อุบลราชธานี-ปัญหาพัฒนาพื้นที่การค้าด่านสากลช่องเม็ก อุบลฯยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์เมืองการค้าชายแดน ผู้ว่าฯสั่งจัดระบบด่านช่องเม็กใหม่ ขอร้องกลุ่มพ่อค้าชายแดนต้องอยู่ในกติกา เพื่อผลการพัฒนาการค้า-ท่องเที่ยวระยะยาว
นายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงปัญหาโครงการพัฒนาด่านพรมแดนสากลไทย-ลาวช่องเม็ก อ.สิรินธร ซึ่งยังยืดเยื้อมานานหลายปีว่า เป็นโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ และมีผลต่อเนื่องด้านมวลชนในพื้นที่ คือ ยังไม่สามารถจัดระเบียบพื้นที่ได้ชัดเจน เพราะมีพื้นที่ทั้งในส่วนกรมธนารักษ์ และบางพื้นที่เป็นป่าสงวน
ขณะที่บางส่วนก็เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ทำให้ประชาชนที่จับจองพื้นที่ขายสินค้า ไม่ยอมถอยออกมาอยู่ในที่ที่จัดให้ เพราะคณะทำงานภาคประชาชนบางคนได้เสียชีวิต บางคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จึงไม่มีการประสานทำความเข้าใจกับผู้ขายสินค้าที่ฝ่าฝืน
อย่างไรก็ตามต่อไปต้องใช้วิธีจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะปัญหาเร่งด่วน คือ การก่อสร้างอาคารระยะที่ 2 ซึ่งต้องสร้างให้เสร็จในปี 2550 เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารการจัดการแบบวันสตอป เซอร์วิสของหลายหน่วยงาน ความล่าช้าจากการแก้ปัญหาข้างต้น อาจส่งผลกระทบในการใช้งานและการให้บริการด่านสากลแห่งนี้ จึงสั่งให้ฝ่ายปกครองไปดำเนินการให้พ่อค้าแม่ค้าอยู่ในกฎกติกา กลับเข้าไปขายสินค้าในที่ที่จัดให้ เพื่อความเป็นระเบียบในการจัดโครงสร้างด่านช่องเม็ก
ด้านนายเผด็จ วุฒิเศรษฐไพบูลย์ นายอำเภอสิรินธร กล่าวถึงปัญหากลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ที่ด่านแห่งนี้ว่า ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้จัดสถานที่รองรับการขายสินค้าให้แล้ว แต่พ่อค้าแม่ค้าไม่ยอมเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่จัดให้ และนำสินค้ามารอขายอยู่ตามริมถนน อดีตเมื่อทางการใช้ไม้แข็ง กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็ร้องขอพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดิน
หลังการพิสูจน์สิทธิพบเป็นที่ดินของรัฐ จึงให้มีการสร้างพื้นที่รองรับขายสินค้าแห่งใหม่ จนมีการโต้เถียงเรื่องจำนวนผู้มาลงชื่อขอใช้พื้นที่ขายสินค้า เพราะมีรายชื่อเกินจำนวนที่สำรวจไว้ ทำให้เกิดเป็นปัญหาใหม่ขึ้นมา และไม่ยอมรับข้อเท็จจริง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน จึงมีการบุกรุกเข้ามายึดที่ริมถนนขายของกันดังกล่าว
นายชวลิต องควานิช ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลฯกล่าวว่า ในอดีตคนที่เข้ามาอยู่ช่องเม็กแรกๆ เป็นชาวบ้านที่อพยพเข้ามาทำการค้า จนเติบโตเป็นการค้าระหว่างชายแดน หากจัดการกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ ก็จะจัดการกับปัญหาอื่นไม่ได้ เมื่อเรามองช่องเม็กเป็นเมืองการค้า แต่พื้นที่ที่เหมาะกับการค้าขายกลับถูกจับจองใช้เป็นสถานที่ราชการ การหาที่ทดแทนสถานที่ค้าขายเดิม จึงเป็นเรื่องยาก ขอให้จังหวัดหาทางออกเพื่อแก้ไขด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการค้าขายผ่านด่านสากลช่องเม็กกับด่านวังเตา เมืองโพนทอง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เริ่มเปิดการค้าต่อกันจากนโยบายเปลี่ยนสนามรบ ให้เป็นสนามการค้าสมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ช่วงแรกการค้าขายเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนของคนในท้องถิ่น โดยสินค้าที่ไทยจำหน่ายเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องอุปโภค บริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนสินค้าจากลาวเป็นพืชผลการเกษตร
ต่อมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมด่านมากขึ้น ทำให้การค้าขายขยับขยายขึ้นและประมาณปี 2535 มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วประเทศ อพยพเข้ามาจับจองพื้นที่ว่างเปล่าสองข้างถนน สร้างเป็นอาคารร้านค้าชั่วคราวค้าขายสินค้ากว่า 500 ร้าน
จากนั้นโครงการพัฒนาด่านช่องเม็กในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย จึงมีการผลักดันให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าจับจองพื้นที่ออกไป แต่ได้รับการต่อต้านเรื่อยมา เพราะการจัดพื้นที่ขายสินค้าเกิดความไม่เป็นธรรมในกลุ่มคณะทำงาน
พื้นที่ที่เป็นทำเลใกล้ด่านที่เอื้อต่อการขายสินค้า คณะทำงานได้กันไว้เป็นของตัวเอง รวมทั้งมีการเพิ่มรายชื่อผู้ได้รับสิทธิเข้าขายสินค้าเพิ่มขึ้น สำหรับรายชื่อที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นลูกหลานของคณะทำงานจัดสรรที่ขายสินค้า ทำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่เหลือไม่พอใจ จึงไม่ทำตามมติ พร้อมเคลื่อนตัวมาเกาะแนวถนนขายสินค้ากันอีก
การแก้ปัญหาขณะนี้ นายสุธีสั่งให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และรื้อรายชื่อผู้ค้าขายทั้งหมดมาทำใหม่ เพื่อให้กลุ่มพ่อค้าเก่าได้รับความเป็นธรรม จากการจัดสรรที่ค้าขายตามความเป็นจริง จึงจะยุติปัญหาการบุกรุกของกลุ่มผู้ค้าขายที่ช่องเม็กได้