กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนป้องกันเอดส์แบบเข้มข้น ตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่จากปีละ 17,000 รายในปัจจุบัน ให้เหลือไม่เกิน 7,500 รายในปี 2551
ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อ เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ป้องกันการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ โดยจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง จากแนวโน้มปัจจุบันที่พบปีละ 17,000 ราย ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายใน 3 ปี หรือให้เหลือไม่เกิน 7,500 รายในปี 2551 โดยมาตรการที่ต้องเร่งรัดดำเนินการคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของกลุ่มผู้ติดเชื้อ กลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และประชาชน ให้ใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้น มีเป้าหมายให้ผู้ติดเชื้ออยู่แล้วใช้ถุงยางอนามัยให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จากปัจจุบันที่เกือบจะไม่ใช้เลย และในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนหรือนอกสมรส ให้ใช้ถุงยางอนามัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
ศ.นพ.สุชัย คาดว่าเป้าหมายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ โดยในปี 2549 นี้ จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกิน 14,000 ราย ในปี 2550 ไม่เกิน 11,000 ราย และปี 2551 ไม่เกิน 7,500 ราย ปี 2552 ไม่เกิน 6,700 ราย และปี 2553 จะมีไม่เกิน 6,000 ราย รวมผลการป้องกันตลอด 5 ปี คาดว่าจะป้องกันคนไทยไม่ให้ติดเชื้อเอดส์ได้ประมาณ 25,000 ราย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้มากกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท ใน 10 ปีข้างหน้า
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคเอดส์ในประเทศไทย ยังไม่ได้รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ คือ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 16,000-17,000 คน แต่มีสัญญาณเตือนภัยบางประการ คือ วัยรุ่นและเยาวชนมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์มากขึ้น การระบาดในกลุ่มชายรักชายใน กทม.มีถึงร้อยละ 28 หากไม่มีการเร่งรัดอาจมีการระบาดที่รุนแรงขึ้น
ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อ เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ป้องกันการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ โดยจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง จากแนวโน้มปัจจุบันที่พบปีละ 17,000 ราย ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายใน 3 ปี หรือให้เหลือไม่เกิน 7,500 รายในปี 2551 โดยมาตรการที่ต้องเร่งรัดดำเนินการคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของกลุ่มผู้ติดเชื้อ กลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และประชาชน ให้ใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้น มีเป้าหมายให้ผู้ติดเชื้ออยู่แล้วใช้ถุงยางอนามัยให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จากปัจจุบันที่เกือบจะไม่ใช้เลย และในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนหรือนอกสมรส ให้ใช้ถุงยางอนามัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
ศ.นพ.สุชัย คาดว่าเป้าหมายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ โดยในปี 2549 นี้ จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกิน 14,000 ราย ในปี 2550 ไม่เกิน 11,000 ราย และปี 2551 ไม่เกิน 7,500 ราย ปี 2552 ไม่เกิน 6,700 ราย และปี 2553 จะมีไม่เกิน 6,000 ราย รวมผลการป้องกันตลอด 5 ปี คาดว่าจะป้องกันคนไทยไม่ให้ติดเชื้อเอดส์ได้ประมาณ 25,000 ราย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้มากกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท ใน 10 ปีข้างหน้า
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโรคเอดส์ในประเทศไทย ยังไม่ได้รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ คือ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 16,000-17,000 คน แต่มีสัญญาณเตือนภัยบางประการ คือ วัยรุ่นและเยาวชนมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์มากขึ้น การระบาดในกลุ่มชายรักชายใน กทม.มีถึงร้อยละ 28 หากไม่มีการเร่งรัดอาจมีการระบาดที่รุนแรงขึ้น