xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ที่ปกครองประเทศอยู่จำเป็นจะต้องมีเงินรายได้พิเศษ

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ชื่อของบทความนี้บิดเบือนมาจากวาทะของปูชนียบุคคลสำคัญของเมืองไทยท่านหนึ่ง ที่ว่าบิดเบือนก็เพราะว่าลอกมาไม่ครบ เพราะถ้าหากว่าครบ ก็กลับจะได้ความตรงกันข้าม

ที่ผมยกขึ้นมาอ้าง มิได้มีเจตนาจะบิดเบือน แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยของเรา และพี่น้องชาวไทยส่วนใหญ่ของเราได้พากันเชื่อและยอมรับนับถือเอาความบิดเบือนอันนี้เป็นเจ้าหัวใจเสียแล้ว แปลว่าพวกเราชอบความบิดเบือนมากกว่าความสัตย์ จึงได้พากันหมอบราบคาบแก้ว ว่าเหตุผลดังกล่าวเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครอย่าไปต่อสู้มันให้เหนื่อยเปล่าเลย รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีเสียจะเหมาะกว่า

ความคิดอย่างนี้แหละคือรากเหง้าหรือโคตรของคอร์รัปชั่นในประเทศ

ต่อไปนี้คือข้อความที่ครบถ้วน เป็นอนุสติที่อาจารย์ป๋วย หรือดร.ป๋วย อึงภากรณ์
ได้ยกขึ้นมาเตือนสังคมไทย

“การกดขี่ราษฎร การฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ว่าจะเกิดในท้องถิ่นหรือกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเงินก้อนใหญ่หรือก้อนเล็ก ไม่ว่าจะกระทำโดยผู้ใหญ่หรือผู้น้อย ย่อมเป็นภัยแก่การอยู่ดีกินดีของราษฎร อย่าให้ใครมาอ้างเลยว่า ผู้ที่ปกครองประเทศอยู่จำเป็นจะต้องมีเงินรายได้พิเศษมาด้วยวิธีการต่างๆ เพราะเงินนั้นต้องใช้เลี้ยงลูกน้อง เพื่อจะได้ปกครองสะดวกขึ้น แม้จะอมพระมาอ้างก็อย่าเชื่อ เพราะทรัพย์สินที่เกิดมีอยู่ในประเทศไทยในขณะใดขณะหนึ่งนั้น มีจำกัด ถ้าส่วนหนึ่งตกเป็นของใครจนมากแล้วที่เหลือก็เหลือน้อยสำหรับคนอื่นๆ คือชาวบ้านจำนวนมากๆ ชาวบ้านราษฎรก็ย่อมจะเบื่อระอา ไม่สนใจว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือใครจะก่อการร้าย เพราะเห็นว่าไม่แตกต่างกัน”

ผมจะนำคำพูดของอาจารย์ป๋วย มาชวนให้พวกเราคิดต่อควบกันไปสัก 2 ประเด็น คือ หนึ่ง เรื่อง การกระจายรายได้เพื่อความเป็นธรรมของสังคมไทย และ สอง เรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอร์รัปชั่น

เราจะอาศัยเรียลิตี้โชว์ของนายกทักษิณเป็นจุดเริ่มต้น เรียลิตี้โชว์แปลว่าเอาของจริงมาให้ดู มีนายกทักษิณเป็นพระเอก นายกจะใช้เวลา 5 วัน 5 คืน ออกไปไล่จับความจนของพี่น้องอำเภออาจสามารถมาประจานและประหารเสียให้หมด แถมออกทีวีโชว์ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังวันละ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทั่วประเทศ จะได้ดูและจดจำเอาไปเป็นตัวอย่าง เรื่องนี้แทนที่จะว่าดี คุณสมัคร กองเชียร์ถาวรของท่านนายกกลับวิจารณ์ว่าชั่งปัญญาอ่อนเสียนี่กระไร มีอย่างที่ไหนเอานายกมาขยายขี้เท่อกันได้ถึงเพียงนี้แทนที่จะทำวิดีโอสั้นๆเด่นๆแค่ไม่กี่นาทีก็เหลือกิน เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับคุณสมัครร้อยเปอร์เซ็นต์

ผมอยากขอให้สมัครพูดต่อ เพราะอยากรู้ว่าท่านจะ เปรียบเทียบงานนี้กับการตรวจราชการของจอมพลสฤษดิ์ว่าอย่างไร ท่านจะนำเกร็ดเรื่องการประพาสต้นของร.5 มาเล่าด้วยได้หรือไม่ ประพาสต้นคือการที่พระปิยะมหาราชทรงปลอมพระองค์เป็นคนธรรมดาออกเยี่ยมถามทุกข์สุขของไพร่ฟ้าประชาชน

เรื่องการออกไปค้นหาวิธีปราบจนของนายกทักษิณครั้งนี้จำเป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของแต่ละคน บางคนก็อาจจะเห็นว่าน่าจะอาศัยงานวิจัยหรือโครงการทดลองระยะยาว บ้างก็ว่าแล้วคณะทำงานต่อสู้ความยากจนของพลเอกชวลิตที่เพิ่งตั้งเอาไปเก็บไว้เสียที่ไหน สำหรับผมเห็นว่าตัวอย่างที่ดีมีอยู่พร้อมแล้ว คือ หลักเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการในพระราชดำริของในหลวง ในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีทรงคลุกคลีกับพสกนิกรและทดลองมาหลายสิบปีแล้ว เพียงแต่ไม่มีการออกทีวี 5 วัน 5 คืนเท่านั้น ตัวอย่างของความสำเร็จมีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปค้นหาโมเดลใหม่ที่ไหน ในพระราชดำรัสวันที่ 4 ธันวาคม พระองค์ทรงย้ำแล้วย้ำอีกว่า จงเอาไปใช้เถิด เพราะมันใช้ได้จริงๆ

แต่อาจสามารถและนายกทักษิณก็ดังไปทั่วโลกแล้ว สื่อใหญ่ๆของโลกเขาเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันไปหมด หรือเขาได้ความคิดไปจากสื่อไทย พอวันแรกนสพ.เนชั่นก็พาดหัวว่า Thaksin Circus ศัพท์คำว่า Circus ผมเรียนรู้ตอนเป็นเด็กเมื่อไปดูหนังเรื่องละครสัตว์บันลือโลก Circus แปลว่าละครสัตว์ Thaksin Circus จึงแปลว่า “ละครสัตว์ทักษิณ” แสบแท้ๆ จะโทษคนทำหรือคนรายงานข่าวดี

ผมเคยเขียนมานานแล้วว่า ความร่ำรวยมิใช่สิ่งน่าอาย และความยากจนก็มิใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ความพอดีหรือทางสายกลางต่างหากที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้พวกเรายึดถือ

ผมเคยเสนอก่อนยุคทักษิณเสียด้วยซ้ำว่า ให้เอาทรัพย์สินของนักการเมืองไทย 10 อันดับต้นไปเปรียบเทียบกับ 10 อันดับต้นของอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน ซึ่งเป็นอภิมหาทุนนิยม จะเห็นว่าของไทยกินขาด นี่เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ น่าอาย หรือน่าศึกษากันแน่

ยิ่งเดี๋ยวนี้ในยุคทักษิณ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยกเว้นนายกอิตาลีคนเดียว ของเรา 5 คนแรก ก็กินขาด 5 คนของเขารวมกันทุกประเทศเสียอีก แถมตัดออก นับเอาแต่ลูกเมียวงศาคณาญาติหรือบริษัทบริวาร ความร่ำรวยที่พุ่งกระฉูดขึ้นเมื่อเทียบกับความยากจนเข็ญใจของคนทั้งประเทศเป็นอย่างไร

เมื่อนำเอาหลักของอาจารย์ป๋วยมาคิดว่า “ทรัพย์สินที่เกิดมีอยู่ในประเทศไทยในขณะใดขณะหนึ่งนั้น มีจำกัด ถ้าส่วนหนึ่งตกเป็นของใครจนมากแล้วที่เหลือก็เหลือน้อยสำหรับคนอื่นๆ คือชาวบ้านจำนวนมากๆ” เราจะรู้เลยทันทีว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของเรามันใช้ไม่ได้ เพราะมันเป็นโครงสร้างที่มิได้เอื้ออำนวยให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมทั่วถึง โครงสร้างนี้หมายถึงระบบกฎหมาย ระบบการลงทุน ระบบสาธารณูปโภค ระบบธุรกิจที่ขาดธรรมาภิบาล ระบบและองค์ประกอบทางการเมือง วิธีคิดพื้นฐานและระบบการตัดสินใจของผู้ปกครองบ้านเมืองนั่นแหละคืออุปสรรคสำคัญ เพราะนั่นคือเสาหลักค้ำยันความได้เปรียบ อภิสิทธิ การกอบโกยและกินโกงจากโครงการก่อสร้างเล็กๆระดับอบต.ขึ้นไปจนกระทั่งถึงเมกะโปรเจกต์แสนๆล้าน ประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องแร้นแค้นดักดานอย่างที่นายกฯทักษิณไปเห็นที่อาจสามารถนั่นเอง

ผมไม่คิดว่าเวลา 5 วัน 5 คืนจะเปลี่ยนวิธีคิดหรือแม้กระทั่งใจของพันตำรวจโททักษิณได้ เพราะท่านได้ติดลึกลงไปในกับดักทุนนิยมส่วนตัวและบริวารจนอาจจะถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว พอกลับมาถึงกรุงเทพฯท่านก็จะหมกมุ่นเรื่องตลาดหุ้นและเมกะโปรเจกต์ต่างๆต่อไปอีก ผมเน้นคำว่าอาจจะเพื่อยืนยันว่าผมมิได้มองโลกและคนในแง่ร้าย ผมยังหวังว่าสวรรค์จะทำให้ท่านเปลี่ยนใจมาสู่และสู้เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มหัวใจ

เพราะนั่นคือทางรอดอย่างเดียวของประเทศไทย ที่ผู้รู้เป็นจำนวนมากหวั่นวิตกว่าจะล้มละลายยิ่งกว่าระบบของมาร์กอสในเวลาอีกไม่นาน

คนอิสานเป็นคนที่เจียมตัวและไม่ค่อยจะมีปากเสียง เขาไม่รู้จักคำว่าพูดไปสองไพเบี้ย เพราะเขารู้จักคำว่า “ตีนช้างเหยียบปากนก” ดีกว่า ในขณะเดียวกันบุคคลที่มาชุมนุมกันอยู่ที่บึงพลาญชัยไม่ว่าจะเป็นจำนวนพันหรือหมื่น ก็คงไม่ต่างกับคนที่อำเภออาจสามารถมากนัก เพราะทุกๆคนก็เกิดและเรียนรู้ในระบบรวมศูนย์รวบอำนาจ(เป็นทาสส่วนกลาง) มาเหมือนๆกัน ลึกๆลงไปในก้นบึ้งของหัวใจเขาก็ยังพากันติดยึดลัทธิอุบาทว์ทั้งสามอย่าง คือ ลัทธิตามน้ำ ตามอย่าง และตามพึ่ง จนยากที่จะถอนตัว

นโยบายประชานิยมของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยนี่แหละที่สอดคล้องกับลัทธิทั้งสามอย่างวิเศษ

นึกถึงคำโบราณที่ว่า “อย่าอวดดี มีทรัพย์ เที่ยวจับแจก ทำเกี่ยวแฝก มุงป่า พาฉิบหาย” จำจะต้องถามกันตรงๆว่าจะเอาเงินที่ไหนมาแจกกันหวัดไหว เพราะอาจสามารถมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย

ท่านผู้อ่านคงได้ดูในทีวีจากอาจสามารถแล้วว่า ความจำเป็นและต้องการของพี่น้องชาวไทยมีน้อยเหลือเกิน คิดออกมาเป็นเงินก็แค่เดือนละพันสองพัน ปีละหมื่นสองหมื่น ไม่เท่าราคารองเท้าคู่หนึ่ง หรือล้อรถยนต์ข้างเดียวของผู้มั่งมี

การแก้ปัญหาให้เขาเหล่านี้ ดูเผินๆแล้วไม่น่าจะยาก แต่เอาเข้าจริงๆแล้วกลับทำไม่ได้ เพราะคนอย่างนี้มีอยู่เต็มประเทศไทย และเพราะความคิดและโครงสร้างหลักของอำนาจเป็นอุปสรรค พูดอย่างนี้ ผมมิได้หมายความว่าเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์จะเหนือกว่า เศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ดึงคนลงมาให้ต่ำและยากจนเท่าๆกัน ยกเว้นแต่ผู้นำมีอำนาจไม่กี่หยิบมือ แต่นั่นก็คงไม่ต่างอะไรมากนักกับเรา ที่คนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของโภคทรัพย์เกือบทั้งประเภท ต่างกันแต่ว่าเรายังมีแสงแห่งเสรีภาพอยู่รำไร และเรามีพระมหากษัตริย์เป็นฉัตรชัย

ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า เราจะกล้าใช้เสรีภาพต่อสู้เพื่อความอยู่รอดและผาสุกของประเทศชาติและคนส่วนใหญ่หรือไม่

นายกและคณะไปสัมผัสกับประชาชนอาจสามารถเพียงระยะสั้น ผมไม่แน่ใจว่านายกจะเอาปลาใส่จานหรือเอาคันเบ็ดและวิธีตกปลาไปให้ชาวบ้าน ผมหวังว่าทั้งสองอย่าง หรืออย่างหลังมากกว่าอย่างแรก

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาเช่นนี้สั้นเกินไป นายกคงจะไม่มีโอกาสได้ฟังคำคมของอิสานที่ผมอยากให้ท่านได้ยิน คำคมเหล่านี้อาจจะมีอยู่ในหนังสือที่อดิศร เพียงเกษ
ลูกน้องของท่านรวบรวมไว้แล้วก็ได้ ถ้าท่านหรือท่านผู้อ่านไม่เข้าใจหรืออยากรู้ความหมายขอให้ไปถามอดิศรดู ดังนี้

“พูกิน กินพอฮาก พูอยาก อยากพอตาย”

“ควมคึดมีบ่แพ้ ทึนสิค้าหั้งบ่มี”

“เพิ่นบ่เอิ้น อย่าขาน เพิ่นบ่วาน อย่าซ่อย มักซ่อยแท้ให้ค่อยพิจารณา”

“อย่าสู ติแถลงล้ม บ่มีตม คาดลาดหมื่น”

ขอเอาใจช่วยท่านนายก อย่าให้คาดลาดหมื่น มาจากอาจสามารถเลย ผมไม่อยากเห็นนายก “ก้นขี้ทั่ง นั่งจ้อก้อ” เพราะผมยังรักเสียศักดิ์ศรีประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น