xs
xsm
sm
md
lg

"แม้ว"ไขสือข้อหาซุกหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ทักษิณ"เลี่ยงตอบข้อหาซุกหุ้น “เลี้ยบ”สวมบทโฆษกนายกฯอ้าง “ทักษิณ” ไม่จำเป็นต้องตอบขายหุ้นชินคอร์ป โบ้ยคลัง-ก.ล.ต.-ตอบแทน “กรณ์”จับตาสิงคโปร์หวั่นแลกสิทธิพิเศษจากรัฐบาลไทย ชงเรื่องเข้า กมธ.เศรษฐกิจ สภาเรียกข้อมูล หน่วยงานเกี่ยวข้อง "กอร์ปศักดิ์"ชี้แม้วไม่ตอบเรื่องขายหุ้นให้ลูกเพราะตอบไม่ได้ "ไกรศักดิ์" ชี้หนุนสิงคโปร์ผงาดกระทบความสัมพันธ์มาเลย์ นำเข้าที่กรรมาธิการตปท. ชูวิทย์ แฉทิ้งทวน 10 ประเด็นซัดแม้วผลาญชาติ "หมอนิรันดร์"หนุนภาคประชาชนเอาไอทีวีคืนจากสิงคโปร์ วงในระบุรายย่อย-กองทุนขายคืนหุ้นชินฯหมดหวั่นออกจากตลาดฯ

วานนี้(27ม.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลี่ยงที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวประเด็นการซุกหุ้น โดยช่วงเช้ากล่าวทักทายผู้สื่อข่าว"ซิน เจี่ย ยู่ อี่ ซิน นี้ ฮวด ใช้"โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ส่วนช่วงบ่าย(13.30 น.) ได้ชักชวนผู้สื่อข่าวว่า “ไปกินขนมเข่งกันเถอะ” ทั้งๆที่ไม่มีขนมเข่ง อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามถึงประเด็นการซุกหุ้น แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ปฎิเสธที่จะตอบข้อซักถาม โดยพยายามตัดบท เดินเลี่ยงไป

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขายหุ้นเครือชินคอร์ปอร์เรชั่น ให้กลุ่มเทมาเสกโฮลดิ้ง ไม่กระทบกับรัฐบาลไทย ส่วนกระบวนการต่างๆ ที่มีการเจรจาซื้อขายก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย หากมีมาตรฐานอย่างไรก็ให้ยึดไปตามนั้น ส่วนการตรวจสอบเป็นธรรมดาที่บุคคลสาธารณะจะถูกตรวจสอบ ซึ่งก็ต้องยอมรับ ผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อมีข้อมูลก็ควรออกมาชี้แจง อะไรที่คลาดเคลื่อนก็จะกระจ่าง เป็นบทบาทผู้เจรจาซื้อขายหุ้นจะได้มาชี้แจง

ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการขายหุ้น นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า ในแง่รายละเอียดการซื้อขายหุ้นรัฐบาลไม่มีข้อมูลไม่สามารถชี้แจงได้ แต่เชื่อว่าในส่วนของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หากมีข้อมูลก็สามารถชี้แจงได้

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ยอมชี้แจงกรณีที่ Ample Rich Investments Limited (แอมเพิล ริช) ขายหุ้นให้แก่ลูกในราคาหุ้นละ 1 บาท ซึ่งส่อว่าจะเป็นการซุกหุ้น ว่า ไม่ชี้แจงก็เพราะตอบไม่ได้ ตอนนี้จึงไม่สนใจแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะตอบอย่างไร แต่ต้องการเรียกร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ก.ล.ต. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ที่ต้องดูเรื่องเส้นทางเดินของเงิน เพราะอาจจะเป็นการฟอกเงินด้วย ปฏิบัติหน้าที่ ตรวจสอบเรื่องนี้ สมกับที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนและ ทำหน้าที่สมกับเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ส่วนที่ส่อว่าการซุกหุ้น จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะตนมีหน้าที่นำเอาข้อเท็จจริงขึ้นมา ส่วนการปฏิบัติต้องปรึกษากับพรรค คงไม่ทำอะไรด้วยตัวของเราคนเดียว

*ขุนพลปชป.แบ่งงานสอบซุกหุ้น

ด้านคณะทำงานตรวจสอบการซื้อขายหุ้นเครือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรให้กับกลุ่มทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการประชุมนัดแรกเมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ โดยมีแกนนำของพรรคเช่นนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค อดีตรมช.คลัง นายพิเชษฐ พันธ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ อดีตรมช.คลัง นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา

นายกรณ์ กล่าวว่า จาการรวบรวมประเด็นและแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ได้แบ่งงานให้แต่ละคนไปทำการบ้านเพื่อตรวจสอบว่าการขายหุ้นในครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมาย ประเพณี และความชอบธรรมในทุกแง่มุมหรือไม่ รวมทั้งดูว่ามีการใช้อำนาจของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ซื้ออย่างไร เพราะหากเป็นจริงตนคิดว่านอกจากประเทศไม่ได้อะไรจาการซื้อขายหุ้นครั้งนี้แล้วยังจะมีความเสียหายด้วย เพราะต้องยอมรับว่าที่สิงคโปร์เข้ามาซื้อด้วยเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์บวกกับเหตุผลทางธุรกิจและความมั่นคงของประเทศเขา

“ซึ่ง ถ้ามีการมอบสิทธิพิเศษให้กับสิงคโปร์จริงก็ถือเป็นการกระทำที่มิชอบ เพราะเรื่องของการขายหุ้นนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคอยติดตามดูพฤติกรรมจากนี้ไปว่าจะส่อให้เห็นข้อตกลงในระดับรัฐบาลที่มีต่อสิงคโปร์หรือไม่”

การตรวจสอบจะต้องย้อนไปถึงการโอนหุ้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสู่ญาติพี่น้อง ที่กรมสรรพากรยังตอบไม่ชัดเจน รวมถึงกรณีการกฎหมายที่ออกมาใหม่หากจำไม่ผิดรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณเองเคยออกมาแก้ให้จากเดิมที่เคยให้ต่างชาติถือหุ้นได้ร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 25 เพื่อสกัดการเข้ามาของทุนต่างประเทศในบริษัทคู่แข่ง ก่อนเห็นสมควรที่จะปรับแก้กฎหมายให้ขึ้นไปอยู่ในระดับเดิม เมื่อเริ่มจะขายหุ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

ส่วนจะเป็นการซุกหุ้นอีกครั้งขอศึกษาเพิ่มเติมเพราะสลับซับซ้อนแต่ควรจะต้องมีคำตอบอย่างน้อยต้องมีความพยายามที่จะเข้าถึงข้อเท็จจริง รวมถึงประเด็นการไม่เปิดเผยทรัพย์สินอย่างแท้จริงต่อป.ป.ช. เป็นอีกแง่มุมที่ต้องศึกษา

"ขอให้ไปตีความกันเองว่าทำไมนายกฯ ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าหลังจากที่พรรคประมวลเรื่องนี้เสร็จจะทำให้ประชาชนเห็นเห็นถึงความเป็นนักธุรกิจมากขึ้น มากกว่าการเป็นนายกฯ"

*เตรียมเรียกแจงข้อมูลอินไซด์

นายกรณ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีปล่อยข่าวสร้างราคาหุ้นหรือไม่จะยังไม่ด่วนสรุป แต่ในวันที่ 1 กพ.นี้ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ สภา จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ก.ล.ต.) มาชี้แจง โดยจะมีระดับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย รวมทั้งตนก็จะร่วมเข้าซักถามด้วย คาดว่าน่าจะเป็นโอกาสแรกที่จะได้ขอข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าทั้งหมดนี้คือปัญหาของการตรวจสอบและการดูแลรักษาผลประโยชน์ในแง่ของธุรกิจหลัก ๆ ของประเทศในเรื่องของสรรพากรก็จะเป็นปัญหาบรรทัดฐานเป็นทางเลี่ยงภาษี ทั้ง ๆ ที่กรมสรรพากรก็รณรงค์กันอยู่ที่ให้ทุกคนช่วยกันเสียภาษี โดยคาดว่าคณะทำงานฯจะสามารถรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นได้ภายใน 1 เดือน ซึ่งจะชี้ชัดได้ว่าเจตนาที่แท้จริงคืออะไรเกี่ยวข้องกับใคร หรือหน่วยงานใด และหลังจากนี้ ก็จะทำหนังสือถึง ก.ล.ต.เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการขายหุ้นครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชัดเจนขณะนี้ คือ ครอบครัวชินวัตรไม่ได้ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา

*ชูวิทย์ จับผิด10ประเด็นฉาว

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคพรรคชาติไทย แถลงถึงการผลาญชาติ 10 ประเด็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ก่อนเข้าบริหารประเทศตระกูลชินวัตร มีมูลค่าหุ้น 32,000 ล้านบาท ผ่านไป 5 ปีมีเงินเพิ่มขึ้น 134,000 ล้านบาท เพราะได้กระทำการต่อไปนี้คือ

1.แปรสภาพคู่สัญญาและคู่แข่งของเอไอเอส คือ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)เป็นทศท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้ทศท. อ่อนแอลง ขณะเดียวกันเอไอเอสเข้มแข็งขึ้น

2.รัฐบาลสั่งการให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)แปรสภาพเป็นบริษัท กสท.โทรคมนาคม ยกเลิกการประมูลสัมปทาน เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ซีดีเอ็มเอ เฟสที่ 2 ที่นายลีกาชิง มหาเศรษฐี ชาวฮ่องกง เจ้าของบริษัทฮัทชิสัน ชนะประมูลแล้วกลับให้กสท.ลงทุนเอง และเมื่อรัฐเป็นผู้กำกับดูแลก็ทำให้ กสท.อ่อนแอลง ผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับบริษัท เอไอเอส

3. ปี 2546 รัฐบาลตรา พระราชกฤษฎิกาให้กระทรวงการคลังจัดเก็บภาษี สรรพสามิตกิจการโทรคมนาม โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ โดยไม่กระทบรายได้สัมปทานของผู้ประกอบการรายเดิม กีดกันผู้ประกอบการรายใหม่จนไม่มีผู้เข้ามาแข่งขัน

4. บริษัท เอไอเอส แก้สัญญาร่วมงานกับบริษัท ทศท.ในการจ่ายเงินชดเชย ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบพรีเพดวันทูคอลให้ลดลงจาก 25 % เหลือเพียง 20 % ทำให้รัฐเสียรายได้ 1,600 ล้านบาทต่อปี โดย เอไอเอสได้ประโยชน์ 5.กระทรวงการคลัง ยกเลิกภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10 % เป็น 0 % ทำให้บริษัท เอไอเอส มีกำไรเพิ่มขึ้น

6.มีการลดค่าสัมปทานไอทีวี เหลือเพียง 150 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งเปลี่ยนเงื่อนไข ให้มีรายการบันเทิงเข้ามาทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นอีก รวมแล้ว ไอทีวีจะได้กำไร 57,000 ล้านบาทภายใน 20 ปี 7.บริษัท ชินคอร์ปฯลงทุนใน สายการบิน แอร์เอเชีย ซึ่งถือเป็นคู่แข่งของสายการบินไทยทำให้การบินไทยอ่อนแอ ปัจจุบัน แอร์เอเชีย มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 120 เที่ยวต่อเดือน ทับซ้อนเส้นทางของ สายการบินไทย

8.ในปี 2547 พัฒนาสนามบินเชียงใหม่เป็นฮับเพื่อประโยชน์ของแอร์เอเชีย และยกเลิกเส้นทางการบินไทยหลายเส้นเพื่อหลีกทางให้แอร์เอเชีย

9.ดาวเทียมไอพีสตาร์ จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีนและอินเดีย ซึ่งเชื่อมโยงกับการเจรจา เอฟทีเอ ทั้งสิ้น ทำให้ผลประโยชน์เพิ่ม แต่รายได้ของประเทศลดลง

และ10.ออก พ.ร.บ.ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในกิจการโทรคมนาคม จาก 25 % เป็น 49 % ส่งผลให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก กล้าเข้ามาลงทุน ซึ่งนายกฯก็ปฎิเสธว่าไม่เกี่ยว แต่คิดว่าถ้าไม่มีการวางแผนเป็นกระบวนการคงทำไม่ได้ เพราะเทมาเสก เป็นแขนขา ของรัฐบาลสิงคโปร์ ปัจจุบันถนนสุขุมวิทกว่าครึ่งถูกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของ สิงคโปร์ ซื้อแล้ว รวมทั้งโรงแรมต่าง ๆที่เป็นระดับ 5 ดาวในกทม.ด้วย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะ มอบให้พรรค เพื่อเป็นข้อมูลในการอภิปรายรัฐบาลในสมัยหน้า เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต ในโครงการแอร์พอร์ตลิ่ง สนามบินสุวรรณภูมิบางส่วน ภาษีที่เกี่ยวข้องกับ รมว.คลัง ย้อนไปถึง รมว.คมนาคม ที่ช้ำแล้ว

*นักลงทุนเล็งขายคืนหุ้นชิน

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา กล่าวกล่าวเรียกร้องให้ภาคประชาชนและกลุ่มทุนในประเทศหาแนวทางที่จะขอซื้อหุ้นไอทีวี กลับคืนจากกลุ่มทุนสิงคโปร์เพื่อป้องกันการครอบงำสื่อของทุนข้ามชาติ ดังนั้นแนวทางในการจะทำพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ต้องมีการกำหนดสาระสำคัญที่จะป้องกันกลุ่มทุนข้ามชาติไม่ให้เข้ามาครอบครองสมบัติของชาติได้และอยากทราบว่าทำไมคณะกรรมการกำกับกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ไม่ออกมาเคลื่อนไหวและตรวจสอบเรื่องนี้เพราะการซื้อขายครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่และจะมีผลกระทบมาก

ด้านแหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า เมื่อมีการเปิดรับซื้อหุ้นบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่นคืนจากรายย่อยในราคา 49.25 บาท นั้นเชื่อว่าบรรดานักลงทุนรายย่อย และสถาบันจะนำหุ้นมาขายคืนจนหมด เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าจะมีการนำหุ้นชินคอร์ปฯออกจากตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งราคาดังกล่าวก็เท่ากับมูลค่าทรัพย์สินของชินคอร์ป

นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภา กล่าวว่า เชื่อเลยว่าการเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหรัฐ ที่สหรัฐขอให้เราเปิดเสรีโทรคมนาคมด้วย และที่ผ่านมารัฐบาลไทยก็ลังเลที่เอาบริการโทรคมนาคมไปแลก แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ รัฐบาลคงจะยอม เพราะมันไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของไทยอีกแล้ว เป็นทรัพย์สมบัติของสิงคโปร์ที่ถูกขายโดยคนไทย ครั้งนี้มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ชัดเจน เพราะมันพิสูจน์แล้วว่านายกฯได้ประโยชน์ส่วนตัว ท่านยอมรับว่า เป็นบริษัทของครอบครัว ไม่ใช่ของลูก โดยหลังจากขายหุ้นสำเร็จ ก็ออกมาพูดในนามเจ้าของบริษัทชินคอร์ปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านพยายามเลี่ยงที่จะพูดเรื่องบริษัทตัวเองมาตลอด

กรรมาธิการต่างประเทศจะประชุมในวันอังคารนี้เพื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากการที่ชินคอร์ปขายหุ้น ทั้งในด้านการลงทุนจากต่างประเทศในไทยตลอดจนเรื่องผลกระทบด้านความมั่นคงและการขายหุ้นครั้งนี้จะถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ โดยเชิญโดยจะเชิญตัวแทนจาก ก.ล.ต. กรมสื่อสารทหาร นักวิชาการ ซึ่งถ้าพบประเด็นทุจริตก็จะส่งเรื่องให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา ที่มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.เป็นประธานพิจารณาต่อไป

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ประเทศมาเลเซียจะคิดอย่างไรกับไทย ที่เห็นผู้นำของเราผูกพันใกล้ชิดกับสิงคโปร์ ซึ่งประเทศในภูมิภาคเขาก็ระแวง พยายามควบคุมอัตราส่วนของสิงคโปร์ไม่ให้มีอิทธิพล ในภูมิภาคมากเกินไป เพราะที่ผ่านมาสิงคโปร์มีเงินทุนสำรองมาก ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เรื่องนี้จะมีผลต่อความรู้สึกของมาเลเซียหรือไม่ที่จะร่วมมือกับเราแก้ปัญหาภาคใต้ เพราะสิงคโปร์กับมาเลเซียทะเลาะกันทุกปี

“ผมเชื่อว่า เงิน 73,000 ล้านบาท นายกฯ คงไม่เก็บฝากดอกเบี้ยในธนาคาร หรือ แช่เงินไว้ตู้เย็นเฉย ๆ แต่ต้องนำมาลงในด้านอื่นแน่ โดยอาจนำไปลงทุนต่างประเทศ เช่น นิวยอร์ค ลอนดอน เพื่อหนีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ไม่ว่าเงินจะนำไปต่อยอดที่ไหน ก็เป็นเงินของคนไทยที่เสียค่าบริการให้ท่านมาตลอด”

นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ในแง่การแข่งขันระหว่างบริษัทมือถือด้วยกัน มีเสียงร้องเรียนจากผู้ประกอบการด้วยกันไม่ว่า ดีแทค ออเร้นจ์ ที่ขอให้มีการปรับปรุงระบบบริหารโทรคมนาคมใหม่หลังเอไอเอสเปลี่ยนมือเป็นของสิงคโปร์ ซึ่งถ้าย้อนรอยการออก พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม ในช่วงแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พบว่า บริษัทครอบครัวนายกฯ ได้ประโยชน์มาตลอด จากเนื้อหาที่แก้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติให้เหลือไม่เกิน 25% จาก 49% ขณะนั้นเมื่อกฎหมายนี้ออก ผู้ประกอบการหรือหุ้นส่วนของไทย ต้องสูญเงินมหาศาลเพื่อที่จะทำตามกฎหมาย ถึงขั้นที่ว่า นายบุญชัย เบญจรงคกุล ต้องขายกิจการยูคอมให้ต่างชาติ แต่ขณะนี้โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติเป็น 49% มันทำให้คู่แข่งของนายกฯอ่อนแอขณะที่นายกฯ ใช้โอกาสนี้ ขายหุ้นชินคอร์ปเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างมากมายมหาศาล

นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทที่รัฐบาลควรปกป้องคือ บมจ.ไทยเบจเวอร์เรจ ที่ผลิตเบียร์ช้าง แม้จะมีกระแสคัดค้านไม่ให้เข้าตลาดหุ้นไทยจากพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งห่วงเรื่องศีลธรรมแต่ถ้ามองให้รอบด้าน การทำเอฟทีเอ กับ ออสเตรเลีย ที่เปิดทางให้เข้ามาล้มตลาดสุราของไทยยับเยิน วันนี้มันกระจ่างว่า เราสนับสนุนสิงคโปร์ ขอกล่าวหาการเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง และ สหาย ว่า เป็นเครื่องมือของคุณทักษิณ หรือ คุณจำลองอาจจะซื่อเกินไป เป็นคนดีที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น