ผู้ที่เดินทางไปเยี่ยมเยียนเคนยาและทันซาเนีย และได้มีโอกาสดูสัตว์ที่อยู่ในทุ่งหญ้าในสภาพของธรรมชาติอย่างแท้จริง จะมีความรู้สึกที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ด้วยคำพูด สิงโตที่เดินผ่านรถที่นั่งอยู่นั้นมีระยะห่างกันเพียง 4 เมตร โดยสิงโตตัวนั้นเป็นสัตว์ป่าที่สามารถล่าเหยื่อได้ทันทีถ้านักท่องเที่ยวลงจากรถยนต์ดังกล่าว เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับการเห็นสิงสาราสัตว์ในภาพยนตร์สารคดี สิงสาราสัตว์ที่หากินในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติในสองประเทศดังกล่าวนั้น จะประกอบด้วย สิงโต เสือ ช้าง แรด ฮิปโป เสือชีต้าห์ หมูป่า กวาง นกกระจอกเทศ ลิง งูเหลือม ฯลฯ สัตว์ป่าเหล่านี้จะเล็มหญ้าเป็นอาหาร ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็จะคอยล่าสัตว์ที่อ่อนแอกว่าเพื่อกินเป็นอาหาร การเห็นภาพเสือชีต้าร์กำลังกินกวางตัวน้อยพร้อมๆ กับลูกสองตัว โดยเลือดติดที่หน้าและปากแดงฉานนั้นเป็นภาพธรรมชาติอย่างแท้จริง ผู้ชมสัตว์ที่นั่งอยู่บนรถจะได้กลิ่นซากสัตว์ตายรวมทั้งกลิ่นสัตว์เป็นบางครั้ง ทำให้เกิดความรู้สึกว่านี่คือการเข้าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่นั้นใกล้เคียงที่สุดกับความเป็นจริง ทุ่งหญ้าที่เรียกว่าสะวันนากว้างสุดลูกหูลูกตาเป็นล้านๆ เฮกตาร์ จนเกิดความรู้สึกว่าอาณาเขตกว้างใหญ่จากขอบฟ้าสุดขอบฟ้าเสมือนไม่มีจุดจบ แต่ขณะเดียวกันก็มีภูเขาคีลีมันจาโรช่วยสร้างความสวยงามให้กับทิวทัศน์ นอกเหนือจากนั้นโงรองโงโรซึ่งเป็นก้นภูเขาไฟที่ระเบิดมาแล้วเป็นล้านๆ ปี ก็กลายเป็นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด เมื่อมองจากที่พักจะเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก อย่างไรก็ตาม จะเกิดความรู้สึกที่ว่าทุ่งกว้างสะวันนามีลักษณะแห้งแล้ง ทั้งนี้อาจจะเป็นการไปเยี่ยมเยียนผิดฤดู
อากาศที่เย็นสบาย และสถานที่พักก็สะอาดสะอ้าน มีบางแห่งต้องกางมุ้งซึ่งทำให้รำลึกถึงชีวิตตอนเป็นเด็ก ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมก็คือเมื่อตื่นตอนเช้ามองผ่านหน้าต่างจากที่พักจะเห็นสัตว์เดินเป็นแถวผ่านหน้าที่พักไป ประกอบด้วยสัตว์หลายชนิด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ประการหนึ่งก็คือ เมื่อไม่นานมานี้สัตว์ตัวหนึ่งถูกสิงโตฆ่าและกินเป็นอาหารใกล้ๆ ที่พักของนักท่องเที่ยว ดังนั้น การไม่ระมัดระวังตัวอาจจะนำไปสู่อันตรายได้ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนหลายคนเผอเรอก้าวลงจากรถเพราะเห็นสิงโตมีลักษณะเชื่อง นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกสัตว์ทำร้ายและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย
ภาพที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเมื่อวิเคราะห์แล้วจะพบว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติซึ่งสอดคล้องกับหลักตรรกะ กล่าวคือ ทุ่งกว้างสะวันนาเป็นแหล่งที่มีหญ้าขึ้นโดยมีปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีน้ำฝนพอเพียง จึงมีต้นหญ้าขึ้นรวมทั้งต้นไม้เล็กต้นไม้น้อย และต้นไม้สูงที่เป็นอาหารของยีราฟ อาหารเหล่านี้จะนำให้สัตว์ที่กินพืชเข้ามาหากินซึ่งเป็นธรรมชาติตามคติ สัตว์ที่กินหญ้า กินใบไม้ กินกิ่งไม้ เช่น ช้าง วัวป่า กวาง ยีราฟ ก็จะไปในที่ที่มีอาหารดังกล่าว ในขณะเดียวกันสัตว์ประเภทที่กินเนื้อ เช่น สิงโต เสือ งูเหลือม ก็จะคอยล่าสัตว์ที่แข็งแรงน้อยกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสัตว์กินพืชจะกลายเป็นอาหารที่โอชะที่สุด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอันเป็นความจริงแห่งธรรมชาติ เป็นความจริงที่โหดเหี้ยมเนื่องจากว่าการตายของสัตว์ตัวหนึ่งก็คือการอยู่รอดของสัตว์อีกตัวหนึ่งหรือหลายตัว กวางตัวเล็กๆ ที่น่ารักจะถูกล่าโดยสิงโตและกินเป็นอาหาร ทั้งนี้เป็นกฎแห่งธรรมชาติให้สิงโตตัวนั้นล่ากวางเพื่อให้ตัวเองมีอาหารกิน รวมทั้งเพื่อให้สิงโตตัวผู้และลูกน้อยสามารถมีชีวิตยู่รอดได้ สัตว์ประเภทหนึ่งจึงต้องตายเพื่อเป็นอาหารของสัตว์อีกประเภทหนึ่ง ขณะเดียวกันมูลจากสัตว์ก็จะทำหน้าที่เป็นปุ๋ยเพื่อให้พืชและต้นไม้เจริญงอกงาม และสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นอาหารของสัตว์กินพืช โดยสัตว์กินพืชก็จะเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้ออีกต่อหนึ่ง เป็นวงจรแห่งชีวิตที่วนอยู่โดยการฆ่าเพื่ออยู่รอด และถูกฆ่าเพื่อให้ผู้ฆ่าได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ตัวที่แข็งแรงที่สุดที่วิ่งหนีทันก็จะรอดชีวิต ตัวที่อ่อนแอกว่าก็จะถูกทอดทิ้งโดยแม่และโดยกลุ่ม และก็จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์กินเนื้อต่อไป
ดังนั้น เมื่อเห็นเสือชีต้าห์และลูกน้อยสองตัวกำลังกินเนื้อกวางตัวเล็กๆ ที่น่ารัก ก็อาจจะมีความสงสารลูกกวางดังกล่าว แต่ถ้าลูกกวางไม่ถูกล่าเป็นเหยื่อเสือชีต้าห์และลูกน้อยสองตัวก็จะตาย โลกของสัตว์ป่าจึงเป็นโลกที่ทารุณและโหดเหี้ยม ต้องฆ่าสัตว์อื่นเป็นอาหารมิฉะนั้นตัวเองก็จะถึงแก่ความตาย การฆ่าเพื่อความอยู่รอดจึงเป็นกฎกติกาของธรรมชาติและเป็นวัฎจักรแห่งการมีชีวิตและความตาย
มองในแง่ที่กล่าวมาเบื้องต้น มนุษย์ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน มนุษย์ต้องฆ่าสัตว์เพื่อการอยู่รอดของตนเอง มนุษย์ไม่สามารถจะกินพืชได้แต่เพียงอย่างเดียว เพราะสายพันธุ์มนุษย์ที่อยู่รอดนี้เป็นสายพันธุ์ที่กินเนื้อสัตว์ ส่วนสายพันธุ์ที่กินพืชได้สูญพันธุ์ไปแล้ว มนุษย์ก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่อยู่รอดด้วยการฆ่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร การฆ่าวัว หมู ไก่ เป็นอาหารก็ไม่ต่างจากการล่าสัตว์เช่นกรณีของสิงโตล่ากวาง แต่ข้อที่น่าคิดต่อจากที่กล่าวมาเบื้องต้นก็คือ ทฤษฎีของชาร์ลส์ ดาร์วิน คือทฤษฎีของการอยู่รอดของผู้แข็งแรงที่สุด (the survival of the fittest) ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ได้จากชีวิตของสัตว์ป่าดังกล่าวมาแล้ว แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ได้มีการปรับทฤษฎีของดาร์วินมาเป็นทฤษฎีที่ใช้กับสังคมมนุษย์ (social Darwinism) ซึ่งเนื้อหาหลักก็คือ ในความสัมพันธ์ของมนุษย์ซึ่งแบ่งเป็นหน่วยการเมืองคือรัฐชาตินั้น หรือโดยเผ่าพันธุ์ก็ตาม ผู้แข็งแรงที่สุดก็จะใช้กำลังเข้าเข่นฆ่าผู้อ่อนแอกว่า ถูกจับมาเป็นเชลยศึก เป็นทาส หรือยึดเป็นเมืองขึ้น เพราะใช้ตรรกะอันเดียวกัน แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ป่า มนุษย์มีสมองที่มีความคิดลึกซึ้งกว่าสัตว์ และสามารถจะมีคุณธรรมจริยธรรมได้ จึงมีความพยายามที่จะหาสันติภาพ โดยการจัดตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณดิบของผู้แข็งแรงกว่าที่คอยเอาเปรียบหรือรังแกผู้อ่อนแอกว่าโดยใช้อำนาจเป็นธรรมนั้นก็ยังปรากฏอยู่ในการเมืองภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศ
ประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่เกิดจากการเยี่ยมเยียนประเทศทั้งสองก็คือ ในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และมีการแข่งขันในการค้าอย่างเข้มข้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศที่ต้องการจะอยู่รอดจะต้องพัฒนาโครงสร้างทางการเมือง บริหาร เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่นในชุมชนนานาชาติ แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เมื่อมีการพัฒนาและทำให้เกิดความทันสมัยเพื่อตามทันกับโลกยุคโลกาภิวัตน์นั้น จะมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประเทศที่เคยด้อยพัฒนามาก่อน และในหลายกรณีผลกระทบที่เกิดขึ้นคือผลกระทบที่มีต่อวัฒนธรรมอันดีงาม ประเพณีอันน่าชื่นชม และสิ่งดีงามดังกล่าวมาแล้วเป็นสิ่งซึ่งน่าจะสงวนไว้ ตัวอย่างเช่น ชนเผ่าที่มีอารมณ์เย็น มีชีวิตและจิตวิญญาณที่มีความสุข มีวิถีการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมที่เงียบสงบ จะถูกกระทบอย่างรุนแรงเมื่อกระบวนการโลกาภิวัตน์เกิดขึ้นอย่างเต็มสมบูรณ์ ถึงแม้ชุมชนของตนจะมีการพัฒนาดีขึ้น แต่ส่วนที่เสียไปนั้นก็จะมีราคาแพงมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสุขในชีวิต คุณภาพชีวิต และความสงบทางใจ ประเด็นปรัชญาที่สำคัญก็คือ ใครอยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า ชุมชนหรือประเทศควรจะดำเนินไปสู่ทิศทางใด และใครมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตสำหรับคนจำนวนมหาศาลในประเทศหนึ่งๆ
ภารกิจสำคัญของรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐก็คือการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนมีระดับความรู้และการศึกษาที่สูงขึ้น แต่เมื่อความเจริญทั้งหลายเข้าไปสู่ชนบท คนมีการศึกษาดีขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตไปสู่ยุคใหม่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมก็จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำรงชีวิตแบบบรรพบุรุษที่อยู่กันเป็นร้อยๆ ปีก็ต้องมีการแปรเปลี่ยนไปตามสมัย เช่น ชนเผ่ามาไซคงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำนองเดียวกับเงาะป่าซาไกก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตมาสู่วิถีแบบใหม่ แต่ใครจะประกันได้ว่าวิถีชีวิตแบบใหม่จะเป็นวิถีชีวิตที่มีความสุขกว่า มีความสงบทางใจมากกว่า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ผู้ใช้อำนาจรัฐคือรัฐบาลอยู่ในฐานะที่จะตัดสินชะตากรรมของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด อนาคตของคนจำนวนหนึ่งจะตกอยู่ในกำมือของคนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งจากการไปเยี่ยมเยียนของประเทศดังกล่าวก็คือ การรักษาสภาพธรรมชาติและการรักษาสภาพแวดล้อมให้คงแบบเดิม ขณะเดียวกันต้องจำทนต่อความไม่สะดวกสบาย ความขัดแย้งดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่ต้องมีการถกเถียงกัน ถนนลูกรังที่จะเกิดฝุ่นอย่างมากเมื่อมีลมพัดหรือเมื่อมีการขับรถไปดูสัตว์นั้น เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่สามารถจะทนได้ แต่นั่นเป็นวิถีแห่งธรรมชาติตามปกติซึ่งเป็นมาเป็นทศวรรษหรือศตวรรษ ความไม่สะดวกสบายเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่นั่นคือสภาพที่เป็นจริงที่เป็นอยู่ในทุ่งกว้างสะวันนาซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น บางครั้งก็มีกลิ่น บางครั้งก็ถูกไอร้อนแผดเผา หลายคนเสนอว่าน่าจะมีการราดยางเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่หลายคนกลับมองว่าควรจะทิ้งไว้เช่นเดิมให้เป็นธรรมชาติ เพราะถ้าหากรักขึ้นไปดูสัตว์ก็ต้องดูในสภาพความเป็นจริง ถ้าอยากจะสะดวกสบายก็น่าจะไปดูสัตว์ที่สวนสัตว์ หรือที่ไนท์ซาฟารีที่เชียงใหม่หรือสิงคโปร์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติคงจะยืนยันว่าควรปล่อยให้เป็นธรรมชาติเดิมเอาไว้เพราะนั่นเป็นมรดกของมนุษยชาติ ไม่ควรให้ธรรมชาติถูกทำลายด้วยการพัฒนา
ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญซึ่งควรจะหยิบยกมาขบคิดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในฐานะที่มีอำนาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกหรือทางลบได้
ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน
ราชบัณฑิต
อากาศที่เย็นสบาย และสถานที่พักก็สะอาดสะอ้าน มีบางแห่งต้องกางมุ้งซึ่งทำให้รำลึกถึงชีวิตตอนเป็นเด็ก ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมก็คือเมื่อตื่นตอนเช้ามองผ่านหน้าต่างจากที่พักจะเห็นสัตว์เดินเป็นแถวผ่านหน้าที่พักไป ประกอบด้วยสัตว์หลายชนิด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ประการหนึ่งก็คือ เมื่อไม่นานมานี้สัตว์ตัวหนึ่งถูกสิงโตฆ่าและกินเป็นอาหารใกล้ๆ ที่พักของนักท่องเที่ยว ดังนั้น การไม่ระมัดระวังตัวอาจจะนำไปสู่อันตรายได้ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนหลายคนเผอเรอก้าวลงจากรถเพราะเห็นสิงโตมีลักษณะเชื่อง นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกสัตว์ทำร้ายและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย
ภาพที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเมื่อวิเคราะห์แล้วจะพบว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติซึ่งสอดคล้องกับหลักตรรกะ กล่าวคือ ทุ่งกว้างสะวันนาเป็นแหล่งที่มีหญ้าขึ้นโดยมีปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีน้ำฝนพอเพียง จึงมีต้นหญ้าขึ้นรวมทั้งต้นไม้เล็กต้นไม้น้อย และต้นไม้สูงที่เป็นอาหารของยีราฟ อาหารเหล่านี้จะนำให้สัตว์ที่กินพืชเข้ามาหากินซึ่งเป็นธรรมชาติตามคติ สัตว์ที่กินหญ้า กินใบไม้ กินกิ่งไม้ เช่น ช้าง วัวป่า กวาง ยีราฟ ก็จะไปในที่ที่มีอาหารดังกล่าว ในขณะเดียวกันสัตว์ประเภทที่กินเนื้อ เช่น สิงโต เสือ งูเหลือม ก็จะคอยล่าสัตว์ที่แข็งแรงน้อยกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสัตว์กินพืชจะกลายเป็นอาหารที่โอชะที่สุด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอันเป็นความจริงแห่งธรรมชาติ เป็นความจริงที่โหดเหี้ยมเนื่องจากว่าการตายของสัตว์ตัวหนึ่งก็คือการอยู่รอดของสัตว์อีกตัวหนึ่งหรือหลายตัว กวางตัวเล็กๆ ที่น่ารักจะถูกล่าโดยสิงโตและกินเป็นอาหาร ทั้งนี้เป็นกฎแห่งธรรมชาติให้สิงโตตัวนั้นล่ากวางเพื่อให้ตัวเองมีอาหารกิน รวมทั้งเพื่อให้สิงโตตัวผู้และลูกน้อยสามารถมีชีวิตยู่รอดได้ สัตว์ประเภทหนึ่งจึงต้องตายเพื่อเป็นอาหารของสัตว์อีกประเภทหนึ่ง ขณะเดียวกันมูลจากสัตว์ก็จะทำหน้าที่เป็นปุ๋ยเพื่อให้พืชและต้นไม้เจริญงอกงาม และสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นอาหารของสัตว์กินพืช โดยสัตว์กินพืชก็จะเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้ออีกต่อหนึ่ง เป็นวงจรแห่งชีวิตที่วนอยู่โดยการฆ่าเพื่ออยู่รอด และถูกฆ่าเพื่อให้ผู้ฆ่าได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ตัวที่แข็งแรงที่สุดที่วิ่งหนีทันก็จะรอดชีวิต ตัวที่อ่อนแอกว่าก็จะถูกทอดทิ้งโดยแม่และโดยกลุ่ม และก็จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์กินเนื้อต่อไป
ดังนั้น เมื่อเห็นเสือชีต้าห์และลูกน้อยสองตัวกำลังกินเนื้อกวางตัวเล็กๆ ที่น่ารัก ก็อาจจะมีความสงสารลูกกวางดังกล่าว แต่ถ้าลูกกวางไม่ถูกล่าเป็นเหยื่อเสือชีต้าห์และลูกน้อยสองตัวก็จะตาย โลกของสัตว์ป่าจึงเป็นโลกที่ทารุณและโหดเหี้ยม ต้องฆ่าสัตว์อื่นเป็นอาหารมิฉะนั้นตัวเองก็จะถึงแก่ความตาย การฆ่าเพื่อความอยู่รอดจึงเป็นกฎกติกาของธรรมชาติและเป็นวัฎจักรแห่งการมีชีวิตและความตาย
มองในแง่ที่กล่าวมาเบื้องต้น มนุษย์ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน มนุษย์ต้องฆ่าสัตว์เพื่อการอยู่รอดของตนเอง มนุษย์ไม่สามารถจะกินพืชได้แต่เพียงอย่างเดียว เพราะสายพันธุ์มนุษย์ที่อยู่รอดนี้เป็นสายพันธุ์ที่กินเนื้อสัตว์ ส่วนสายพันธุ์ที่กินพืชได้สูญพันธุ์ไปแล้ว มนุษย์ก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่อยู่รอดด้วยการฆ่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร การฆ่าวัว หมู ไก่ เป็นอาหารก็ไม่ต่างจากการล่าสัตว์เช่นกรณีของสิงโตล่ากวาง แต่ข้อที่น่าคิดต่อจากที่กล่าวมาเบื้องต้นก็คือ ทฤษฎีของชาร์ลส์ ดาร์วิน คือทฤษฎีของการอยู่รอดของผู้แข็งแรงที่สุด (the survival of the fittest) ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ได้จากชีวิตของสัตว์ป่าดังกล่าวมาแล้ว แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ได้มีการปรับทฤษฎีของดาร์วินมาเป็นทฤษฎีที่ใช้กับสังคมมนุษย์ (social Darwinism) ซึ่งเนื้อหาหลักก็คือ ในความสัมพันธ์ของมนุษย์ซึ่งแบ่งเป็นหน่วยการเมืองคือรัฐชาตินั้น หรือโดยเผ่าพันธุ์ก็ตาม ผู้แข็งแรงที่สุดก็จะใช้กำลังเข้าเข่นฆ่าผู้อ่อนแอกว่า ถูกจับมาเป็นเชลยศึก เป็นทาส หรือยึดเป็นเมืองขึ้น เพราะใช้ตรรกะอันเดียวกัน แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ป่า มนุษย์มีสมองที่มีความคิดลึกซึ้งกว่าสัตว์ และสามารถจะมีคุณธรรมจริยธรรมได้ จึงมีความพยายามที่จะหาสันติภาพ โดยการจัดตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณดิบของผู้แข็งแรงกว่าที่คอยเอาเปรียบหรือรังแกผู้อ่อนแอกว่าโดยใช้อำนาจเป็นธรรมนั้นก็ยังปรากฏอยู่ในการเมืองภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศ
ประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่เกิดจากการเยี่ยมเยียนประเทศทั้งสองก็คือ ในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และมีการแข่งขันในการค้าอย่างเข้มข้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศที่ต้องการจะอยู่รอดจะต้องพัฒนาโครงสร้างทางการเมือง บริหาร เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่นในชุมชนนานาชาติ แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เมื่อมีการพัฒนาและทำให้เกิดความทันสมัยเพื่อตามทันกับโลกยุคโลกาภิวัตน์นั้น จะมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประเทศที่เคยด้อยพัฒนามาก่อน และในหลายกรณีผลกระทบที่เกิดขึ้นคือผลกระทบที่มีต่อวัฒนธรรมอันดีงาม ประเพณีอันน่าชื่นชม และสิ่งดีงามดังกล่าวมาแล้วเป็นสิ่งซึ่งน่าจะสงวนไว้ ตัวอย่างเช่น ชนเผ่าที่มีอารมณ์เย็น มีชีวิตและจิตวิญญาณที่มีความสุข มีวิถีการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมที่เงียบสงบ จะถูกกระทบอย่างรุนแรงเมื่อกระบวนการโลกาภิวัตน์เกิดขึ้นอย่างเต็มสมบูรณ์ ถึงแม้ชุมชนของตนจะมีการพัฒนาดีขึ้น แต่ส่วนที่เสียไปนั้นก็จะมีราคาแพงมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสุขในชีวิต คุณภาพชีวิต และความสงบทางใจ ประเด็นปรัชญาที่สำคัญก็คือ ใครอยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า ชุมชนหรือประเทศควรจะดำเนินไปสู่ทิศทางใด และใครมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตสำหรับคนจำนวนมหาศาลในประเทศหนึ่งๆ
ภารกิจสำคัญของรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐก็คือการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนมีระดับความรู้และการศึกษาที่สูงขึ้น แต่เมื่อความเจริญทั้งหลายเข้าไปสู่ชนบท คนมีการศึกษาดีขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตไปสู่ยุคใหม่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมก็จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำรงชีวิตแบบบรรพบุรุษที่อยู่กันเป็นร้อยๆ ปีก็ต้องมีการแปรเปลี่ยนไปตามสมัย เช่น ชนเผ่ามาไซคงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำนองเดียวกับเงาะป่าซาไกก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตมาสู่วิถีแบบใหม่ แต่ใครจะประกันได้ว่าวิถีชีวิตแบบใหม่จะเป็นวิถีชีวิตที่มีความสุขกว่า มีความสงบทางใจมากกว่า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ผู้ใช้อำนาจรัฐคือรัฐบาลอยู่ในฐานะที่จะตัดสินชะตากรรมของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด อนาคตของคนจำนวนหนึ่งจะตกอยู่ในกำมือของคนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งจากการไปเยี่ยมเยียนของประเทศดังกล่าวก็คือ การรักษาสภาพธรรมชาติและการรักษาสภาพแวดล้อมให้คงแบบเดิม ขณะเดียวกันต้องจำทนต่อความไม่สะดวกสบาย ความขัดแย้งดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่ต้องมีการถกเถียงกัน ถนนลูกรังที่จะเกิดฝุ่นอย่างมากเมื่อมีลมพัดหรือเมื่อมีการขับรถไปดูสัตว์นั้น เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่สามารถจะทนได้ แต่นั่นเป็นวิถีแห่งธรรมชาติตามปกติซึ่งเป็นมาเป็นทศวรรษหรือศตวรรษ ความไม่สะดวกสบายเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่นั่นคือสภาพที่เป็นจริงที่เป็นอยู่ในทุ่งกว้างสะวันนาซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น บางครั้งก็มีกลิ่น บางครั้งก็ถูกไอร้อนแผดเผา หลายคนเสนอว่าน่าจะมีการราดยางเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่หลายคนกลับมองว่าควรจะทิ้งไว้เช่นเดิมให้เป็นธรรมชาติ เพราะถ้าหากรักขึ้นไปดูสัตว์ก็ต้องดูในสภาพความเป็นจริง ถ้าอยากจะสะดวกสบายก็น่าจะไปดูสัตว์ที่สวนสัตว์ หรือที่ไนท์ซาฟารีที่เชียงใหม่หรือสิงคโปร์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติคงจะยืนยันว่าควรปล่อยให้เป็นธรรมชาติเดิมเอาไว้เพราะนั่นเป็นมรดกของมนุษยชาติ ไม่ควรให้ธรรมชาติถูกทำลายด้วยการพัฒนา
ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญซึ่งควรจะหยิบยกมาขบคิดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในฐานะที่มีอำนาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกหรือทางลบได้
ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน
ราชบัณฑิต