ผู้จัดการรายวัน - ไทยประกันชีวิตเปิดโครงการใหม่ “SMS เกาะติดเคส” ส่งข้อมูลสำคัญให้ฝ่ายขายและลูกค้าผ่านระบบ SMS หวังเพิ่มช่องทางความสะดวกรวดเร็ว ทั้งการอนุมัติกรมธรรม์ จ่ายสินไหม เงินปันผล ตามนโยบายพัฒนาประสิทธิภาพการบริการต่อเนื่อง
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกแก่บุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกันของบริษัทฯ ในการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับระบบงานบริการ บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งโครงการ “SMS เกาะติดเคส” ซึ่งเป็นโครงการแจ้งการดำเนินงานด้านธุรกิจประกันชีวิตไปยังบุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกัน ผ่านบริการ Short Messages Service (SMS) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
โดยข้อมูลที่จัดส่งจะเป็นข้อมูลหลักในด้านงานประกันชีวิต 4 ส่วน ประกอบด้วย งานรับประกัน ดำเนินการจัดส่งข้อมูลด้านการอนุมัติกรมธรรม์ทุกประเภททั่วประเทศโดยอัตโนมัติ ภายในไม่เกิน 1 วันทำการ รวมถึงข้อมูลการปฏิเสธ ยกเลิก หรือเลื่อนการรับประกัน ข้อมูลกรณีผู้เอาประกันขอใช้สิทธิ Free Look Period หรือข้อมูลดำเนินการเพิ่มเติม เช่น การขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้เอาประกัน สามารถดำเนินการจัดส่ง SMS ทันที ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะจัดส่งแก่ฝ่ายขายระดับตัวแทน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดส่งข้อมูลกรมธรรม์ใหม่ ระเบียบหรือบริการใหม่แก่ฝ่ายขายระดับศูนย์ขึ้นไป งานสินไหม จัดส่งข้อมูลการอนุมัติจ่ายสินไหมและการแจ้งกรณีลูกค้าเข้ารับการรักษา (ผู้ป่วยใน) ในโรงพยาบาลเครือข่ายไทยประกันชีวิต เมดิแคร์ โดยจัดส่งแก่ฝ่ายขายระดับศูนย์ขึ้นไป และข้อมูลการแจ้งจ่ายสินไหมแก่ผู้เอาประกัน งานบริการผู้เอาประกัน จัดส่งข้อมูลการโอนเงินจ่ายคืน และเงินปันผลเข้าบัญชีแก่ผู้เอาประกัน และ งานการเงิน จัดส่งข้อมูลแจ้งเตือนการหักค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัญชีอัตโนมัติแก่ผู้เอาประกัน
“โครงการ SMS เกาะติดเคส เป็นโครงการที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำงานของบุคลากรฝ่ายขาย จากเดิมเมื่อฝ่ายขายนำส่งใบคำขอเอาประกันของลูกค้าแล้ว จะต้องติดตามผลการพิจารณาอนุมัติกรมธรรม์จากสำนักงานใหญ่หรือสาขาเอง เพื่อแจ้งและนำกรมธรรม์ไปมอบแก่ลูกค้า แต่การแจ้งผ่าน SMS จะทำให้ฝ่ายขายทราบได้เร็วขึ้น รวมถึงการแจ้งจ่ายสินไหม ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายขายนำสินไหมไปมอบแก่ลูกค้าได้เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันผู้เอาประกันจะได้รับความสะดวกในการรับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น” นายไชยกล่าว
ทั้งนี้ การจัดส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS ถือเป็นช่องทางเสริมในการจัดส่งข้อมูลแก่บุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกัน ขณะเดียวกันข้อมูลด้านอื่นๆ อาทิ วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกัน วันครบกำหนดสัญญากรมธรรม์ เป็นต้น บริษัทฯ ยังคงจัดส่งในรูปใบแจ้งเช่นเดิม
นายไชยกล่าวว่า โครงการดังกล่าวบุคลการฝ่ายขายและผู้เอาประกันสามารถเข้าร่วมโครงการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งบริษัทฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดส่งทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันฝ่ายขายที่เข้าร่วมงานกับบริษัทฯ ภายหลังเริ่มโครงการแล้ว สามารถขอรับบริการ SMS เกาะติดเคสได้เช่นเดียวกัน โดยระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือในแบบฟอร์มสมัครงาน
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกแก่บุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกันของบริษัทฯ ในการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับระบบงานบริการ บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งโครงการ “SMS เกาะติดเคส” ซึ่งเป็นโครงการแจ้งการดำเนินงานด้านธุรกิจประกันชีวิตไปยังบุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกัน ผ่านบริการ Short Messages Service (SMS) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
โดยข้อมูลที่จัดส่งจะเป็นข้อมูลหลักในด้านงานประกันชีวิต 4 ส่วน ประกอบด้วย งานรับประกัน ดำเนินการจัดส่งข้อมูลด้านการอนุมัติกรมธรรม์ทุกประเภททั่วประเทศโดยอัตโนมัติ ภายในไม่เกิน 1 วันทำการ รวมถึงข้อมูลการปฏิเสธ ยกเลิก หรือเลื่อนการรับประกัน ข้อมูลกรณีผู้เอาประกันขอใช้สิทธิ Free Look Period หรือข้อมูลดำเนินการเพิ่มเติม เช่น การขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้เอาประกัน สามารถดำเนินการจัดส่ง SMS ทันที ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะจัดส่งแก่ฝ่ายขายระดับตัวแทน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดส่งข้อมูลกรมธรรม์ใหม่ ระเบียบหรือบริการใหม่แก่ฝ่ายขายระดับศูนย์ขึ้นไป งานสินไหม จัดส่งข้อมูลการอนุมัติจ่ายสินไหมและการแจ้งกรณีลูกค้าเข้ารับการรักษา (ผู้ป่วยใน) ในโรงพยาบาลเครือข่ายไทยประกันชีวิต เมดิแคร์ โดยจัดส่งแก่ฝ่ายขายระดับศูนย์ขึ้นไป และข้อมูลการแจ้งจ่ายสินไหมแก่ผู้เอาประกัน งานบริการผู้เอาประกัน จัดส่งข้อมูลการโอนเงินจ่ายคืน และเงินปันผลเข้าบัญชีแก่ผู้เอาประกัน และ งานการเงิน จัดส่งข้อมูลแจ้งเตือนการหักค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัญชีอัตโนมัติแก่ผู้เอาประกัน
“โครงการ SMS เกาะติดเคส เป็นโครงการที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำงานของบุคลากรฝ่ายขาย จากเดิมเมื่อฝ่ายขายนำส่งใบคำขอเอาประกันของลูกค้าแล้ว จะต้องติดตามผลการพิจารณาอนุมัติกรมธรรม์จากสำนักงานใหญ่หรือสาขาเอง เพื่อแจ้งและนำกรมธรรม์ไปมอบแก่ลูกค้า แต่การแจ้งผ่าน SMS จะทำให้ฝ่ายขายทราบได้เร็วขึ้น รวมถึงการแจ้งจ่ายสินไหม ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายขายนำสินไหมไปมอบแก่ลูกค้าได้เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันผู้เอาประกันจะได้รับความสะดวกในการรับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น” นายไชยกล่าว
ทั้งนี้ การจัดส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS ถือเป็นช่องทางเสริมในการจัดส่งข้อมูลแก่บุคลากรฝ่ายขายและผู้เอาประกัน ขณะเดียวกันข้อมูลด้านอื่นๆ อาทิ วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกัน วันครบกำหนดสัญญากรมธรรม์ เป็นต้น บริษัทฯ ยังคงจัดส่งในรูปใบแจ้งเช่นเดิม
นายไชยกล่าวว่า โครงการดังกล่าวบุคลการฝ่ายขายและผู้เอาประกันสามารถเข้าร่วมโครงการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งบริษัทฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดส่งทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันฝ่ายขายที่เข้าร่วมงานกับบริษัทฯ ภายหลังเริ่มโครงการแล้ว สามารถขอรับบริการ SMS เกาะติดเคสได้เช่นเดียวกัน โดยระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือในแบบฟอร์มสมัครงาน