ผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลแบไต๋ หว่านคำหวานแจกเงินในการประชุม ครม.สัญจร 8 ครั้ง 5 หมื่นล้านบาท ที่แท้แค่ลมปาก จ่ายจริงไม่เป็นไปตามที่ได้อนุมัติไป “สุรนันทน์” ระบุ โครงการใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และยุทธศาสตร์ของรัฐบาลได้ต้องถูกตัดทิ้ง
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (19 ม.ค.) ภายหลังการประชุมเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่าเป็นการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อพิจารณาเรื่องงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับการประชุม ครม.สัญจร 8 ครั้งที่ผ่านมา โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะไปประชุมร่วมกับสำนักงานประมาณ ในเรื่องงบกลาง และงบประมาณในการทัวร์นกขมิ้นของ นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ในกระบวนการของรัฐบาล จะเริ่มดูที่การจัดสรร งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2550 ซึ่ง ครม. ได้อนุมัติกรอบวงเงินไปแล้ว 1.476 ล้านล้านบาท โดยตนได้สั่งการให้สำนักงบประมาณ และทุกหน่วยงานเช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ว่าการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปี 2550 ต้องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ และโครงการใดที่ไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
ทั้งนี้ตามโครงการที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ หน่วยราชการจะต้องจัดลำดับความสำคัญด้วยว่าโครงการใดที่จะสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ได้อย่างเต็มที่ หรือโครงการใดอาจจะมีความสำคัญลดน้อยลงมาเพื่อที่จะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลในการจัดสรรงบประมาณ ในขณะเดียวกันทุกหน่วยราชการจะต้องกลับไปทบทวนว่าโครงการใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเงื่อนไขของเวลาไม่เป็นสิ่งที่จะขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้ หรือไม่มีประโยชน์ทางสังคมก็จะต้องตัดออก เพราะหากหน่วยงานไม่ตัดงบออก ทางสำนักงบประมาณ ก็ต้องตัดออก เนื่องจาก ครม. คงจะไม่พิจารณา เนื่องจากรัฐบาลต้องการจัดสรรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และตรงตามวัตถุประสงค์ เนื่องจากได้ประเมินว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ของประเทศมีความแข็งแกร่งและจะเป็นพื้นฐานที่เจริญเติบโตไปด้วย
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณ ครม. นอกสถานที่ ที่สื่อเคย วิพากษ์ วิจารณ์ไว้ ขณะนี้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว และเห็นได้ว่า ในการประชุม ครม. นอกสถานที่ ที่จ.สุโขทัย และ จ.เลย ได้มีการดูในรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้งบที่จัดสรรไปเป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็นและงบจัดสรรตรงตามวัตถุประสงค์ของจังหวัด รวมทั้งสามารถดำเนินการได้จริง เพราะงบใดที่มีความสำคัญแต่ยังไม่มีความพร้อมก็จะมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปกติอื่น ๆ
ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำกลับไปดูงบต่าง ๆ ที่ได้อนุมัติโดยเฉพาะรัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งแต่ต้นปี 2548 ที่ผ่านมา ตั้งแต่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.บุรีรัมย์ ถึง จ.เลย จำนวน 8 ครั้ง โดยจะพิจารณาดูว่า จะเข้ากับงบปกติในปี 2550 ได้ในส่วนใดบ้างเพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลพูดกับทางจังหวัดนั้น ๆไว้ หรือให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้
“แต่โครงการทั้งหมดก็จะดูว่าอยู่ในแผนงานใด เช่น หากเป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำ ก็ต้องอยู่ในแผนงานเมกกะโปรเจกส์ เป็นต้น โดยทุกหน่วยงานก็จะต้องกลับมาทบทวนว่า สิ่งใดที่มีลำดับความสำคัญสูงหรือจะนำมาไว้ในงบปกติปี 2550 หรือปี 51 หรือ ปี 52 ซึ่งจะต้องประสานสอดคล้องระหว่างกัน เช่นแผนน้ำจะเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะต้องทำให้เป็นแผนงานเดียวกันเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการ”
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่นอกเหนือจากการลงพื้นที่แก้จน ของนายกรัฐมนตรี จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ กรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ลงไปสัมผัสและมีความจำเป็นเร่งด่วนจริง และนายกฯอนุมัติในหลักการแล้วก็จะมีงบกลางปี 2549 ที่จัดสรรไว้แล้ว ซึ่งเป็นงบกลางเพื่อความจำเป็นเร่งด่วน ทางสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะดูรายละเอียด ถ้ามีความพร้อมก็จะเสนอนายกฯ เพื่อของบกลางปี 49
อย่างไรก็ตามหากนายกรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการ แต่หน่วยงานที่นำมาดูและพบว่าไม่มีความพร้อมแต่มีความสำคัญก็จะต้องเร่งเพื่อให้ใช้งบกลางปี 49 หากไม่ดำเนินการก็จะเข้าสู่งบปกติปี 2550 เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นปัญหาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุดเพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นายสุรนันทน์ กล่าวด้วยว่า จากการประชุม ครม.ใน 8 ครั้ง ทำให้มีความ เข้าใจผิดและมีการบวกตัวเลข และบอกว่า ครม.สัญจร ที่ผ่านมามีการอนุมัติงบประมาณให้ 2 พันล้าน 3 พันล้านบาท เป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการแยกแยะตัวเลขให้ชัดเจน คือ งบกลางใดที่ใช้ในปี 2549 จริง ๆเท่าไร และงบใดที่จำเป็นจะเข้าในงบปกติปี 2550 มีเท่าใดและยืนยันมาสรุปก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบ ไม่เช่นนั้น คนก็จะไปคาดหวังว่า ประชุมมา 8 ครั้ง อนุมัติ 5 หมื่นล้านบาท จริ งๆไม่ใช่ แต่เป็นการอนุมัติแค่หลักการ เราก็จะนำหลักการมาซอยย่อย ซึ่งนายกฯ แสดงความเป็นห่วง เดี๋ยวจะมีความรู้สึกว่า ไปแล้วทำไมไม่ทำหรืออะไร ผมก็ต้องติดตาม อะไรที่เข้างบกลางประมาณ 4-5 ร้อยล้านบาท เราก็อนุมัติไปตามหลักการ”
นายสุนันทน์กล่าวว่า ครม.สัญจร 8 ครั้งที่ผ่านมามีการอนุมัติในหลักการ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่อนุมัติวงเงินจริง ๆ หากใช้ในปี 2549 อยู่ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะจัดสรรดูว่า จะนำไปจัดในแผนงานอะไรก็เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่เราจะปฏิเสธว่า เราไม่จ่ายหรือไม่ทำตรงนี้ เมื่อรัฐบาลอนุมัติงบไปแล้ว การเบิกจ่ายจะต้องเกิดขึ้นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม ครม.สัญจร ที่ผ่านมา ใน 8 จังหวัดประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ จ.พะเยา จ.จันทบุรี จ.พังงา จ.กาฬสินธุ์ จ.นครสวรรค์ จ.สุโขทัย และ จ.เลย โดย ครม.ได้เห็นชอบงบประมาณพัฒนาจังหวัดไปกว่า 50,000 ล้านบาท
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (19 ม.ค.) ภายหลังการประชุมเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่าเป็นการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อพิจารณาเรื่องงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับการประชุม ครม.สัญจร 8 ครั้งที่ผ่านมา โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะไปประชุมร่วมกับสำนักงานประมาณ ในเรื่องงบกลาง และงบประมาณในการทัวร์นกขมิ้นของ นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ในกระบวนการของรัฐบาล จะเริ่มดูที่การจัดสรร งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2550 ซึ่ง ครม. ได้อนุมัติกรอบวงเงินไปแล้ว 1.476 ล้านล้านบาท โดยตนได้สั่งการให้สำนักงบประมาณ และทุกหน่วยงานเช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ว่าการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปี 2550 ต้องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ และโครงการใดที่ไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
ทั้งนี้ตามโครงการที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ หน่วยราชการจะต้องจัดลำดับความสำคัญด้วยว่าโครงการใดที่จะสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ได้อย่างเต็มที่ หรือโครงการใดอาจจะมีความสำคัญลดน้อยลงมาเพื่อที่จะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลในการจัดสรรงบประมาณ ในขณะเดียวกันทุกหน่วยราชการจะต้องกลับไปทบทวนว่าโครงการใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเงื่อนไขของเวลาไม่เป็นสิ่งที่จะขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้ หรือไม่มีประโยชน์ทางสังคมก็จะต้องตัดออก เพราะหากหน่วยงานไม่ตัดงบออก ทางสำนักงบประมาณ ก็ต้องตัดออก เนื่องจาก ครม. คงจะไม่พิจารณา เนื่องจากรัฐบาลต้องการจัดสรรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และตรงตามวัตถุประสงค์ เนื่องจากได้ประเมินว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ของประเทศมีความแข็งแกร่งและจะเป็นพื้นฐานที่เจริญเติบโตไปด้วย
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณ ครม. นอกสถานที่ ที่สื่อเคย วิพากษ์ วิจารณ์ไว้ ขณะนี้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว และเห็นได้ว่า ในการประชุม ครม. นอกสถานที่ ที่จ.สุโขทัย และ จ.เลย ได้มีการดูในรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้งบที่จัดสรรไปเป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็นและงบจัดสรรตรงตามวัตถุประสงค์ของจังหวัด รวมทั้งสามารถดำเนินการได้จริง เพราะงบใดที่มีความสำคัญแต่ยังไม่มีความพร้อมก็จะมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปกติอื่น ๆ
ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำกลับไปดูงบต่าง ๆ ที่ได้อนุมัติโดยเฉพาะรัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งแต่ต้นปี 2548 ที่ผ่านมา ตั้งแต่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.บุรีรัมย์ ถึง จ.เลย จำนวน 8 ครั้ง โดยจะพิจารณาดูว่า จะเข้ากับงบปกติในปี 2550 ได้ในส่วนใดบ้างเพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลพูดกับทางจังหวัดนั้น ๆไว้ หรือให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้
“แต่โครงการทั้งหมดก็จะดูว่าอยู่ในแผนงานใด เช่น หากเป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำ ก็ต้องอยู่ในแผนงานเมกกะโปรเจกส์ เป็นต้น โดยทุกหน่วยงานก็จะต้องกลับมาทบทวนว่า สิ่งใดที่มีลำดับความสำคัญสูงหรือจะนำมาไว้ในงบปกติปี 2550 หรือปี 51 หรือ ปี 52 ซึ่งจะต้องประสานสอดคล้องระหว่างกัน เช่นแผนน้ำจะเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะต้องทำให้เป็นแผนงานเดียวกันเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการ”
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่นอกเหนือจากการลงพื้นที่แก้จน ของนายกรัฐมนตรี จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ กรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ลงไปสัมผัสและมีความจำเป็นเร่งด่วนจริง และนายกฯอนุมัติในหลักการแล้วก็จะมีงบกลางปี 2549 ที่จัดสรรไว้แล้ว ซึ่งเป็นงบกลางเพื่อความจำเป็นเร่งด่วน ทางสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะดูรายละเอียด ถ้ามีความพร้อมก็จะเสนอนายกฯ เพื่อของบกลางปี 49
อย่างไรก็ตามหากนายกรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการ แต่หน่วยงานที่นำมาดูและพบว่าไม่มีความพร้อมแต่มีความสำคัญก็จะต้องเร่งเพื่อให้ใช้งบกลางปี 49 หากไม่ดำเนินการก็จะเข้าสู่งบปกติปี 2550 เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นปัญหาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุดเพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นายสุรนันทน์ กล่าวด้วยว่า จากการประชุม ครม.ใน 8 ครั้ง ทำให้มีความ เข้าใจผิดและมีการบวกตัวเลข และบอกว่า ครม.สัญจร ที่ผ่านมามีการอนุมัติงบประมาณให้ 2 พันล้าน 3 พันล้านบาท เป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการแยกแยะตัวเลขให้ชัดเจน คือ งบกลางใดที่ใช้ในปี 2549 จริง ๆเท่าไร และงบใดที่จำเป็นจะเข้าในงบปกติปี 2550 มีเท่าใดและยืนยันมาสรุปก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบ ไม่เช่นนั้น คนก็จะไปคาดหวังว่า ประชุมมา 8 ครั้ง อนุมัติ 5 หมื่นล้านบาท จริ งๆไม่ใช่ แต่เป็นการอนุมัติแค่หลักการ เราก็จะนำหลักการมาซอยย่อย ซึ่งนายกฯ แสดงความเป็นห่วง เดี๋ยวจะมีความรู้สึกว่า ไปแล้วทำไมไม่ทำหรืออะไร ผมก็ต้องติดตาม อะไรที่เข้างบกลางประมาณ 4-5 ร้อยล้านบาท เราก็อนุมัติไปตามหลักการ”
นายสุนันทน์กล่าวว่า ครม.สัญจร 8 ครั้งที่ผ่านมามีการอนุมัติในหลักการ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่อนุมัติวงเงินจริง ๆ หากใช้ในปี 2549 อยู่ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะจัดสรรดูว่า จะนำไปจัดในแผนงานอะไรก็เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่เราจะปฏิเสธว่า เราไม่จ่ายหรือไม่ทำตรงนี้ เมื่อรัฐบาลอนุมัติงบไปแล้ว การเบิกจ่ายจะต้องเกิดขึ้นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม ครม.สัญจร ที่ผ่านมา ใน 8 จังหวัดประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ จ.พะเยา จ.จันทบุรี จ.พังงา จ.กาฬสินธุ์ จ.นครสวรรค์ จ.สุโขทัย และ จ.เลย โดย ครม.ได้เห็นชอบงบประมาณพัฒนาจังหวัดไปกว่า 50,000 ล้านบาท