xs
xsm
sm
md
lg

การเดินขบวนใหญ่ขับไล่นายกฯ 4 กุมภาพันธ์ กับการคืนพระราชอำนาจ (1)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ผมขอตอบคำที่ผมถูกกระหน่ำถามซ้ำแล้วซ้ำอีกดังต่อไปนี้

1. เรื่องการเดินขบวนขับไล่นายกฯ 4 กุมภาพันธ์นี้

1. ผมจะไปหรือไม่ ผมจะไม่ไปร่วมเดินในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ แต่ผมสนับสนุนให้ไปกันมากๆ จนมืดฟ้ามัวดินก็ยิ่งดี ถ้าหากผู้ที่ไปมีความเชื่ออย่างเดียวกับผมคือเชื่อว่าปรากฏการณ์สนธิเป็นการต่อสู้เพื่อ หนึ่ง สิทธิเสรีภาพที่ถูกครอบงำโดยรัฐบาล สอง ต่อต้านคอร์รัปชันที่กระทำ และปกปิดโดยรัฐบาลและพวกพ้องบริวาร สาม ยกระดับพัฒนาการเมืองไทยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง

2. ทำไมผมจึงไม่ไป หนึ่ง เพราะผมต้องไปต่างจังหวัด เพื่อการศึกษาของลูกหลานตาดำๆ สอง ผมเป็นปัญญาชนอิสระมีหน้าที่ผลิตยา ยาของผมร้านไหนต้องการเอาไปขาย ผมก็ยินดี เช่น ร้านผู้จัดการ ร้านไทยโพสต์ และร้านมติชน ส่วนจะมีใครซื้อยาของผมไปกินหรือไม่ ผมไม่มีหน้าที่ไปกะเกณฑ์ รัฐบาลหรือสนธิก็ไม่ต่างกัน สาม คราวนี้ผมมิใช่หัวขบวนของการถวายพระราชอำนาจตามคำกล่าวหา ผมเรียกร้องเรื่องคืนพระราชอำนาจมาตั้งแต่ ปี 2514, 2528 ทั้งพูดทั้งเขียนทั้งเดินครบทุกอย่างแต่ไม่สำเร็จ คนไทยฆ่ากันเลือดนอง ผมไม่อยากเห็นเช่นนี้อีก จึงเล่าความคิดและประสบการณ์ของผมให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์

3. มีผู้ถามที่อายุเกือบ 80 บ้าง เป็นข้าราชการบ้าง เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ
บ้างถามว่าควรไปหรือไม่ เพราะอะไร ตอบในข้อ 1 แล้ว ขอขยายความในข้อ 1 สาม ว่าการยกระดับพัฒนาการเมืองไทย รวมทั้งการรู้จักเดินขบวน การประท้วง การตรวจสอบรัฐบาลทุกรูปแบบ ภายใต้กฎเกณฑ์ประชาธิปไตยที่สงบสันติ ยิ่งทำบ่อยๆ ก็ยิ่งเก่งขึ้น จะเป็นการให้บทเรียนแก่ขบวนการประชาชน และรัฐบาล ตลอดจนผู้นำไปในตัวพร้อมๆ กัน หากผู้นำและรัฐบาลยังไม่สำนึก การประท้วงอาจต้องยกระดับขึ้นไปสู่การไม่เคารพเชื่อฟังคำสั่งรัฐบาล (Civil Disobedience) และการต่อต้านโดยสงบ (Passive Resistance) อันอาจนำไปสู่การหยุดงานทั่วประเทศ ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของการประท้วงในครรลองประชาธิปไตย ก่อนที่ประชาชนจะลุกฮือขึ้นขับไล่รัฐบาลที่เป็นกบฏต่อประชาชนและประเทศชาติ เพราะการกระทำของผู้นำหรือรัฐบาลล้มล้างความชอบธรรมในการปกครองของตนเองด้วยการกดขี่คดโกง และทำลายผลประโยชน์บ้านเมือง

4. ปรากฏการณ์สนธิไม่น่าจะเกิดถ้าหากเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะพอ ปรากฏการณ์สนธิเป็นปฏิกิริยาต่อปรากฏการณ์ทักษิณ ซึ่งสร้างความสงสัยในเรื่องทุจริตคดโกงอย่างมโหฬาร แล้วไม่ยอมตอบคำถามซ้ำกลั่นแกล้งกดขี่สื่อ ถ้าไม่มีกรณีดังกล่าว ปรากฏการณ์สนธิน่าจะเป็นเพียง investigative report หรือการรายงานข่าวแบบเจาะลึก เหมือนคดีวอเตอร์เกตของอเมริกา เมื่อสภาและองค์กรต่างๆ ของรัฐและสังคมได้รับทราบแล้วก็พากันรับลูกต่อไปตามครรลองและความรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องเปิดรายการด่ารายสัปดาห์ ซึ่งใช้ถ้อยคำเผ็ดร้อนรุนแรงเกินกว่าความพอดี และจริยธรรมของการเสนอข่าวในสื่อทั้งประเภทพิมพ์และกระจายเสียงทั่วไป บัดนี้ปรากฏการณ์สนธิได้ใหญ่โตขึ้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองไปเสียแล้ว

5. มีข้อแนะนำอะไรบ้าง มีข้อแนะนำทั้งฝ่ายประท้วงและฝ่ายรัฐบาล ความจริงได้เขียนมาก่อนแล้วหลายฉบับ แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ผู้ประท้วงต้องยึดหลักอหิงสาของมหาตมะ คานธีอย่างเคร่งครัด ถึงแรงมาก็อย่าแรงตอบ พยายามอย่าตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุ หรือตกหลุมพราง ระแวดระวังมือที่สาม แนวที่ห้าหรือพวกผสมโรง สำหรับรัฐบาลขอแนะนำเป็นพิเศษว่าเป็นผู้นำต้องหนักแน่น และเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างจริงใจ อย่าจัดม็อบชนม็อบเป็นอันขาด ต้องอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้กับผู้ประท้วงแม้แต่น้ำดื่ม ปฐมพยาบาล และที่ปัสสาวะก็ต้องทำ ประเทศที่เจริญเช่น อังกฤษและญี่ปุ่นเขาช่วยยิ่งกว่านี้ ตำรวจที่รัฐบาลส่งไปต้องอยู่ภายใต้คำสั่งและการบังคับบัญชาอย่างเข้มงวด มีบัญชีรายชื่อ ยศและสังกัดที่แน่นอน ที่ขอนแก่นนั้นเป็นตัวอย่างความเลว อย่ากระทำซ้ำอีก และข่าวลือที่ว่าตำรวจจะยั่วยุเพื่อหาโอกาสบดขยี้ให้ทหารแทรกแซงจนกระทั่งเกิดการใช้กำลังประกาศภาวะฉุกเฉินหรือมีปฏิวัติและปฏิวัติซ้อนเพื่อรักษาอำนาจนั้น เพียงแต่คิดก็ขออย่าให้มี

6. ผู้ที่เห็นด้วยกับสนธิแต่ไปไม่ได้จะทำอย่างไร การแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนั้นทำได้หลายอย่าง หากอยากร่วมพลังกับสนธิ ก็ซื้อโปสการ์ดส่งไป เขียนจดหมายไป โทรศัพท์ไป นัดกันเปิดไฟหน้ารถตอนกลางวัน นัดประชุมย่อย นั่งประท้วง เดินประท้วง ฯลฯ

7. ผู้ที่เชียร์รัฐบาลและคัดค้านสนธิควรทำอย่างไร ก็ทำอย่างเดียวกัน เพราะมีสิทธิและเสรีภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่อย่าเลือกเวลาและสถานที่เดียวกัน อย่าไปป่วนกัน แบบม็อบชนม็อบ เพราะปรากฏการณ์สนธิยังมิใช่ม็อบ หากอยากใช้วิธีการสงเคราะห์อัศวินควายทักษิณแบบคุณหมอเสมเคยทำ ก็ส่งจดหมายไปที่คุณหมอเสม อีกสัก 19 ล้านฉบับ

ทางที่ดีรัฐบาลควรสั่งให้ไปรษณีย์รับและส่งให้ฟรี เหมือนกับรัฐบาลสหรัฐฯ รับและส่งจดหมาย-โทรเลขของผู้ประท้วงสงครามเวียดนามให้ฟรี รัฐบาลจะได้รับรู้ความรู้สึกอันแท้จริงของประชาชน

8. ผมขอย้ำว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ อย่าห่วงสนธิว่าจะทำอะไร จงห่วงแต่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ถึงแม้สนธิจะประกาศไม่ห่วงตัวเองแล้ว ผมก็ไม่อยากเห็นสนธิเป็นแพะบูชายันต์ ผมว่า รัฐบาลจะทำอะไรกับสนธิ ย่อมสำคัญไม่เท่ากับรัฐบาลทำอะไรกับประชาชนและประเทศชาติทั้งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จงอย่าหาเหตุปกปิดความผิดจนเกินกว่าเหตุ จงน้อมเอาพระราชดำรัสในหลวงใส่หัวใส่เกล้าให้จริงจังสักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ดำรัสว่า “คนที่พยักหน้านี่ไม่ได้แก้ไข นี่ผิดตรงนี้ที่ไม่ได้แก้ไข หลบ..หลบความรับผิดชอบ มันเป็นอย่างนั้น คือ มันในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทำอะไรไม่ค่อยเข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้ว ไม่ผิดอะไรเลย”

ผมไม่มีโอกาสดูทีวี จึงไม่ทราบว่าคนที่พยักหน้ามีกี่คน เป็นใครบ้าง นั่งแถวหน้าหรือแถวหลัง แต่ปรากฏการณ์สนธิได้พยายามบอกว่าใครบ้างที่ทำอะไรไม่ค่อยเข้าร่องเข้ารอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี ท่านนายกฯ พยักหน้าหรือเปล่า ถ้ามิได้พยักแล้วทำไมสนธิจึงจะมาเคี่ยวเข็ญให้นายกฯ ลาออก

ฟังดู ได้ยินว่าสนธิรวบรวมคำถามตั้ง 40 คำถาม ซึ่งหนักหนาสากรรจ์กว่าการทำอะไรที่ไม่เข้าร่องเข้ารอยเสียอีก เช่น การกระทำไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง การกดขี่คดโกงและทำลายผลประโยชน์บ้านเมือง นายกฯ กลับปิดปากเงียบไม่ยอมตอบ ซ้ำลูกน้องของนายกฯ หรือลูกน้องของลูกน้องนายกฯ ต่างก็ลุแก่อำนาจพากันมารบกวนข่มเหงการใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชนมือเปล่าๆ เสียอีก

ด้วยเหตุดังนี้ เขาจึงพากันกู่ตระโกน “ออกไป ออกไป ออกไป” ซึ่งนายกฯ ไม่จำเป็นจะต้องประสาทหลอน แต่ควรจะมีขันติอดทนฟังที่เขาพูด และตอบกลับอย่างมีเหตุผล ว่าเขาพูดเหลวไหลปั้นน้ำเป็นตัว ไม่ควรเชื่อถืออย่างไร

ถ้านายกฯ ไม่เข้าใจ ถูกโลภะ โมหะ โกรธะ และมานะเข้าสิง ปล่อยให้ลูกน้องสอพลอออกมาครอบงำโต้ตอบด้วยกำลังอำนาจที่ไม่เป็นธรรม บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ (อ่านต่อฉบับวันศุกร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น