หุ้นไทยเผชิญปัจจัยลบใน-นอกถล่ม หลังตลาดหุ้นญี่ปุ่นเดี้ยงลามตลาดภูมิภาค ดัชนีทรุด 14.33 จุด ต่างชาติเริ่มขายสุทธิ 1.8 พันล้าน จับปั่นหุ้นไออีซีกระทบหุ้นโบรกฯโกลเบล็กหนักสุดรูดติดฟลอร์ ผู้บริหารออกโรงสยบสารพัดข่าวลือ นักลงทุนร้องเรียนขุนคลังปลดเอสพี ตลท.แจงบริษัทยังจำเป็นต้องเอสพี "ธีระชัย"ปฏิบัติหน้าที่องค์รักษ์พิทักษ์ตระกูลชินวัตร ชี้ขายหุ้นชินฯไม่จำเป็นต้องให้ชี้แจง เพราะไม่ใช่ออกหุ้นกู้ และเทกโอเวอร์กิจการ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวถึงกระแสข่าวการขายหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ให้กับกลุ่มพันธมิตรต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นชินฯ ว่า มีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้ข้อมูลผ่านใน(Insider Trading) แต่เรื่องดังกล่าวสำนักงานก.ล.ต.คงไม่ต้องเข้าไปบังคับให้บริษัทออกมาชี้แจงข้อมูล เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นความต้องการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่การขายหุ้นจากการถูกเทกโอเวอร์กิจการ ซึ่งหากเป็นไปตามนั้นบริษัทก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสำกงานก.ล.ต.
ทั้งนี้ สำนักงานก.ล.ต. ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ หากจะต้องมีการบังคับให้บริษัทต้องทำการชี้แจงข้อมูล เนื่องจากบางครั้งบริษัทเองอาจจะไม่รู้ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็ได้
"เราคิดว่าอาจจะเป็นแค่ความต้องการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น ซึ่งอาจะไม่มีนัยในเรื่องอื่น และที่สำคัญบริษัทเค้าก็อาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย"นายธีระชัยกล่าว
ขณะที่วานนี้(18ม.ค.)ราคาหุ้นชินฯแกว่งตัวลดลงปิดที่ 46.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.06% มูลค่าการซื้อขาย 461.68 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ป เตรียมเปิดเผยดีลการซื้อขายหุ้นชินฯในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 นี้
ด้านภาวะการลงทุนโดยรวมวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงต่อเนื่อง จากปัจจัยลบภายในและภายนอกประเทศ โดยปิดตลาดที่ 736.40 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือลดลง 1.91 จุด จุดสูงสุดระหว่างวันอยู่ที่ 749.53 จุด ต่ำสุดระหว่างวันที่ 735.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,041.66 ล้านบาท โดยปรากฏว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,851.91 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 180.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,032.64 ล้านบาท
*ปัจจัยใน-นอกถล่ม
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีการปรับตัวลดลงจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงติดต่อเป็นวันที่ 3 ถึง 464 จุด หรือ 2.94% ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการปรับตัวลดลงประมาณ 1-3% ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ลดลง 1.91% ซึ่งหุ้นเก็งกำไรก็มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน
นอกจากนี้ การตรวจสอบซื้อขายหุ้น บมจ.ไออีซี (IEC) และมีบริษัทหลักทรัพย์ 7 แห่งมีความเกี่ยวข้อง ทำให้หุ้นกลุ่ม บล.ทรุดลงจากที่ 3 สัปดาห์ที่ผ่านปรับตัวขึ้นโดดเด่น รวมถึงวันนี้(19ม.ค.)คณะกรรมกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาด 0.25% ซึ่งไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทย แต่มีผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากที่ผ่านอ่อนค่าลง
แนวโน้มวันนี้ (19 ม.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางในการพักฐาน ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นว่าจะมีการผันผวนหรือไม่ และติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยประกาศออกมาแล้ว
*ลือปิดโกลเบล็กหุ้น GBX ฟลอร์
วานนี้หุ้น บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) ได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวว่าลือตลาดหลักทรัพย์ฯจะสั่งหยุดให้ส่งคำสั่งซื้อขายจากการพัวพันหุ้นไออีซี ส่งผลมีแรงเทขายออกมามาก จากราคาเปิด 4.60 บาทร่วงลงต่ำสุดที่ 3.24 บาท จนทำให้ราคาปรับตัวลดลงฟลอร์ก่อนมีแรงซื้อเข้ามาดันราคากระเตื้องเล็กน้อยปิดที่ 3.24 บาท ลดลง 1.38 บาท หรือ 29.87% มูลค่าการซื้อขาย 2,525.03 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ เขมะโยธิน กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ เปิดเผยว่า ราคาหุ้นGBXลดลงแรง เนื่องจาก มีกระแสข่าวลือที่เป็นด้านลบของบริษัทหลายเรื่อง เช่น สาขาของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โกลเบล็ก มีหนี้เสียจำนวนมาก และจากการที่เป็น 1 ใน 7 โบรกเกอร์ ที่ตลาดฯพบความผิดปกติในการส่งออร์เดอร์ซื้อขายหุ้น ไออีซี รวมถึงกระแสข่าวว่าจะมีคำสั่งห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัท ทำให้นักลงทุนตื่นตกใจเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทขอปฏิเสธข่าวทั้งหมดไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และได้มีการแจ้งไปยังตลาดฯแล้ว ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้อยู่ ใน 7 โบรกฯที่ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบ แต่ก็ยอมรับว่าตลาดฯได้ขอข้อมูลการซื้อขายหุ้นไออีซีเหมือน บล.อื่นๆ ที่มีการซื้อขายหุ้นไออีซี ส่วนการห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัทขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง และที่สาขาหาดใหญ่ก็ไม่ได้มีหนี้เสียจำนวนมาก เพราะ บล.โกลเบล็ก มีระบบการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการพิจารณาให้วงเงินกับลูกค้าให้เหมาะสมกับฐานะการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ตามหลักเกณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ฯอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยืนยันว่ามิได้มีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร ของบริษัทหลักทรัพย์ฯกับผู้ถือหุ้น หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมบริหารตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่นายภูมิพงษ์ คูหาเปรมกิจ ซึ่งเป็นลูกชายของนาย นายโอฬาร คูหาเปรมกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 10 ล้านหุ้น หรือ 0.93 % นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทในวานนี้ (18 ม.ค.) เพราะนายภูมิพงษ์ ได้มีการขายหุ้นออกในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก และก็ยังคงถือหุ้นของบริษัทในระดับที่สูงถึง 9.15% หรือ 97.50 ล้านหุ้น
สำหรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นบริษัทฯเลื่อนออกไป จนกว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)จะมีการพิจารณาเรื่องเกณฑ์โฮลดิ้งออกมา
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การตลาด ระบุว่า มีการคาดการณ์กันว่า บล.ที่น่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไออีซี จำนวน 7 แห่ง คือ 1.บล. ซีมิโก้ 2.บล.ฟาร์อีสท์ 3.บล.แอ๊ดคินซัน 4.บล.ยูโอบี เคย์เฮียน 5.บล.เอเชียพลัส 6. บล.โกลเบล็กฯ 7.บล.บีฟิท
*ร้องขุนคลังปลด SPไออีซี
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือต่าง ๆ ที่ได้รับจากนักลงทุนรายย่อยที่ส่งมาร้องเรียนกับตนเองเกี่ยวกับกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามซื้อขายหุ้น (เอสพี) ของบริษัทไออีซี เป็นจำนวน 5 วัน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนที่ไม่สามารถซื้อขายหุ้นได้ ให้กับ ตลท. ว่า จะดำเนินการอย่างไร โดยให้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของ ตลท.เอง ว่าถูกต้องหรือไม่หรือมีคำร้องเรียนอื่นใดนอกจากความเสียหายจากการขึ้นเครื่องหมายเอสพีหรือไม่
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง เปิดเผยว่า ตั้งแต่หุ้นของบริษัทถูกห้ามซื้อขายนักลงทุนก็ได้สอบถาม และร้องเรียนว่าไม่ปกป้องผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นว่าเรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจ และทางบริษัทได้มีการร้องขอตลาดฯให้เห็นใจนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นบริษัท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไออีซีได้มีการขอให้ตลาดฯปลดเครื่องหมาย SP ลง แต่ตลาดฯก็ได้พิจารณาแล้วแจ้งว่ายังคงมีความจำเป็นในการสั่งห้ามซื้อขายหุ้นไออีซีตามระยะเวลาดังกล่าวต่อไป เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผู้ลงทุนทั่วไปและภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวถึงกระแสข่าวการขายหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ให้กับกลุ่มพันธมิตรต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นชินฯ ว่า มีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้ข้อมูลผ่านใน(Insider Trading) แต่เรื่องดังกล่าวสำนักงานก.ล.ต.คงไม่ต้องเข้าไปบังคับให้บริษัทออกมาชี้แจงข้อมูล เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นความต้องการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่การขายหุ้นจากการถูกเทกโอเวอร์กิจการ ซึ่งหากเป็นไปตามนั้นบริษัทก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสำกงานก.ล.ต.
ทั้งนี้ สำนักงานก.ล.ต. ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ หากจะต้องมีการบังคับให้บริษัทต้องทำการชี้แจงข้อมูล เนื่องจากบางครั้งบริษัทเองอาจจะไม่รู้ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็ได้
"เราคิดว่าอาจจะเป็นแค่ความต้องการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น ซึ่งอาจะไม่มีนัยในเรื่องอื่น และที่สำคัญบริษัทเค้าก็อาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย"นายธีระชัยกล่าว
ขณะที่วานนี้(18ม.ค.)ราคาหุ้นชินฯแกว่งตัวลดลงปิดที่ 46.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.06% มูลค่าการซื้อขาย 461.68 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ป เตรียมเปิดเผยดีลการซื้อขายหุ้นชินฯในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 นี้
ด้านภาวะการลงทุนโดยรวมวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงต่อเนื่อง จากปัจจัยลบภายในและภายนอกประเทศ โดยปิดตลาดที่ 736.40 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือลดลง 1.91 จุด จุดสูงสุดระหว่างวันอยู่ที่ 749.53 จุด ต่ำสุดระหว่างวันที่ 735.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,041.66 ล้านบาท โดยปรากฏว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,851.91 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 180.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,032.64 ล้านบาท
*ปัจจัยใน-นอกถล่ม
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีการปรับตัวลดลงจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงติดต่อเป็นวันที่ 3 ถึง 464 จุด หรือ 2.94% ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการปรับตัวลดลงประมาณ 1-3% ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ลดลง 1.91% ซึ่งหุ้นเก็งกำไรก็มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน
นอกจากนี้ การตรวจสอบซื้อขายหุ้น บมจ.ไออีซี (IEC) และมีบริษัทหลักทรัพย์ 7 แห่งมีความเกี่ยวข้อง ทำให้หุ้นกลุ่ม บล.ทรุดลงจากที่ 3 สัปดาห์ที่ผ่านปรับตัวขึ้นโดดเด่น รวมถึงวันนี้(19ม.ค.)คณะกรรมกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาด 0.25% ซึ่งไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทย แต่มีผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากที่ผ่านอ่อนค่าลง
แนวโน้มวันนี้ (19 ม.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางในการพักฐาน ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นว่าจะมีการผันผวนหรือไม่ และติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยประกาศออกมาแล้ว
*ลือปิดโกลเบล็กหุ้น GBX ฟลอร์
วานนี้หุ้น บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) ได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวว่าลือตลาดหลักทรัพย์ฯจะสั่งหยุดให้ส่งคำสั่งซื้อขายจากการพัวพันหุ้นไออีซี ส่งผลมีแรงเทขายออกมามาก จากราคาเปิด 4.60 บาทร่วงลงต่ำสุดที่ 3.24 บาท จนทำให้ราคาปรับตัวลดลงฟลอร์ก่อนมีแรงซื้อเข้ามาดันราคากระเตื้องเล็กน้อยปิดที่ 3.24 บาท ลดลง 1.38 บาท หรือ 29.87% มูลค่าการซื้อขาย 2,525.03 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ เขมะโยธิน กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ เปิดเผยว่า ราคาหุ้นGBXลดลงแรง เนื่องจาก มีกระแสข่าวลือที่เป็นด้านลบของบริษัทหลายเรื่อง เช่น สาขาของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โกลเบล็ก มีหนี้เสียจำนวนมาก และจากการที่เป็น 1 ใน 7 โบรกเกอร์ ที่ตลาดฯพบความผิดปกติในการส่งออร์เดอร์ซื้อขายหุ้น ไออีซี รวมถึงกระแสข่าวว่าจะมีคำสั่งห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัท ทำให้นักลงทุนตื่นตกใจเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทขอปฏิเสธข่าวทั้งหมดไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และได้มีการแจ้งไปยังตลาดฯแล้ว ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้อยู่ ใน 7 โบรกฯที่ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบ แต่ก็ยอมรับว่าตลาดฯได้ขอข้อมูลการซื้อขายหุ้นไออีซีเหมือน บล.อื่นๆ ที่มีการซื้อขายหุ้นไออีซี ส่วนการห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัทขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง และที่สาขาหาดใหญ่ก็ไม่ได้มีหนี้เสียจำนวนมาก เพราะ บล.โกลเบล็ก มีระบบการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการพิจารณาให้วงเงินกับลูกค้าให้เหมาะสมกับฐานะการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ตามหลักเกณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ฯอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยืนยันว่ามิได้มีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร ของบริษัทหลักทรัพย์ฯกับผู้ถือหุ้น หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมบริหารตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่นายภูมิพงษ์ คูหาเปรมกิจ ซึ่งเป็นลูกชายของนาย นายโอฬาร คูหาเปรมกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 10 ล้านหุ้น หรือ 0.93 % นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทในวานนี้ (18 ม.ค.) เพราะนายภูมิพงษ์ ได้มีการขายหุ้นออกในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก และก็ยังคงถือหุ้นของบริษัทในระดับที่สูงถึง 9.15% หรือ 97.50 ล้านหุ้น
สำหรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นบริษัทฯเลื่อนออกไป จนกว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)จะมีการพิจารณาเรื่องเกณฑ์โฮลดิ้งออกมา
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การตลาด ระบุว่า มีการคาดการณ์กันว่า บล.ที่น่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไออีซี จำนวน 7 แห่ง คือ 1.บล. ซีมิโก้ 2.บล.ฟาร์อีสท์ 3.บล.แอ๊ดคินซัน 4.บล.ยูโอบี เคย์เฮียน 5.บล.เอเชียพลัส 6. บล.โกลเบล็กฯ 7.บล.บีฟิท
*ร้องขุนคลังปลด SPไออีซี
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือต่าง ๆ ที่ได้รับจากนักลงทุนรายย่อยที่ส่งมาร้องเรียนกับตนเองเกี่ยวกับกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้ามซื้อขายหุ้น (เอสพี) ของบริษัทไออีซี เป็นจำนวน 5 วัน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนที่ไม่สามารถซื้อขายหุ้นได้ ให้กับ ตลท. ว่า จะดำเนินการอย่างไร โดยให้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของ ตลท.เอง ว่าถูกต้องหรือไม่หรือมีคำร้องเรียนอื่นใดนอกจากความเสียหายจากการขึ้นเครื่องหมายเอสพีหรือไม่
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง เปิดเผยว่า ตั้งแต่หุ้นของบริษัทถูกห้ามซื้อขายนักลงทุนก็ได้สอบถาม และร้องเรียนว่าไม่ปกป้องผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นว่าเรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจ และทางบริษัทได้มีการร้องขอตลาดฯให้เห็นใจนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นบริษัท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไออีซีได้มีการขอให้ตลาดฯปลดเครื่องหมาย SP ลง แต่ตลาดฯก็ได้พิจารณาแล้วแจ้งว่ายังคงมีความจำเป็นในการสั่งห้ามซื้อขายหุ้นไออีซีตามระยะเวลาดังกล่าวต่อไป เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผู้ลงทุนทั่วไปและภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม


