอาจว่า การก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่มีปัญหาอะไร เขาพูดฉาดฉานว่า "วันที่ 15 นี้ให้เรียบร้อย!"

คำว่าวันที่ 15 ก็เรียบร้อยนั้นหมายถึงอีก 3 วันต่อมาจากวันที่ให้สัมภาษณ์

ซึ่งเป็นการโกหกตอแหลที่โด่งดังไปทั่วทั้งโลก!!

จนกระทั่งวันนี้เกือบผ่านไปอีก 1 ปีไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่สามารถจะจัดการอะไรได้ในปัญหาภาคใต้นอกจากจะพากันตายไปทุกวัน ทั้งชาวบ้าน ครู และโรงเรียนจำนวน 300 แห่งต้องปิดตายเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย แล้วก็ไม่สามารถจะจัดการอะไรได้นอกจาก เพลิดเพลินอยู่กับการคอร์รัปชันหนักยิ่งขึ้น และขายชาติอย่างอึกทึกครึกโครมยิ่งขึ้น

และก็ดูเหมือนไม่กี่วันต่อมาเขาก็เรียกชุมนุมคนขับรถแท็กซี่จำนวนพันคนมาชุมนุมกัน แล้วประกาศถึงความมานะพยายาม และความดีงามร้อยแปดของตนเอง และยืนยันว่าความยากจนของคนไทย และพวกแท็กซี่มันจะหมดไปเมื่อวันที่ 16 ไปแล้ว

จนทุกวันนี้ความยากจนที่เขาพูดถึงนั้นยังเต็มบ้านเต็มเมือง

นอกจากการกะล่อนและโกหกอย่างถึงพริกถึงขิงและหน้าด้านแล้ว ศิลปะในการเป็นนักการเมืองขยะของเมืองไทยยังมีวัฒนธรรมทางการเมืองอีกประการหนึ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า การเมืองประเภทหมากัดหมา หรือ Dog Eat Dog นั่นคือ จะป้ายสีคนอื่นหรือลงโทษคนอื่น หรือที่ว่ากันว่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นักการเมืองประเภทนี้ในเมืองไทยมีมากและนิยมทำกันมากและต้องทำเมื่อมีโอกาส

เคยมีนักการเมืองและนักธุรกิจพวกหนึ่งที่หากินด้วยกันในด้านการหมุนเงิน และเกี่ยวข้องกับธนาคาร หมุนเงินในตลาดหุ้นได้บ้างเสียบ้างต่างก็ผูกพันกันมา พรรคพวกคนหนึ่งหมุนเงินมากเกินไปก็ถือว่าเป็นหนี้เป็นสินกับพรรคพวกที่ทำธุรกิจธนาคาร แต่เล่นกันไปหมุนกันมาก็เป็นหนี้เป็นสินต้องติดเงินทองกันไว้แล้วไม่ได้ใช้เพราะเอาไปหมุนทำธุรกิจอื่นเป็นการใหญ่ ตกเป็นหนี้สินธนาคารเกือบพันล้านบาท (น้อยกว่านายราเกซ ศักดิ์เสนาที่หนีไปอยู่ต่างประเทศและโกงธนาคารบีบีซีไป ตอนนี้ผู้จัดการและคนที่อมเงินธนาคารไปจนเจ๊งกำลังอยู่ในคุก เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับเงินและเล่นกับเงินไม่มากก็น้อยทุกคนจะมีปัญหาเรื่องเงินและหนี้สินด้วยกันทั้งนั้น มันไม่ได้เลวทรามและชั่วช้าตรงไหนเท่ากับการขายชาติในลักษณะต่างๆ ที่จะต้องทำกันต่อไป)

คนที่เป็นหนี้ธนาคารรายนั้นคือคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ตอนนี้ในชีวิตของเขาเป็นอิสระจากข้อผูกพันหรือหนี้สินอะไรแบบนั้นแล้ว เขายังทำหนังสือพิมพ์เป็นหลักเป็นฐานทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย พร้อมด้วยรายการวิทยุ และโทรทัศน์ที่ตอนนี้เป็นที่ยอมรับจากคนทั้ง 7 คาบสมุทร คนทั้งโลกได้รู้จักและยอมรับกันทั่วไป

และยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการเป็นหนี้เป็นสินธนาคาร และไม่มีปัญญาใช้หนี้ มีคนบอกผมว่าในประเทศไทยไม่มีเพียงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียวที่ทำมาหากินแล้วเป็นหนี้ ที่ว่าไม่ใช้หนี้ธนาคารนั้น มีข่าวทางกรมตำรวจแจ้งมาว่าเคยมีนายตำรวจที่เป็นหน้าห้องพ่อตารายหนึ่งที่เขียนสลักหลังเช็คราคา 1 ล้านบาทให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าคุณชะม้อย เชื้อประเสริฐ ปรากฏว่าเป็นเช็คไม่มีเงิน และเมื่อถูกทวงถามก็ปฏิเสธว่าลายเซ็นไม่ใช่ของตน เป็นของใครก็ไม่รู้ จุดประสงค์ก็คือต้องการจะโกงเอาซึ่งๆ หน้า แต่เมื่อคดีนี้ขึ้นศาล ปรากฏว่าศาลตัดสินตามคำฟ้องว่าลายเซ็นนั้นเป็นลายเซ็นของนายตำรวจหน้าห้องพ่อตาคนนั้นจริงๆ

เซ็นเช็คเด้ง 1 ล้านบาทไปตามชาวบ้านเพื่อจะโกงเขากินโก้ๆ

เอกสารที่ตัดสินคดีนี้ยังหาอ่านได้ ใครอยากรู้ว่าเป็นไอ้ "จ้าดง่าว" คนไหนก็หาอ่านดู

แต่ก็ไม่น่าไปยุ่งอะไร เขากำลังขายชาติกันอยู่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น