แอร์โรว์เน้นทำตลาดภายใต้กลยุทธ์โซเชี่ยล มาร์เก็ตติ้ง ล่าสุดเดินหน้าทำมูฟวี่ มาร์เก็ตติ้ง จับมือกันตนา ร่วมเป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์แอนนิเมชั่น3 มิติ “ก้านกล้วย” ภายใต้งบกว่า 20 ล้านบาท เตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีนจัดแคมเปญ“ARROW อั่งเป่า มั่งคั่ง ยั่งยืน” และออกคอลเลคชั่นใหม่เป็นครั้งแรก
นายสมพล ชัยสิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายชายแอร์โรว์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดของบริษัทฯให้แต่ละแบรนด์สินค้าในเครือจะเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือกลยุทธ์ โซเชี่ยล มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น โดยในส่วนแบรนด์แอร์โรว์ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวนี้ ซึ่งที่ผ่านมาแอร์โรว์ได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ เช่น โครงการอย่าทำช้างเจ็บ และโครงการคิดถึงสมเด็จย่า ฯลฯ ผ่านการออกคอลเล็คชั่นพิเศษตามโครงการ จากนั้นจะนำรายได้ที่ได้เข้าโครงการนั้นๆ
ล่าสุดบริษัทฯร่วมกับบริษัทกันตนาในการเป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์แอนนิเมชั่น 3มิติ เรื่อง “ก้านกล้วย” ภายใต้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เนื่องจากภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับช้าง สอดคล้องกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่แอร์โรว์ได้ทำ ส่วนผลิตภัณฑ์ภายใต้สำหรับแคมเปญนี้บริษัทฯจะผลิตออกจำหน่ายในช่วงระยะเวลาที่ภาพยนตร์นี้ออกฉาย
“บริษัทฯเตรียมออกคอลเลคชั่นแอร์โรว์อีก 3 คอลเลคชั่นตามช่วงเทศกาลต่างๆ ล่าสุดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ บริษัทฯได้จัดแคมเปญ“ARROW อั่งเปา มั่งคั่ง ยั่งยืน” พร้อมด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่รับตรุษจีนเป็นครั้งแรก อาทิ เสื้อยืดลายพิเศษ ลายมังกร สำหรับผู้ชาย และลายหงษ์ สำหรับผู้หญิง ภายใต้งบแคมเปญนี้กว่า 10 ล้านบาท โดยแคมเปญเริ่มระหว่างวันที่ 20-31 มกราคมนี้”
ทั้งนี้ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของแอร์โรว์ในต่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น หลังจากที่บริษัทPBS ซึ่งเป็นเจ้าของอินเตอร์แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชายอย่าง คาลวิน ไคลด์ได้เข้าซื้อกิจการจากบริษัท Cluett Peabody เจ้าของเดิมในปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทแม่ได้มีการเปลี่ยนโลโก้แอร์โรว์ใหม่จากเอตัวใหญ่กว่าตัวอักษรอื่นมาเป็นเอเท่ากับตัวอักษรอื่น ซึ่งที่ไทยได้ขานรับนโยบายเปลี่ยนโลโก้แอร์โรว์ใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต2 หลักจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 1พันกว่าล้านบาท ส่วนมูลค่าตลาดเสื้อผ้าผู้ชายระดับบนมีประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทหรือมีการเติบโต 5-8% โดยปัจจุบันแอร์โรว์มีส่วนแบ่งการตลาด 20% ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันเสื้อผ้าชายปีนี้มองว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงทั้งจากแบรนด์ในและต่างประเทศ เนื่องจากการเปิดตัวของสยามพารากอน หรือพฤติกรรมลูกค้าชายที่ให้ความสำคัญการแต่งกายมากขึ้น
นายสมพล ชัยสิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายชายแอร์โรว์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดของบริษัทฯให้แต่ละแบรนด์สินค้าในเครือจะเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือกลยุทธ์ โซเชี่ยล มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น โดยในส่วนแบรนด์แอร์โรว์ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวนี้ ซึ่งที่ผ่านมาแอร์โรว์ได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ เช่น โครงการอย่าทำช้างเจ็บ และโครงการคิดถึงสมเด็จย่า ฯลฯ ผ่านการออกคอลเล็คชั่นพิเศษตามโครงการ จากนั้นจะนำรายได้ที่ได้เข้าโครงการนั้นๆ
ล่าสุดบริษัทฯร่วมกับบริษัทกันตนาในการเป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์แอนนิเมชั่น 3มิติ เรื่อง “ก้านกล้วย” ภายใต้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เนื่องจากภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับช้าง สอดคล้องกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่แอร์โรว์ได้ทำ ส่วนผลิตภัณฑ์ภายใต้สำหรับแคมเปญนี้บริษัทฯจะผลิตออกจำหน่ายในช่วงระยะเวลาที่ภาพยนตร์นี้ออกฉาย
“บริษัทฯเตรียมออกคอลเลคชั่นแอร์โรว์อีก 3 คอลเลคชั่นตามช่วงเทศกาลต่างๆ ล่าสุดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ บริษัทฯได้จัดแคมเปญ“ARROW อั่งเปา มั่งคั่ง ยั่งยืน” พร้อมด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่รับตรุษจีนเป็นครั้งแรก อาทิ เสื้อยืดลายพิเศษ ลายมังกร สำหรับผู้ชาย และลายหงษ์ สำหรับผู้หญิง ภายใต้งบแคมเปญนี้กว่า 10 ล้านบาท โดยแคมเปญเริ่มระหว่างวันที่ 20-31 มกราคมนี้”
ทั้งนี้ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของแอร์โรว์ในต่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น หลังจากที่บริษัทPBS ซึ่งเป็นเจ้าของอินเตอร์แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชายอย่าง คาลวิน ไคลด์ได้เข้าซื้อกิจการจากบริษัท Cluett Peabody เจ้าของเดิมในปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทแม่ได้มีการเปลี่ยนโลโก้แอร์โรว์ใหม่จากเอตัวใหญ่กว่าตัวอักษรอื่นมาเป็นเอเท่ากับตัวอักษรอื่น ซึ่งที่ไทยได้ขานรับนโยบายเปลี่ยนโลโก้แอร์โรว์ใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต2 หลักจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 1พันกว่าล้านบาท ส่วนมูลค่าตลาดเสื้อผ้าผู้ชายระดับบนมีประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทหรือมีการเติบโต 5-8% โดยปัจจุบันแอร์โรว์มีส่วนแบ่งการตลาด 20% ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันเสื้อผ้าชายปีนี้มองว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงทั้งจากแบรนด์ในและต่างประเทศ เนื่องจากการเปิดตัวของสยามพารากอน หรือพฤติกรรมลูกค้าชายที่ให้ความสำคัญการแต่งกายมากขึ้น