xs
xsm
sm
md
lg

คาราท ปรับองค์กรรุกซื้อสื่อ ไล่ฮุบกิจการเสริมแกร่งมุ่งเป้าออนไลน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาราท ปรับโครงสร้างบริหาร กลุ่มเอเชีย แยกออกเป็นเหนือ-ใต้ บริษัทแม่เล็งขยายธุรกิจในไทย เชื่อมั่นศักยภาพดี แต่งตั้ง “วิชัย” มือดีวงการเอเยนต์ซี ขึ้นคุมคาราทไทย เปิดแผนรุกไล่ซื้อกิจการ เสริมความแข็งแกร่ง วางเป้าเติบโต 12%

นายเดวิด เวอร์กลิน ประธานกรรมการ คาราท เขตเอเซียแปซิฟิก ซึ่งอยู่ในกลุ่มของเอจิส มีเดีย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเอจิส มีเดียได้ปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ของเอจิส มีเดีย เอเซีย แปซิฟิก ซึ่งได้แบ่งภูมิภาคเอเซียออกเป็น 2 เขตหลักคือ เอเซียเหนือกับเอเซียใต้ โดยเอเซียเหนือนั้นมีนายโทมัส วองเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาราทเอเซียเหนือดูแลประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และเพิ่มประเทศอินเดียและฟิลิปินส์ด้วย

ขณะที่เอเซียใต้นั้นจะมีนายริชาร์ด ฮาลมาริค เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาราท เอเซียใต้ รับผิดชอบตลาดในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ทั้งนี้คาราท ประเทศไทยเพิ่งจะแต่งตั้งนายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจากนางไพจิตร เทียนทองประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนเดิมที่จะเกษียณอายุการทำงานในเดือนเมษายนนี้

นายริชาร์ด ฮาลมาริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาราท เอเซียใต้ กล่าวว่า บริษัทแม่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งถือเป็นตลาดที่ทำรายได้ติด 3 อันดับแรกที่ประกอบด้วยออสเตรเลีย มาเลเซีย และไทย และเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตและยังขยายธุรกิจได้อีกมาก

นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการทำงานที่บริษัทแม่มอบหมายจากนี้ไป มี 4 ประเด็นหลักๆคือ 1.การเพิ่มยอดบิลลิ่งของคาราทไทยในปีนี้ 12% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำยอดบิลลิ่งรวม 3,800 ล้านบาท หรือเพิ่มเป็นประมาณ 4,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับที่สองในตลาดรองจากกลุ่มไมนด์แชร์ 2.การพัฒนาบุคลากร โดยจะมีการเปิดโอกาสรับคนรุ่นใหม่ ซึ้งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรับคนที่จบปริญญาโท 4 คนเข้ามาเป็นแมเนจเม้นท์เทรนนี ผสมผสานกับบุคลกรเก่าที่มีอยู่แล้ว 3.การนำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ของคาราทและบริษัทในเครือที่มีอยู่แล้วและมีความเหมาะสมเข้ามาใช้ในตลาดประเทศไทย และ 4.กลยุทธ์การขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับบริษัทเดิมที่ทำธุรรกิจนั้นอยู่แล้ว โดยจะต้องเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในเชิงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่ทำเพียงการเป็นบริษัทซื้อสื่อหลักเท่านั้น โดยธุรกิจใหม่ๆที่สนใจจะเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องเช่น อีเวนท์ วิจัย สื่อโฆษณา การผลิตรายการทีวี เป็นต้น ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะมีบทสรุปประมาณ 1-2 รายซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในหลายธุรกิจและหลายบริษัท

อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้ตั้งวงเงินในการเข้าซื้อกิจการไว้ว่าจะต้องใช้เท่าใด ขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการและการเจรจา ซึ่งบริษัทแม่มีความพร้อมทางด้านการเงินที่จะเข้ามาสนับสนุนอยู่แล้ว
ล่าสดเมื่อปีที่แล้วคาราท ประเทศไทย ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ดิจิไทย จำกัด โดยถือหุ้นเต็ม 100% แต่การบริหารยังเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งบริษัทนี้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ที่จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจของคาราทไทย จากเดิมที่ให้บริการวางแผนซื้อสื่อหลักแบบดั้งเดิมเท่านั้น

โดยจากข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยนั้น มีประชากรประมาณ 65 ล้านคน ซึ่งในปี 2543 คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 2.3 ล้านคน และเพิ่มขึ้นมาเป็น 8.4 ล้านคนในปี 2548 เทียบการเติบโตขึ้นมาประมาณ 266.1% และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12.8% ของประชากรทั้งหมด และคิดเป็น 2.6% เมื่อเทียบกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเอเซียทั้งหมด

สำหรับเป้าหมายใน 3 ปีนับจากนี้จะแบ่งสัดส่วนรายได้จากสื่อออนไลน์หรือสื่อดิจิตอลเเพิ่มเป็นประมาณ 35% และอีก 65% เป็นสื่อหลักดั้งเดิม
ไอเดีย
กำลังโหลดความคิดเห็น