ผู้จัดการรายวัน - คณาจารย์มหาวิทยาลัย คนเดือนตุลาฯ-พฤษภาทมิฬ องค์กรเอกชน และประชาชนทุกสาขาอาชีพ ร่วมลงชื่อไล่"ทักษิณ"พ้นเก้าอี้นายกฯ ยกพระราชดำรัสอย่าให้คนชั่วปกครองประเทศ ระบุทุจริต คอร์รัปชั่น เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ ทำลายเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ บริหารประเทศโดยไร้จริยธรรม ชี้"ม็อบสนธิ"จะขยายวงเป็นม็อบประเทศไทยด้าน"ทักษิณ"ยังอ้าง 19 ล้านเสียง ลั่น"ชาติหน้าสายๆ ถึงจะลาออก"หยามเป็นอาจารย์แต่ยอมให้เขาจูง
เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.)กลุ่มนักวิชาการ และสมาชิกวุฒิสภา นำโดยนายสุเทพ อัตถากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา,นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตคนเดือนตุลา,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หัวหน้าพรรคพลังธรรม ได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง
โดยนายสุเทพ ได้กล่าวถึงการยื่นหนังสือเปิดผนึกระบุว่า มีการอาศัยความชอบธรรม และเสถียรภาพทางการเมืองรวมถึงความชอบธรรม ทำลายหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ โดยใช้อำนาจเสียงข้างมากแทรกแซง ครอบงำวุฒิสภา บั่นทอน ล้มล้าง ความเป็นอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทำให้องค์กรเหล่านั้นไม่สามารถตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารได้
นอกจากนั้น ยังปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง โดยเปิดโอกาส ให้ผู้ใกล้ชิดและญาติพี่น้องหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ จึงขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม
นายสุเทพ กล่าวว่าเราได้พบว่ากระบวนการตรวจสอบอำนาจรัฐได้ถูกการดำเนินการต่างๆ ให้เสื่อมประสิทธิภาพ ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นได้พบการกระทำทุกวิถีทางที่จะรวบอำนาจ รวมพรรคการเมืองเข้าไปอยู่ในกำมือด้วยวิธีต่างๆ
พร้อมทั้งยังมีความพยายามที่จะครอบงำสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรอิสระ ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบการทุจริต ในพฤติกรรมที่มิชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงการครอบงำปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ทำให้สิทธิของประชาชนถูกครอบงำและทำลาย กลายเป็นระบบเผด็จการรวบอำนาจ มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เอื้อประโยชน์กับผู้ใกล้ชิด เปิดทางให้ต่างชาติมากอบโกยผลประโยชน์ ซึ่งจะกระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จากการรวบรวมรายชื่อและพูดคุยกับบุคคลหลายวงการได้มีผู้ตอบรับและลงชื่อถึง 129 คน โดยจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบุคคล ที่มาจากวงการศึกษา นักธุรกิจ นักการเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งมีการขานรับอย่างรวดเร็ว โดยเบื้องต้นเราต้องการรายชื่อเพียง 99 คน แต่ขณะนี้มีผู้ส่งรายชื่อมาจำนวนมาก จนปิดกั้นไม่ได้แล้ว รวมถึงชาวไทยในต่างประเทศที่แสดงความจำนง มาด้วย ทั้งนี้ผู้ที่มีความคิดเห็นตรงกับแนวทางดังกล่าวสามารถส่งรายชื่อ มาที่ตู้ปณ.คลองจั่น 140 กรุงเทพฯ
"เราที่ลงชื่อทั้ง 129 คนขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าถึงเวลาแล้วที่จะก้าวลง และแสดงถึงความรับผิดชอบทางจริยธรรม เพราะแม้ท่านจะร่ำรวยเงินทอง แต่ยากจนจริยธรรม จึงหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพื่อความสงบของบ้านเมือง ท่านควรยุติบทบาทในฐานะนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะฉุดลากประเทศให้พินาศยิ่งไปกว่านี้"นายสุเทพ กล่าว
บาป 4 ประการของทักษิณ
นายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกมาไล่นายกรัฐมนตรี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีบาปฉกรรจ์ 4 ประการ คือ 1.บาปโกงบูรณาการ กรณีการขายหุ้น ชินคอร์ปที่ไม่มีการเสียภาษี และการขายหุ้นแอมเปิ้ล ริช เป็นการโกงบูรณาการ ที่อธิบายไม่ได้ ไม่มีใครเชื่อคำแก้ตัวของนายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกประจำตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ คนชนชั้นกลาง ชาวไร่ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน หายเร่แผงลอย ถูกสรรพากรรีดภาษีทุกเม็ดเหงื่อ แต่รายได้ 7.3 หมื่นล้านบาท ไม่ต้องจ่ายภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่เครือญาติ และพวกพ้องที่คนไทยทั่วไปอภัยให้ไม่ได้
2.บาปทำลายการตรวจสอบ โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายเข้าแทรกแซง การสรรหาและแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระ การเตะถ่วงตำแหน่ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯสตง.) การทำให้ป.ป.ช.,ป.ป.ง.,ศาลรัฐธรรมนูญ และ คตง.กลาย เป็นองค์กรเป็ดง่ายที่ไม่อาจทำหน้าที่ตรวจสอบอิสระได้ตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ
3.บาปครอบงำสื่อและปิดกั้นการชุมนุมโดยสงบ 4. บาปสร้างหนี้และความยากจนให้สังคมไทย โดย 5 ปีที่ผ่านมาคนไทย เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นมากว่าครัวเรือนละ 40,000 บาท อาจสามารถโมเดล เป็น เครื่องหมายว่า รัฐบาลแก้ปัญหาความยากจนจริงๆไม่ได้ จึงต้องทำให้เป็นการแสดง โดยเอาชาวบ้านมาเข้าฉาก
"บาปฉกรรจ์ 4 ประการ นี้ทำให้สังคมไทยก้าวสู่ห้วงเหวแห่งหายนะที่จำเป็นต้องยับยั้งไว้โดยด่วน ก่อนอื่นใดคุณทักษิณ ต้องออกไป แล้วชาวไทยทั้งประเทศจะมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยที่งดงามและยั่งยืนให้แก่กันและกัน"
ขณะที่ นายพิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มี ส.ว.จำนวนหนึ่งร่วมลงชื่อและจะมีมาลงชื่อเพิ่มอีก นับว่าเป็นการท้าทายการปฎิรูปการเมืองหลังจากมีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 เพราะขณะนี้สังคมไทยต้องการกระบวนการการถ่วงดุล การตรวจสอบ แต่รัฐบาลได้ทำลายสิ่งเหล่านี้ไปสิ้น
"นายกรัฐมนตรีได้ทำลายวัฒนธรรม ทางการเมือง โดยเฉพาะการไม่เคยให้สนใจและให้ความสำคัญต่อรัฐสภา ไม่เคยตอบกระทู้ และญัตติในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา รวมทั้งในการตอบคำถาม สื่อมวลชนทุกวันพฤหัสบดี ก็ทำได้ไม่นานก็เลิกไป แต่นายกฯเองประสงค์จะพูดบอกประชาชนคนเดียวในรายการวิทยุทุกเช้าวันเสาร์"
กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป ก็เป็นการพิสูจน์ว่า อำนาจอธิปไตยของบ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับด้วยการเอาคลื่นความถี่ของ ส่วนรวมไปขายให้ต่างชาติ เอาสิทธิของประเทศชาติที่ได้สัมปทานดาวเทียมแต่กลับไปตกอยู่ในมือต่างชาติ เพราะฉะนั้นในฐานะตัวแทนประชาชน จึงขอบอกให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตัวเองก่อนที่บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หัวหน้าพรรคพลังธรรม กล่าวว่านายกรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ทำลายระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นมา รัฐบาลออกโครงการต่างๆ แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กลับมีการสร้างหนี้ให้แก่ประชาชนอย่างมหาศาล ไม่ว่าโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จนถึงโครงการเอสเอ็มอี ที่ไม่ได้สร้างรายได้ มีแต่ถูกรีดภาษีอย่างมหาศาล
ในทางกลับกันการซื้อขายหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป ที่ได้เงินกว่าหมื่นล้าน กลับเลี่ยงภาษี
สำหรับการเคลื่อนไหว เพื่อขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ในขั้นต่อไปนั้น นายไชยวัฒน์ กล่าวว่าจะมีการรวบรวมชื่อให้มากกว่านี้เพื่อยื่นผ่านสื่อมวลชน การที่เราไม่ไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพราะนายกฯ ไม่เคยให้เกียรติกับประชชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ในการออกมารับรู้ปัญหาของประชาชน เราจึงเชื่อว่า การยื่นผ่าน สื่อมวลชนผ่านการแถลงข่าว ก็ถือเป็นการยื่นจดหมายถึงนายกฯแล้ว แต่ถ้าในอนาคต หากนายกฯออกจากตำแหน่งแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องปล่อย ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ยกพระราชดำรัสอย่าให้คนชั่วปกครองประเทศ
นายประสาร กล่าวเสริมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่งว่า อย่าให้คนชั่วมาปกครองประเทศ ดังนั้น สถานการณ์เฉพาะหน้านี้ ที่เราออกมา เคลื่อนไหว ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า ท่านหมดความชอบในการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีจึงสมควรที่จะต้องออกไป
"ประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่เคยสิ้นคนดี เมื่อมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็คงจะไม่สิ้นคนดีที่จะขึ้นมาบริหารประเทศเช่นกัน โดยประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกผู้นำประเทศเอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเคยทำงานร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งท่านชอบมีมุมมอง และชอบพูด เป็นภาษาอังกฤษเสมอว่า "Fight in the losing war"
สำหรับการชุมนุมในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ถือว่า เป็นการชุนนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่ารัฐบาลคงไม่ใช้กำลังและความรุนแรง เพราะในประวัติศาสตร์ ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากประชาชนเพราะประชาชน มีแค่มือเปล่า ไม่มีอาวุธ แต่มาจากการใช้อำนาจของรัฐบาล ดังนั้นอยากให้รัฐบาล นำบทเรียนจากเหตุการณ์ 14 ตุลา,6 ตุลา และ พฤษภาทมิฬ นำมาทบทวน จึงอยากให้ ตำรวจ ทหาร ที่ยังมีใจเป็นธรรมอย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ส่วนการที่นายกฯ มองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นกลุ่มพวกขาประจำ และผู้เสียประโยชน์จากการบริหารงานของรัฐบาล นายสุเทพ อัตถากร กล่าวว่า จะว่าก็ว่าไป แต่ท่านต้องสมควรฟังว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร เพราะฉะนั้น ท่านยิ่งพูดยิ่งถือว่าขยายอุณภูมิของสถานการณ์ และ ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เรียกร้องให้นายกฯ ตั้งกองทุนช่วยเหลือคนยากจน 2 หมื่นล้านบาทนั้น ตนมองว่า ขอให้ทำขึ้นมาจริงๆ แต่อยากจะรู้ว่า เงินจะซื้อคน ซื้อใจของคนทั้งประเทศได้หรือไม่ ก็ให้มันรู้กัน
นายประสาร กล่าวเสริมว่าขาประจำตอนนี้ที่ออกมาไม่ใช่หน้าเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นการขยายขาประจำออกไป เพราะทุกคนหมดความอดทนต่อการ บริหารของนายกฯ โดยเฉพาะกรณีการเลี่ยงภาษี 2 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้ เกิดขาประจำที่ออกมาไล่นายกฯเต็มไปหมด
นายสุเทพ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ มักอ้างว่า 19 ล้านเสียง เลือกให้มาเป็นนายกฯว่า ท่านจะอ้างก็อ้างไป แต่อย่าลืมว่า ไม่ใช่เสียงของประชาชนของทั้งประเทศ และอยากถามว่า 19 ล้านเสียง ที่เลือกท่าน ยังจะอยู่ข้างท่านหรือไม่ เพราะประเทศไทยเป็นคนทั้งประเทศ
" 19 ล้านเสียงที่อ้าง จะเป็นของจริงอยู่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เวลามีเงื่อนไขของมัน ยิ่งนานวันเชือกยิ่งขมวดปม เขม็งเกลียว ยิ่งช้ายิ่งอันตราย ถ้าฉลาดก็จะมีทางเลือกที่งดงาม" นายสุเทพ กล่าว
คณาจารย์จุฬาฯ จี้แม้วลาออก
ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ และอาจารย์คณะอื่นๆของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กว่า 10 คน ร่วมกันเปิดแถลงข่าวผ่านจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีการก่อตัวปรากฏการณ์ "วิกฤตการณ์ความชอบธรรม และจริยธรรมของผู้นำประเทศ" ที่รุนแรงและชัดเจน โดยในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดจริยธรรมในการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยในหลายเรื่อง อาทิ การทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน การไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติ การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ การปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกขึ้นในระบบการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้กุศโลบายแจกเงิน เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง ฯลฯ และในกรณีล่าสุดคือ การขายหุ้นชินคอร์ป ของครอบครัวนายกฯ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบ้าน โดยไม่ต้องจ่ายภาษี
การขาดจริยธรรมในการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรี ทำให้ขาดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำของประเทศ เป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะยิ่งเป็นการทำลายศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประชาชนพลเมือง และจะนำไปสู่วิกฤตการณ์อื่นๆ ตามมา ดังเช่น ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตและปัจจุบัน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ คณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะอื่นๆ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอยื่นข้อเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังต่อไปนี้ 1.ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมโดยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที 2.ขอร่วมสนับสนุนผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อวางกฎเกณฑ์มาตรฐาน ทางการเมืองและจริยธรรมทางการเมืองใหม่ รวมทั้งมีการสรรหาผู้นำประเทศคนใหม่ ตามหลักประชาธิปไตยโดยเร็ว
ศ.ดร.อมรา กล่าวว่า หากการยื่นจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ ไม่มีการตอบรับจากนายกฯ ก็จะมีการทำจดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 2 ขึ้น ซึ่งในขณะนี้กำลังทำการล่ารายชื่ออาจารย์ใน ม.จุฬาฯทุกคณะอยู่ และนอกจากนี้ก็มีศิษย์เก่าที่ทราบข่าว ก็เข้าร่วมลงชื่อจำนวนมาก และส่วนเรื่องที่อาจารย์ในคณะรัฐศาสตร์คนใดจะไปร่วมในวันที่ 4 ก.พ.นั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่มีสิทธิ์ทำได้
รศ.ดร.พิทยา บวรพัฒนา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การแถลงการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงจุดยืนของความเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่เน้นสอนการเมืองการปกครอง และสอนให้เป็นคนดี ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จากการปกครองของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการปกครองที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล ตามตำราที่สอนนักศึกษาที่สอนว่า การเป็นนายกฯที่ดีนั้น มีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ 1.ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตัวเอง 2.มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา 3.จิตใจกว้างขวางมีความเป็นประชาธิปไตย 4.เป็นคนถ่อมตน ไม่ใช่ออกมาเยาะเย้ยถากถาง
แหล่งข่าวจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก็จะเป็นการลงจากตำแหน่งในฐานะคนร้ายของสังคม และ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะอยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุขไม่ได้ คงต้องอพยพครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ
คนเดือนตุลา-พฤษภาทมิฬตั้งวงไล่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ศูนย์ศึกษาวิภาวดี มหาวิทยาลับรังสิต ชมรมตุลาประชาธิปไตย ร่วมกับวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้จัดเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง "ยกเครื่องเมืองไทย ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่?" โดยมีผู้ร่วมเสวนาจำนวนมาก แทบทั้งหมดเป็นอดีตแกนนำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 14 ตุลา16 , 6 ตุลา19 และพฤษภา 35
น.พ.เหวง โตจิราการ เลขาสมาพันธ์ประชาธิปไตย อดีตแกนนำพฤษภาทมิฬ กล่าวว่า ขณะนี้คนที่เป็นปัญหาของสังคมคือตัว พ.ต.ท.ทักษิณ วานนี้(1 ก.พ.)เป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงปัญหาการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้ง และปัญหาการเสียภาษี แต่ท้ายที่สุดกลับเพิกเฉย ปล่อยให้นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกประจำตระกูล ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวแทน อีกทั้งนายสุวรรณ ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ประชาชนคลางแคลง ในหลายข้อได้
“วันนี้ชินคอร์ปอเรชั่น เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศไทย คุมอธิปไตยของชาติ 5 อย่าง คือ เรื่องดาวเทียม คลื่นโทรศัพท์มือถือ ไอทีวี สายการบินราคาถูก และ ธุรกิจบริการอินเตอร์เน็ต นายกรัฐมนตรีต้องตอบคนไทยทั้งชาติให้ได้ว่า เอาเส้นเลือดใหญ่ เอาอธิปไตยของชาติ ไปขายให้สิงค์โปร์ทำไม”
การขายหุ้นครั้งนี้ควรจะเป็นโมฆะ เพราะเป็นการขายอธิปไตยของชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หลังจากนี้จะไม่มีเพียงม็อบสนธิ แต่จะขยายวง กลายเป็นม็อบประเทศไทย ขอเสนอทางเลือกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเพื่อแสดงความรับรับผิดชอบ หรือยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ สำหรับคนเดือนตุลาฯ ที่เข้าไปอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปลี่ยนสี แปรธาตุไปหมดแล้ว เนื่องจากเมื่อคนเข้าใกล้ผลประโยชน์กิเลสภายใน จะเปลี่ยนคนให้เป็นมิจฉาชน
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานสมาพันธ์คุ้มครองผู้บริโภคไทย กล่าวว่า ปัญหาการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้ง และปัญหาการเสียภาษีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครังนี้นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่เกิดจากธนกิจการเมือง ตนเชื่อว่าเป็นจุดสุดท้ายของประเทศ และถือว่าการขายหุ้นครั้งนี้เป็นโมฆะ ขอเรียกร้องให้ประชาชน ลุกขึ้นมาฟ้องศาลปกครองถึงกรณีดังกล่าวว่าตลาดหลักทรัพย์กระทำความผิดที่เปิดให้มีการขายหุ้นผิดกฎหมาย วันนี้ภาคประชาชนต้องแช่แข็งไม่ให้หุ้นชินคอร์ป กระจายต่อไป
"หุ้นชินคอร์ปที่เพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลในระยะเวลา 5 ปี เกิดจากนโยบายรัฐเอื้อให้หุ้นเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาล ต้องพูดว่าเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท คือเงินของประชาชนที่ถูกธนกิจทางการเมืองปั่นและแปลงเป็นสินทรัพย์ของเอกชน ในเวลานี้ประชาชนถูกผู้มีอำนาจเอากฎหมาย เป็นอาวุธมาจี้ปล้นแทนปืน แม้ที่ผ่านมานายสุวรรณ วลัยเสถียร จะบอกว่าหุ้นชินคอร์ป มีการซื้อขายถูกต้องไม่ต้องเสียภาษี คำอธิบายดังกล่าวเป็นการทำให้สามัญสำนึกถูก ละเลย วันนี้อธิปไตยของชาติถูกขาย รัฐต้องยกเลิกสัมปทานทั้งหมดในหุ้นชินคอร์ป เวลานี้รัฐบาลเปรียบเสมือน ไส้ศึกที่เปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้ามา”ประธานสมาพันธ์คุ้มครองผู้บริโภคไทย กล่าว
น.ส.รสนา กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ถือเป็นฉบับที่ดีที่สุด หากแต่มีจุดอ่อนทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งเกินไป ขณะที่ภาคประชาชนอ่อนแอลงทุกขณะ จึงขอเสนอว่าคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี และครอบครัวในเจ็ดชั่วโคตร ต้องไม่มีสัมปทานเกี่ยวกับภาครัฐ อีกทั้งรัฐธรรมนูญต้องระบุว่า ประชาชนทุกคนเป็นผู้เสียหายในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับประเทศชาติ ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มักพูดเสมอว่า ตัวเขาถูกประชาชนทั้งสิบเก้าล้านเสียงเลือกเข้ามา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ นายกฯต้องฟังเสียงคนอื่นด้วย
"เราจะต้องไม่ให้สัมปทานประเทศกับคนที่ทำผิด เมื่อทำผิดประชาชนก็ต้องสามารถ re call มาได้ หรือขอกลับคืนมาได้ อย่างเช่น กรณีที่นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกตระกูลชินวัตร ระบุว่าการซื้อหุ้นโดยมีการติ๊กผิด ดังนั้นเราก็ต้องสามารถใช้คำว่า เมื่อประชาชน 19 ล้านเสียงติ๊กผิด เราก็ต้องขอคืนได้เพราะนักการเมืองไม่มี สคบ.และ อย.ไม่ผ่านคิวซี ไม่มีใบรับรองคุณภาพต้องส่งคืน อย่างปีที่ผ่านมา มีการทุบรถโชว์ นักการเมืองก็น่าจะมีอย่างนี้เพราะเขาไม่มีจริยธรรม"
นายพิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา อดีตแกนนำนักศึกษา 14 ตุลาฯ กล่าวว่า วัฒนธรรมการเมืองที่ดีวันนี้ถูกทำลายโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงเรียบร้อยแล้ว รัฐธรรมนูญต้องการให้ส.ส.สังกัดพรรค 90 วัน เพราะไม่อยากเห็นส.ส.ย้ายพรรคบ่อยๆ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อส.ส.กันยกพรรค ตั้งแต่ความหวังใหม่ จนถึงชาติพัฒนา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเคารพระบบรัฐสภา ทุกครั้งที่มีการตั้งกระทู้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เหยียบสภาเลย มีเฉพาะแถลงนโยบายหรือเรื่องสำคัญที่รัฐบาลอยากพูด แต่ไปสร้างวัฒนธรรมการเมืองผิดๆคือ พูดคนเดียวในรายการวิทยุวันเสาร์ ตัวแทนประชาชนถามในสภาท่านไม่ตอบ จัดรายการนายกฯพบสื่อก็ทำได้สองสามครั้งวงแตก เพราะเจอคำถาม วัฒนธรรมทางการเมืองถูกทำลายอย่างย่อยยับ นำไปสู่การถูกทำลายล้างความเป็นอิสระ และอธิปไตยของบ้านเมือง
นายพิเชฐ กล่าวว่าการขายหุ้นชินคอร์ป และยกสิทธิในการใช้ดาวเทียมให้กับสิงคโปร์นั้นเป็นการทำลายความภูมิใจของคนทั้งประเทศ เพราะสิทธิการปล่อยดาวเทียมนั้น ไม่ใช่ว่าแต่ละประเทศจะปล่อยกี่ดวงก็ได้ แต่สามารถปล่อยได้เพียงประเทศละ 1 ดวงเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสิทธิของประเทศไทยในการปล่อยดาวเทียม และได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีต่างๆมากมาย ดังนั้นการขายดาวเทียมให้กับสิงคโปร์เท่ากับสิทธิในประเทศไทยถูกขายไปโดยคนๆเดียว และที่สำคัญความเสียหายนี้มันกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และทางการทหาร
นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ อดีตแกนนำนักศึกษา 14 ตุลาฯ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญโดยนิติบัญญัติอย่าฝันต้องใช้วิธีอื่นเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเชื่อว่าไม่สามารถทำได้ เพราะผู้กุมเสียงข้างมาก 375เสียงไม่ต้องการให้แก้ไข วันที่ 4 ก.พ.นี้ ต้องไปช่วยกัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้โดยวิธีปกติไม่ได้ แต่ต้องแก้ด้วยการจัดการกับรัฐบาลทักษิณ ที่เป็นปัญหาในการขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องจัดการกับทรราช และขอเรียกร้องให้สมุนทรรารช กลับใจ
"ความตื่นตัวของประชาชนที่ต้องการไล่รัฐบาลวันนี้มันสูงกว่าทุกเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาฯ หรือพฤษภาทมิฬ ประชาชนที่ไม่พอใจทักษิณ มีเต็มบ้านเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว วันที่ 4 ก.พ.ต้องแสดงพลังให้ทักษิณเห็น เขาควรจะออกไปจากตำแหน่งตามแจตนารมณ์ของประชาชนได้แล้ว"นายการุณ กล่าว
จับมือประสานเสียง ทักษิณออกไป
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา กล่าวว่า บรรยากาศทางการเมืองขณะนี้เหมือนช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ประมาณ 3 เดือน ประชาชนอยู่ในขั้นการตัดสินใจเลือกข้าง ขณะที่สื่อก็กระพือข่าวโหมกระแส ทำให้พรรคสามัคคีธรรมแตกตัว ในวันที่ 4 ก.พ.เป็นเวทีที่ประชาชนตัดสินใจรวมพลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สถานการณ์ขณะนี้เราต้องจัดการที่ตัวบุคคล เพราะตัวบุคคลได้เข้าถึงขั้นเอาไว้ต่อไม่ได้อีกแล้ว มีลักษณะเด่นๆ 3 ประการคือ 1.เอาเงินของรัฐสร้างคะแนนเสียงให้ตัวเอง และคอร์รัปชั่น ปีละ 1 ล้านล้านบาท 2. ขายสมบัติชาติ ถือว่ารุนแรงมาก 3.ธุรกิจการค้าไร้ศีลธรรม รุนแรงแบบลึกคนบาป ขูดรีด เขมือบโภคทรัพย์ของชาติ
"วันนี้ตัวผู้นำประเทศเป็นปัญหาหลักของชาติ เพราะคนๆนี้มีพลังพิเศษครอบงำระบบได้แบบสิ้นเชิง ถือเป็นบุคคลอยู่ในพัฒนาการขั้นสุดท้ายของทุนนิยมอันตราย ไม่มีทางสามานมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ขณะนี้ทุนนิยมอันตรายได้ก้าวถึงขั้นครอบครองโภคทรัพย์จำนวน 1.5 แสนล้านบาท เท่ากับโภคทรัพย์ของคนยากจนรวมกัน 15 ล้านคน ซึ่งเป็นเกณฑ์ของสภาพัฒน์ ขณะนี้ทรัพยากรของชาติถูกสูบจนโลหิตจางกันหมดแล้ว"
นายทวีเกียรติ ประเสริฐเจริญสุข รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สำหรับมหาวิทยาลัยรังสิตนั้น อธิการบดีได้มีความเห็นตรงกับสถาบันการศึกษาต่างๆเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงชื่อเพื่อขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติบทบาทเพื่อให้แผ่นดินอยู่รอด
"เราคงยอมไม่ได้อีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียวที่จะให้ผู้นำคนนี้มีอำนาจ เพราะคนๆนี้ปล้นชาติ ขายแผ่นดินยังน้อยไป ถ้าไม่จัดการออกไปเราจะไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาภาคใต้ ปัญหาความยากจนได้เลย" นายทวีเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการเสวนา อดีตผู้นำการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ลุกขึ้นยืนคล้องแขนกันพร้อมตะโกนว่า"ทักษิณ...ออกไป" พร้อมทั้งประกาศว่า ถึงเวลาที่ต้องทวงอำนาจคืนจากคนเพียงตระกูลเดียวให้กลับมาเป็นของประชาชน และได้เรียกร้องให้ประชาชนรวมพลังกันในวันที่ 4 ก.พ.ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า
วิญญาณมาร์กอสกวักมือเรียกแล้ว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ออกมาเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้นชินคอร์ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
"ประชาชนเอือมระอา วิญญาณมาร์กอส มากวักมือเรียกแล้ว ว่าให้ส่งคนที่ท่านรักไปขึ้นเครื่องบินเที่ยวสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ขึ้น การกระทำเช่นนี้ผิดจริยธรรม ของผู้ปกครอง ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ขอเรียกร้องให้นายกฯลาออก จากตำแหน่งเพราะหมดความชอบธรรมที่จะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว ส่วนการ บริจาคเงิน 1 พันล้านบาท ให้มูลนิธิไทยคม ก็เหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด" นายชูวิทย์ กล่าวว่า
แม้วหยามเป็นอาจารย์ยังปล่อยให้เขาจูง
เมื่อเวลา 16.40 น.วานนี้ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต พร้อมคณาจารย์ประมาณ 20 คน ได้นำกระเช้าดอกไม้ พร้อมรายชื่ออาจารย์ที่ให้กำลังใจมามอบให้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลงมารับด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย น่าเสียดายเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระองค์ทรงให้พระบรมราโชวาทให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน มันเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้รับฟัง ตอนนี้คนส่วนน้อยมาบอกว่า จะต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ เพื่อความสะใจของเขาไม่ได้หรอก จะต้องเลือกคนส่วนใหญ่ เพราะตนมีภารกิจเรื่องคนส่วนใหญ่เยอะ คนส่วนใหญ่ยังรอความหวังอีกเยอะ แต่ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์แม่ และทุกคนที่มาให้กำลังใจ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ในวันเสาร์นี้ จะพูดในรายการนายกฯทักษิณ คุยกับประชาชน จะต้องอธิบายให้เข้าใจ เพราะเรื่องราวถูกบิดเบือนไปมาก แต่ตนไม่สนใจ จะทำงานต่อไป เพราะคนเลือกเรามา 19 ล้านคน แต่แน่นอนคนที่ไม่เลือกเราก็มี เลือกประชาธิปัตย์ 7 ล้านกว่า น้อยกว่าคนที่เลือกเรา เมื่อมันเป็นระบบ ถ้าเราไม่ยอมรับกติกา ก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร บ้านเมืองเราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ โดยเฉพาะการเป็นอาจารย์ ต้องประสิทธิประสาทวิชาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าโดนใครจูงไปเรื่อย
จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่ง โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวว่า นายกฯจะลาออก ทำให้หุ้นตกมาก พ.ต.ท.ทักษิณ หันมากล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ชาติหน้าสายๆ ถึงจะลาออก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง ไม่ต้องห่วง"
เมื่อถามว่าไม่กังวลเรื่องการชุมนุมวันที่ 4 ก.พ.นี้ ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีทาง พร้อมกับก้าวขึ้นรถทันที
เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.)กลุ่มนักวิชาการ และสมาชิกวุฒิสภา นำโดยนายสุเทพ อัตถากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา,นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตคนเดือนตุลา,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หัวหน้าพรรคพลังธรรม ได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง
โดยนายสุเทพ ได้กล่าวถึงการยื่นหนังสือเปิดผนึกระบุว่า มีการอาศัยความชอบธรรม และเสถียรภาพทางการเมืองรวมถึงความชอบธรรม ทำลายหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ โดยใช้อำนาจเสียงข้างมากแทรกแซง ครอบงำวุฒิสภา บั่นทอน ล้มล้าง ความเป็นอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทำให้องค์กรเหล่านั้นไม่สามารถตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารได้
นอกจากนั้น ยังปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง โดยเปิดโอกาส ให้ผู้ใกล้ชิดและญาติพี่น้องหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ จึงขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม
นายสุเทพ กล่าวว่าเราได้พบว่ากระบวนการตรวจสอบอำนาจรัฐได้ถูกการดำเนินการต่างๆ ให้เสื่อมประสิทธิภาพ ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นได้พบการกระทำทุกวิถีทางที่จะรวบอำนาจ รวมพรรคการเมืองเข้าไปอยู่ในกำมือด้วยวิธีต่างๆ
พร้อมทั้งยังมีความพยายามที่จะครอบงำสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรอิสระ ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบการทุจริต ในพฤติกรรมที่มิชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงการครอบงำปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ทำให้สิทธิของประชาชนถูกครอบงำและทำลาย กลายเป็นระบบเผด็จการรวบอำนาจ มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เอื้อประโยชน์กับผู้ใกล้ชิด เปิดทางให้ต่างชาติมากอบโกยผลประโยชน์ ซึ่งจะกระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จากการรวบรวมรายชื่อและพูดคุยกับบุคคลหลายวงการได้มีผู้ตอบรับและลงชื่อถึง 129 คน โดยจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบุคคล ที่มาจากวงการศึกษา นักธุรกิจ นักการเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งมีการขานรับอย่างรวดเร็ว โดยเบื้องต้นเราต้องการรายชื่อเพียง 99 คน แต่ขณะนี้มีผู้ส่งรายชื่อมาจำนวนมาก จนปิดกั้นไม่ได้แล้ว รวมถึงชาวไทยในต่างประเทศที่แสดงความจำนง มาด้วย ทั้งนี้ผู้ที่มีความคิดเห็นตรงกับแนวทางดังกล่าวสามารถส่งรายชื่อ มาที่ตู้ปณ.คลองจั่น 140 กรุงเทพฯ
"เราที่ลงชื่อทั้ง 129 คนขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าถึงเวลาแล้วที่จะก้าวลง และแสดงถึงความรับผิดชอบทางจริยธรรม เพราะแม้ท่านจะร่ำรวยเงินทอง แต่ยากจนจริยธรรม จึงหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพื่อความสงบของบ้านเมือง ท่านควรยุติบทบาทในฐานะนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะฉุดลากประเทศให้พินาศยิ่งไปกว่านี้"นายสุเทพ กล่าว
บาป 4 ประการของทักษิณ
นายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกมาไล่นายกรัฐมนตรี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีบาปฉกรรจ์ 4 ประการ คือ 1.บาปโกงบูรณาการ กรณีการขายหุ้น ชินคอร์ปที่ไม่มีการเสียภาษี และการขายหุ้นแอมเปิ้ล ริช เป็นการโกงบูรณาการ ที่อธิบายไม่ได้ ไม่มีใครเชื่อคำแก้ตัวของนายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกประจำตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ คนชนชั้นกลาง ชาวไร่ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน หายเร่แผงลอย ถูกสรรพากรรีดภาษีทุกเม็ดเหงื่อ แต่รายได้ 7.3 หมื่นล้านบาท ไม่ต้องจ่ายภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่เครือญาติ และพวกพ้องที่คนไทยทั่วไปอภัยให้ไม่ได้
2.บาปทำลายการตรวจสอบ โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายเข้าแทรกแซง การสรรหาและแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระ การเตะถ่วงตำแหน่ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯสตง.) การทำให้ป.ป.ช.,ป.ป.ง.,ศาลรัฐธรรมนูญ และ คตง.กลาย เป็นองค์กรเป็ดง่ายที่ไม่อาจทำหน้าที่ตรวจสอบอิสระได้ตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ
3.บาปครอบงำสื่อและปิดกั้นการชุมนุมโดยสงบ 4. บาปสร้างหนี้และความยากจนให้สังคมไทย โดย 5 ปีที่ผ่านมาคนไทย เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นมากว่าครัวเรือนละ 40,000 บาท อาจสามารถโมเดล เป็น เครื่องหมายว่า รัฐบาลแก้ปัญหาความยากจนจริงๆไม่ได้ จึงต้องทำให้เป็นการแสดง โดยเอาชาวบ้านมาเข้าฉาก
"บาปฉกรรจ์ 4 ประการ นี้ทำให้สังคมไทยก้าวสู่ห้วงเหวแห่งหายนะที่จำเป็นต้องยับยั้งไว้โดยด่วน ก่อนอื่นใดคุณทักษิณ ต้องออกไป แล้วชาวไทยทั้งประเทศจะมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยที่งดงามและยั่งยืนให้แก่กันและกัน"
ขณะที่ นายพิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มี ส.ว.จำนวนหนึ่งร่วมลงชื่อและจะมีมาลงชื่อเพิ่มอีก นับว่าเป็นการท้าทายการปฎิรูปการเมืองหลังจากมีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 เพราะขณะนี้สังคมไทยต้องการกระบวนการการถ่วงดุล การตรวจสอบ แต่รัฐบาลได้ทำลายสิ่งเหล่านี้ไปสิ้น
"นายกรัฐมนตรีได้ทำลายวัฒนธรรม ทางการเมือง โดยเฉพาะการไม่เคยให้สนใจและให้ความสำคัญต่อรัฐสภา ไม่เคยตอบกระทู้ และญัตติในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา รวมทั้งในการตอบคำถาม สื่อมวลชนทุกวันพฤหัสบดี ก็ทำได้ไม่นานก็เลิกไป แต่นายกฯเองประสงค์จะพูดบอกประชาชนคนเดียวในรายการวิทยุทุกเช้าวันเสาร์"
กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป ก็เป็นการพิสูจน์ว่า อำนาจอธิปไตยของบ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับด้วยการเอาคลื่นความถี่ของ ส่วนรวมไปขายให้ต่างชาติ เอาสิทธิของประเทศชาติที่ได้สัมปทานดาวเทียมแต่กลับไปตกอยู่ในมือต่างชาติ เพราะฉะนั้นในฐานะตัวแทนประชาชน จึงขอบอกให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตัวเองก่อนที่บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หัวหน้าพรรคพลังธรรม กล่าวว่านายกรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ทำลายระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นมา รัฐบาลออกโครงการต่างๆ แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กลับมีการสร้างหนี้ให้แก่ประชาชนอย่างมหาศาล ไม่ว่าโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จนถึงโครงการเอสเอ็มอี ที่ไม่ได้สร้างรายได้ มีแต่ถูกรีดภาษีอย่างมหาศาล
ในทางกลับกันการซื้อขายหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป ที่ได้เงินกว่าหมื่นล้าน กลับเลี่ยงภาษี
สำหรับการเคลื่อนไหว เพื่อขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ในขั้นต่อไปนั้น นายไชยวัฒน์ กล่าวว่าจะมีการรวบรวมชื่อให้มากกว่านี้เพื่อยื่นผ่านสื่อมวลชน การที่เราไม่ไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพราะนายกฯ ไม่เคยให้เกียรติกับประชชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ในการออกมารับรู้ปัญหาของประชาชน เราจึงเชื่อว่า การยื่นผ่าน สื่อมวลชนผ่านการแถลงข่าว ก็ถือเป็นการยื่นจดหมายถึงนายกฯแล้ว แต่ถ้าในอนาคต หากนายกฯออกจากตำแหน่งแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องปล่อย ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ยกพระราชดำรัสอย่าให้คนชั่วปกครองประเทศ
นายประสาร กล่าวเสริมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่งว่า อย่าให้คนชั่วมาปกครองประเทศ ดังนั้น สถานการณ์เฉพาะหน้านี้ ที่เราออกมา เคลื่อนไหว ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า ท่านหมดความชอบในการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีจึงสมควรที่จะต้องออกไป
"ประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่เคยสิ้นคนดี เมื่อมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็คงจะไม่สิ้นคนดีที่จะขึ้นมาบริหารประเทศเช่นกัน โดยประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกผู้นำประเทศเอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเคยทำงานร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งท่านชอบมีมุมมอง และชอบพูด เป็นภาษาอังกฤษเสมอว่า "Fight in the losing war"
สำหรับการชุมนุมในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ถือว่า เป็นการชุนนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่ารัฐบาลคงไม่ใช้กำลังและความรุนแรง เพราะในประวัติศาสตร์ ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากประชาชนเพราะประชาชน มีแค่มือเปล่า ไม่มีอาวุธ แต่มาจากการใช้อำนาจของรัฐบาล ดังนั้นอยากให้รัฐบาล นำบทเรียนจากเหตุการณ์ 14 ตุลา,6 ตุลา และ พฤษภาทมิฬ นำมาทบทวน จึงอยากให้ ตำรวจ ทหาร ที่ยังมีใจเป็นธรรมอย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ส่วนการที่นายกฯ มองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นกลุ่มพวกขาประจำ และผู้เสียประโยชน์จากการบริหารงานของรัฐบาล นายสุเทพ อัตถากร กล่าวว่า จะว่าก็ว่าไป แต่ท่านต้องสมควรฟังว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร เพราะฉะนั้น ท่านยิ่งพูดยิ่งถือว่าขยายอุณภูมิของสถานการณ์ และ ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เรียกร้องให้นายกฯ ตั้งกองทุนช่วยเหลือคนยากจน 2 หมื่นล้านบาทนั้น ตนมองว่า ขอให้ทำขึ้นมาจริงๆ แต่อยากจะรู้ว่า เงินจะซื้อคน ซื้อใจของคนทั้งประเทศได้หรือไม่ ก็ให้มันรู้กัน
นายประสาร กล่าวเสริมว่าขาประจำตอนนี้ที่ออกมาไม่ใช่หน้าเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นการขยายขาประจำออกไป เพราะทุกคนหมดความอดทนต่อการ บริหารของนายกฯ โดยเฉพาะกรณีการเลี่ยงภาษี 2 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้ เกิดขาประจำที่ออกมาไล่นายกฯเต็มไปหมด
นายสุเทพ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ มักอ้างว่า 19 ล้านเสียง เลือกให้มาเป็นนายกฯว่า ท่านจะอ้างก็อ้างไป แต่อย่าลืมว่า ไม่ใช่เสียงของประชาชนของทั้งประเทศ และอยากถามว่า 19 ล้านเสียง ที่เลือกท่าน ยังจะอยู่ข้างท่านหรือไม่ เพราะประเทศไทยเป็นคนทั้งประเทศ
" 19 ล้านเสียงที่อ้าง จะเป็นของจริงอยู่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เวลามีเงื่อนไขของมัน ยิ่งนานวันเชือกยิ่งขมวดปม เขม็งเกลียว ยิ่งช้ายิ่งอันตราย ถ้าฉลาดก็จะมีทางเลือกที่งดงาม" นายสุเทพ กล่าว
คณาจารย์จุฬาฯ จี้แม้วลาออก
ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ และอาจารย์คณะอื่นๆของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กว่า 10 คน ร่วมกันเปิดแถลงข่าวผ่านจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีการก่อตัวปรากฏการณ์ "วิกฤตการณ์ความชอบธรรม และจริยธรรมของผู้นำประเทศ" ที่รุนแรงและชัดเจน โดยในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดจริยธรรมในการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยในหลายเรื่อง อาทิ การทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน การไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติ การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ การปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกขึ้นในระบบการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้กุศโลบายแจกเงิน เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง ฯลฯ และในกรณีล่าสุดคือ การขายหุ้นชินคอร์ป ของครอบครัวนายกฯ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบ้าน โดยไม่ต้องจ่ายภาษี
การขาดจริยธรรมในการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรี ทำให้ขาดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำของประเทศ เป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะยิ่งเป็นการทำลายศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประชาชนพลเมือง และจะนำไปสู่วิกฤตการณ์อื่นๆ ตามมา ดังเช่น ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตและปัจจุบัน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ คณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะอื่นๆ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอยื่นข้อเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังต่อไปนี้ 1.ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมโดยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที 2.ขอร่วมสนับสนุนผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อวางกฎเกณฑ์มาตรฐาน ทางการเมืองและจริยธรรมทางการเมืองใหม่ รวมทั้งมีการสรรหาผู้นำประเทศคนใหม่ ตามหลักประชาธิปไตยโดยเร็ว
ศ.ดร.อมรา กล่าวว่า หากการยื่นจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ ไม่มีการตอบรับจากนายกฯ ก็จะมีการทำจดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 2 ขึ้น ซึ่งในขณะนี้กำลังทำการล่ารายชื่ออาจารย์ใน ม.จุฬาฯทุกคณะอยู่ และนอกจากนี้ก็มีศิษย์เก่าที่ทราบข่าว ก็เข้าร่วมลงชื่อจำนวนมาก และส่วนเรื่องที่อาจารย์ในคณะรัฐศาสตร์คนใดจะไปร่วมในวันที่ 4 ก.พ.นั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่มีสิทธิ์ทำได้
รศ.ดร.พิทยา บวรพัฒนา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การแถลงการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงจุดยืนของความเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่เน้นสอนการเมืองการปกครอง และสอนให้เป็นคนดี ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จากการปกครองของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการปกครองที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล ตามตำราที่สอนนักศึกษาที่สอนว่า การเป็นนายกฯที่ดีนั้น มีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ 1.ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตัวเอง 2.มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา 3.จิตใจกว้างขวางมีความเป็นประชาธิปไตย 4.เป็นคนถ่อมตน ไม่ใช่ออกมาเยาะเย้ยถากถาง
แหล่งข่าวจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก็จะเป็นการลงจากตำแหน่งในฐานะคนร้ายของสังคม และ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะอยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุขไม่ได้ คงต้องอพยพครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ
คนเดือนตุลา-พฤษภาทมิฬตั้งวงไล่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ศูนย์ศึกษาวิภาวดี มหาวิทยาลับรังสิต ชมรมตุลาประชาธิปไตย ร่วมกับวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้จัดเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง "ยกเครื่องเมืองไทย ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่?" โดยมีผู้ร่วมเสวนาจำนวนมาก แทบทั้งหมดเป็นอดีตแกนนำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 14 ตุลา16 , 6 ตุลา19 และพฤษภา 35
น.พ.เหวง โตจิราการ เลขาสมาพันธ์ประชาธิปไตย อดีตแกนนำพฤษภาทมิฬ กล่าวว่า ขณะนี้คนที่เป็นปัญหาของสังคมคือตัว พ.ต.ท.ทักษิณ วานนี้(1 ก.พ.)เป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงปัญหาการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้ง และปัญหาการเสียภาษี แต่ท้ายที่สุดกลับเพิกเฉย ปล่อยให้นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกประจำตระกูล ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวแทน อีกทั้งนายสุวรรณ ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ประชาชนคลางแคลง ในหลายข้อได้
“วันนี้ชินคอร์ปอเรชั่น เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศไทย คุมอธิปไตยของชาติ 5 อย่าง คือ เรื่องดาวเทียม คลื่นโทรศัพท์มือถือ ไอทีวี สายการบินราคาถูก และ ธุรกิจบริการอินเตอร์เน็ต นายกรัฐมนตรีต้องตอบคนไทยทั้งชาติให้ได้ว่า เอาเส้นเลือดใหญ่ เอาอธิปไตยของชาติ ไปขายให้สิงค์โปร์ทำไม”
การขายหุ้นครั้งนี้ควรจะเป็นโมฆะ เพราะเป็นการขายอธิปไตยของชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หลังจากนี้จะไม่มีเพียงม็อบสนธิ แต่จะขยายวง กลายเป็นม็อบประเทศไทย ขอเสนอทางเลือกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเพื่อแสดงความรับรับผิดชอบ หรือยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ สำหรับคนเดือนตุลาฯ ที่เข้าไปอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปลี่ยนสี แปรธาตุไปหมดแล้ว เนื่องจากเมื่อคนเข้าใกล้ผลประโยชน์กิเลสภายใน จะเปลี่ยนคนให้เป็นมิจฉาชน
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานสมาพันธ์คุ้มครองผู้บริโภคไทย กล่าวว่า ปัญหาการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้ง และปัญหาการเสียภาษีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครังนี้นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่เกิดจากธนกิจการเมือง ตนเชื่อว่าเป็นจุดสุดท้ายของประเทศ และถือว่าการขายหุ้นครั้งนี้เป็นโมฆะ ขอเรียกร้องให้ประชาชน ลุกขึ้นมาฟ้องศาลปกครองถึงกรณีดังกล่าวว่าตลาดหลักทรัพย์กระทำความผิดที่เปิดให้มีการขายหุ้นผิดกฎหมาย วันนี้ภาคประชาชนต้องแช่แข็งไม่ให้หุ้นชินคอร์ป กระจายต่อไป
"หุ้นชินคอร์ปที่เพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลในระยะเวลา 5 ปี เกิดจากนโยบายรัฐเอื้อให้หุ้นเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาล ต้องพูดว่าเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท คือเงินของประชาชนที่ถูกธนกิจทางการเมืองปั่นและแปลงเป็นสินทรัพย์ของเอกชน ในเวลานี้ประชาชนถูกผู้มีอำนาจเอากฎหมาย เป็นอาวุธมาจี้ปล้นแทนปืน แม้ที่ผ่านมานายสุวรรณ วลัยเสถียร จะบอกว่าหุ้นชินคอร์ป มีการซื้อขายถูกต้องไม่ต้องเสียภาษี คำอธิบายดังกล่าวเป็นการทำให้สามัญสำนึกถูก ละเลย วันนี้อธิปไตยของชาติถูกขาย รัฐต้องยกเลิกสัมปทานทั้งหมดในหุ้นชินคอร์ป เวลานี้รัฐบาลเปรียบเสมือน ไส้ศึกที่เปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้ามา”ประธานสมาพันธ์คุ้มครองผู้บริโภคไทย กล่าว
น.ส.รสนา กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ถือเป็นฉบับที่ดีที่สุด หากแต่มีจุดอ่อนทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งเกินไป ขณะที่ภาคประชาชนอ่อนแอลงทุกขณะ จึงขอเสนอว่าคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี และครอบครัวในเจ็ดชั่วโคตร ต้องไม่มีสัมปทานเกี่ยวกับภาครัฐ อีกทั้งรัฐธรรมนูญต้องระบุว่า ประชาชนทุกคนเป็นผู้เสียหายในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับประเทศชาติ ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มักพูดเสมอว่า ตัวเขาถูกประชาชนทั้งสิบเก้าล้านเสียงเลือกเข้ามา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ นายกฯต้องฟังเสียงคนอื่นด้วย
"เราจะต้องไม่ให้สัมปทานประเทศกับคนที่ทำผิด เมื่อทำผิดประชาชนก็ต้องสามารถ re call มาได้ หรือขอกลับคืนมาได้ อย่างเช่น กรณีที่นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกตระกูลชินวัตร ระบุว่าการซื้อหุ้นโดยมีการติ๊กผิด ดังนั้นเราก็ต้องสามารถใช้คำว่า เมื่อประชาชน 19 ล้านเสียงติ๊กผิด เราก็ต้องขอคืนได้เพราะนักการเมืองไม่มี สคบ.และ อย.ไม่ผ่านคิวซี ไม่มีใบรับรองคุณภาพต้องส่งคืน อย่างปีที่ผ่านมา มีการทุบรถโชว์ นักการเมืองก็น่าจะมีอย่างนี้เพราะเขาไม่มีจริยธรรม"
นายพิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา อดีตแกนนำนักศึกษา 14 ตุลาฯ กล่าวว่า วัฒนธรรมการเมืองที่ดีวันนี้ถูกทำลายโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงเรียบร้อยแล้ว รัฐธรรมนูญต้องการให้ส.ส.สังกัดพรรค 90 วัน เพราะไม่อยากเห็นส.ส.ย้ายพรรคบ่อยๆ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อส.ส.กันยกพรรค ตั้งแต่ความหวังใหม่ จนถึงชาติพัฒนา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเคารพระบบรัฐสภา ทุกครั้งที่มีการตั้งกระทู้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เหยียบสภาเลย มีเฉพาะแถลงนโยบายหรือเรื่องสำคัญที่รัฐบาลอยากพูด แต่ไปสร้างวัฒนธรรมการเมืองผิดๆคือ พูดคนเดียวในรายการวิทยุวันเสาร์ ตัวแทนประชาชนถามในสภาท่านไม่ตอบ จัดรายการนายกฯพบสื่อก็ทำได้สองสามครั้งวงแตก เพราะเจอคำถาม วัฒนธรรมทางการเมืองถูกทำลายอย่างย่อยยับ นำไปสู่การถูกทำลายล้างความเป็นอิสระ และอธิปไตยของบ้านเมือง
นายพิเชฐ กล่าวว่าการขายหุ้นชินคอร์ป และยกสิทธิในการใช้ดาวเทียมให้กับสิงคโปร์นั้นเป็นการทำลายความภูมิใจของคนทั้งประเทศ เพราะสิทธิการปล่อยดาวเทียมนั้น ไม่ใช่ว่าแต่ละประเทศจะปล่อยกี่ดวงก็ได้ แต่สามารถปล่อยได้เพียงประเทศละ 1 ดวงเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสิทธิของประเทศไทยในการปล่อยดาวเทียม และได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีต่างๆมากมาย ดังนั้นการขายดาวเทียมให้กับสิงคโปร์เท่ากับสิทธิในประเทศไทยถูกขายไปโดยคนๆเดียว และที่สำคัญความเสียหายนี้มันกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และทางการทหาร
นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ อดีตแกนนำนักศึกษา 14 ตุลาฯ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญโดยนิติบัญญัติอย่าฝันต้องใช้วิธีอื่นเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเชื่อว่าไม่สามารถทำได้ เพราะผู้กุมเสียงข้างมาก 375เสียงไม่ต้องการให้แก้ไข วันที่ 4 ก.พ.นี้ ต้องไปช่วยกัน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้โดยวิธีปกติไม่ได้ แต่ต้องแก้ด้วยการจัดการกับรัฐบาลทักษิณ ที่เป็นปัญหาในการขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องจัดการกับทรราช และขอเรียกร้องให้สมุนทรรารช กลับใจ
"ความตื่นตัวของประชาชนที่ต้องการไล่รัฐบาลวันนี้มันสูงกว่าทุกเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาฯ หรือพฤษภาทมิฬ ประชาชนที่ไม่พอใจทักษิณ มีเต็มบ้านเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว วันที่ 4 ก.พ.ต้องแสดงพลังให้ทักษิณเห็น เขาควรจะออกไปจากตำแหน่งตามแจตนารมณ์ของประชาชนได้แล้ว"นายการุณ กล่าว
จับมือประสานเสียง ทักษิณออกไป
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา กล่าวว่า บรรยากาศทางการเมืองขณะนี้เหมือนช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ประมาณ 3 เดือน ประชาชนอยู่ในขั้นการตัดสินใจเลือกข้าง ขณะที่สื่อก็กระพือข่าวโหมกระแส ทำให้พรรคสามัคคีธรรมแตกตัว ในวันที่ 4 ก.พ.เป็นเวทีที่ประชาชนตัดสินใจรวมพลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สถานการณ์ขณะนี้เราต้องจัดการที่ตัวบุคคล เพราะตัวบุคคลได้เข้าถึงขั้นเอาไว้ต่อไม่ได้อีกแล้ว มีลักษณะเด่นๆ 3 ประการคือ 1.เอาเงินของรัฐสร้างคะแนนเสียงให้ตัวเอง และคอร์รัปชั่น ปีละ 1 ล้านล้านบาท 2. ขายสมบัติชาติ ถือว่ารุนแรงมาก 3.ธุรกิจการค้าไร้ศีลธรรม รุนแรงแบบลึกคนบาป ขูดรีด เขมือบโภคทรัพย์ของชาติ
"วันนี้ตัวผู้นำประเทศเป็นปัญหาหลักของชาติ เพราะคนๆนี้มีพลังพิเศษครอบงำระบบได้แบบสิ้นเชิง ถือเป็นบุคคลอยู่ในพัฒนาการขั้นสุดท้ายของทุนนิยมอันตราย ไม่มีทางสามานมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ขณะนี้ทุนนิยมอันตรายได้ก้าวถึงขั้นครอบครองโภคทรัพย์จำนวน 1.5 แสนล้านบาท เท่ากับโภคทรัพย์ของคนยากจนรวมกัน 15 ล้านคน ซึ่งเป็นเกณฑ์ของสภาพัฒน์ ขณะนี้ทรัพยากรของชาติถูกสูบจนโลหิตจางกันหมดแล้ว"
นายทวีเกียรติ ประเสริฐเจริญสุข รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สำหรับมหาวิทยาลัยรังสิตนั้น อธิการบดีได้มีความเห็นตรงกับสถาบันการศึกษาต่างๆเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงชื่อเพื่อขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติบทบาทเพื่อให้แผ่นดินอยู่รอด
"เราคงยอมไม่ได้อีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียวที่จะให้ผู้นำคนนี้มีอำนาจ เพราะคนๆนี้ปล้นชาติ ขายแผ่นดินยังน้อยไป ถ้าไม่จัดการออกไปเราจะไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาภาคใต้ ปัญหาความยากจนได้เลย" นายทวีเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการเสวนา อดีตผู้นำการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ลุกขึ้นยืนคล้องแขนกันพร้อมตะโกนว่า"ทักษิณ...ออกไป" พร้อมทั้งประกาศว่า ถึงเวลาที่ต้องทวงอำนาจคืนจากคนเพียงตระกูลเดียวให้กลับมาเป็นของประชาชน และได้เรียกร้องให้ประชาชนรวมพลังกันในวันที่ 4 ก.พ.ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า
วิญญาณมาร์กอสกวักมือเรียกแล้ว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ออกมาเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้นชินคอร์ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
"ประชาชนเอือมระอา วิญญาณมาร์กอส มากวักมือเรียกแล้ว ว่าให้ส่งคนที่ท่านรักไปขึ้นเครื่องบินเที่ยวสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ขึ้น การกระทำเช่นนี้ผิดจริยธรรม ของผู้ปกครอง ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ขอเรียกร้องให้นายกฯลาออก จากตำแหน่งเพราะหมดความชอบธรรมที่จะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว ส่วนการ บริจาคเงิน 1 พันล้านบาท ให้มูลนิธิไทยคม ก็เหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด" นายชูวิทย์ กล่าวว่า
แม้วหยามเป็นอาจารย์ยังปล่อยให้เขาจูง
เมื่อเวลา 16.40 น.วานนี้ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต พร้อมคณาจารย์ประมาณ 20 คน ได้นำกระเช้าดอกไม้ พร้อมรายชื่ออาจารย์ที่ให้กำลังใจมามอบให้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลงมารับด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย น่าเสียดายเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระองค์ทรงให้พระบรมราโชวาทให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน มันเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้รับฟัง ตอนนี้คนส่วนน้อยมาบอกว่า จะต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ เพื่อความสะใจของเขาไม่ได้หรอก จะต้องเลือกคนส่วนใหญ่ เพราะตนมีภารกิจเรื่องคนส่วนใหญ่เยอะ คนส่วนใหญ่ยังรอความหวังอีกเยอะ แต่ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์แม่ และทุกคนที่มาให้กำลังใจ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ในวันเสาร์นี้ จะพูดในรายการนายกฯทักษิณ คุยกับประชาชน จะต้องอธิบายให้เข้าใจ เพราะเรื่องราวถูกบิดเบือนไปมาก แต่ตนไม่สนใจ จะทำงานต่อไป เพราะคนเลือกเรามา 19 ล้านคน แต่แน่นอนคนที่ไม่เลือกเราก็มี เลือกประชาธิปัตย์ 7 ล้านกว่า น้อยกว่าคนที่เลือกเรา เมื่อมันเป็นระบบ ถ้าเราไม่ยอมรับกติกา ก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร บ้านเมืองเราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ โดยเฉพาะการเป็นอาจารย์ ต้องประสิทธิประสาทวิชาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าโดนใครจูงไปเรื่อย
จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่ง โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวว่า นายกฯจะลาออก ทำให้หุ้นตกมาก พ.ต.ท.ทักษิณ หันมากล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ชาติหน้าสายๆ ถึงจะลาออก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง ไม่ต้องห่วง"
เมื่อถามว่าไม่กังวลเรื่องการชุมนุมวันที่ 4 ก.พ.นี้ ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีทาง พร้อมกับก้าวขึ้นรถทันที