คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงบทความนี้
นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร บอกกับกลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่นที่เข้าพบ ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า คำขวัญวันเด็กแต่ละปีนั้นจะคิดเองและเขียนด้วยลายมือตัวเอง
ตลอด 5 ปีของยุคนายกรัฐมนตรีทักษิณ คำขวัญวันเด็กนับว่าแตกต่างจากยุคก่อนๆ คือ ไม่เน้นเรื่องคุณธรรม การทำความดีจนถูกวิจารณ์จากสังคมจึงชี้แจงออกมาดังนี้
"คำขวัญวันเด็กในสมัยก่อนเน้นเรื่องวินัย ความซื่อสัตย์ ตรงเวลา อะไรต่ออะไร ซึ่งบังเอิญยุคสมัยมันเปลี่ยน ผมอยากเห็นเด็กไทยเติบโตขึ้นมา ฉลาดและคิดเป็น ถ้าไม่ฉลาดและคิดไม่เป็นมันจะเป็นเหยื่อ เพราะโลกเศรษฐกิจทุนนิยมเป็นโลกที่คนฉลาดได้เปรียบคนฉลาดน้อยกว่าถูกกิน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนฉลาดกว่ากินคนโง่ เป็นโลกที่ชอบไม่ชอบก็ต้องอยู่กับมัน"
น่าชื่นชมที่มีเด็กนักเรียนหญิงชาวสุโขทัย จากโรงเรียนลิไทพิทยาคม แสดงความเห็นว่า
"คำขวัญวันเด็กที่ว่า...อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด...เมื่อคิดเป็นแล้ว คนฉลาดต้องมีธรรมะ เมื่อมีธรรมะจิตใจก็จะสะอาดบริสุทธิ์ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างบริสุทธิ์"
"คนฉลาดหลายคนไม่มีธรรมะอยู่ในใจ ใช่ความฉลาดตรงไปเป็นประโยชน์ คือไปกดดันหรือไปใช้กับคนไม่ฉลาดคนที่มีความรู้อ่อนกว่า"
นี่คือการขยายคำขวัญวันเด็กให้มีเป้าหมาย และเป็นความสำคัญที่ประเทศชาติต้องการ
เพราะขณะที่นายกรัฐมนตรีมักพูด และเน้นไปในแนวที่อยากให้เด็กไทยฉลาดและเก่ง
ถ้าไม่มีธรรมะ ไม่มีคุณธรรมกำกับ ก็จะมีบางคนกลายเป็นคนฉลาดแกมโกง และโกงเก่ง
ยิ่งครอบครัวมีเงินมีอำนาจทางการเมืองหรือคนมีพวกพ้องอุ้มชู เด็กในวันนี้ก็อาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เลวร้ายที่ฉลาดในการหาผลประโยชน์ โดยไม่สนใจว่าจะก่อผลความเสียหายให้แก่สังคมและประเทศชาติอย่างไร
การที่ผู้นำรัฐบาลแสดงท่าทีเห็นความสำคัญของเด็กในวันนี้และประกาศแนวทางที่จะดำเนินการเพื่อเด็กทั้งการกระตุ้นให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงระบบการสอนให้เด็กรู้จักคิดแทนการท่องจำ การส่งเสริมสื่อที่ดีเพื่อเด็กและจัดการกับสื่อลามก"
ความเคลื่อนไหวทำนองนี้ ย่อมได้กระแสความพยายามสร้างผลงานให้ได้รับรู้ว่า ห่วงใยเด็กในสังคม
ก็นับว่าดี เพราะปัญหาที่เกิดกับเด็กนั้นมีผลทั้งปัจจุบันและอนาคต
เพียงแต่นัการเมืองผู้เข้ามาบริหารประเทศต้องถามใจตัวเองว่า เข้ามาบริหารจัดการด้วยเป้าหมายคุณประโยชน์ "เพื่อใคร" มุ่งเพื่อตัวเองและครอบครัวหรือเพื่อส่วนรวม การจัดการบริหารเรื่องต่างๆ แม้อาจเลือกในประเด็นที่ไม่เป็นผลเสียและเป็นผลประโยชน์ตนและพวกพ้องก็ตาม
แต่สังคมยุคปัจจุบันการรับรู้และสภาวะไร้พรมแดนของเทคโนโลยีการสื่อสารและการเผยแพร่ข่าวสาร การตรวจสอบจากการเมืองภาคประชาชนนับว่าจะมีมากขึ้น
ดังนั้น นักการเมืองที่ไม่มีเป้าหมายเพื่อสังคมและประเทศชาติอย่างจริงใจ ก็จะต้องเผชิญปัญหากดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ทบทวนลด-ละ-เลิก การกระทำที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถทำความกระจ่างให้สังคมวางใจ
ดูเสียงสะท้อนจากเอเบคโพล ที่สำรวจความเห็นของเด็กต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี 3 อันดับต้น คือ การดื่มเหล้า (75.2%) การสูบบุหรี่ (73.2%) และการเสพยาเสพติด (60.3%)
ส่วนพฤติกรรมของนักการเมืองที่เด็กๆ ไม่อยากเห็นก็คือ การทุจริตคดโกง (50.8%) การทะเลาะกันในสภา (27.1%) และการเลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบ (14.6%)
ขณะที่สวนดุสิตโพล สำรวจว่า เด็กในสายตาผู้ใหญ่ในวัยนี้ ประเด็นเด็กที่ผู้ใหญ่ภูมิใจมี 61.3% คือ กล้าคิดกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง
แสดงว่าเด็กกับผู้ใหญ่ที่ฉลาดและคิดเป็นในความถูกต้องก็จะสอดคล้องกัน
ขนาดเด็กยังรู้สึกไม่อยากให้มีนักการเมืองทุจริตคดโกง ซึ่งก็สอดคล้องกับกระแสสังคมของผู้ใหญ่ที่เหนื่อยหน่ายกับพฤติการณ์ และข่าวการทุจริตคอร์รัปชั่นลุกลามไปทุกวงการและมีมูลค่าความผิดสูงขึ้นถึึงระดับพันล้านหมื่นล้าน โดยรัฐบาลยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้
ก็เพราะเนื้อหาหลักของรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดโปงข้อมูลและตั้งข้อสงสัยถามนายกรัฐมนตรีทุกวันศุกร์
จนผู้คนทั้งที่ไปฟังสดที่ลุมพินีสถาน และสังคมได้การรับรู้จากสื่อยุคใหม่อย่างกว้างขวาง พากันตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลที่น่าสงสัยในความถูกต้องโปร่งใส
แม้นายกรัฐมนตรีจะยังไม่ตอบคำถามหลายข้อจากเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์แต่่กระแสกดดันก็ทำให้ต้องประกาศว่าปี 2549 จะเอาจริงกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
เป็นการประกาศเอาจริงเป็นครั้งที่ 3 นับแต่ตอนหาเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาลในปีแรก
ดังนั้นถ้าการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบของรัฐบาลโดยมี "ธรรมะ"กำกับอย่างที่น้องจากโรงเรียนที่สุโขทัยขยายความ่คำขวัญวันเด็กของท่านนายกรัฐมนตรีตามนัยข้างต้น
ผู้ใหญ่ในวงการเมืองวันนี้จะมีแต่คนเชื่อถือศรัทธา และเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กในปัจจุบันที่อยากเจริญรอยตาม
กระทรวงศึกษาธิการเมื่อจะนำคำคมจากคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีทักษิณไปใช้เป็นแนวทางการสร้างเด็ก จึงจำเป็นต้องขยายความโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นเด็กที่ทั้งฉลาดและคิดเป็นด้วยการ "ใฝ่คุณธรรม"
นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร บอกกับกลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่นที่เข้าพบ ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า คำขวัญวันเด็กแต่ละปีนั้นจะคิดเองและเขียนด้วยลายมือตัวเอง
ตลอด 5 ปีของยุคนายกรัฐมนตรีทักษิณ คำขวัญวันเด็กนับว่าแตกต่างจากยุคก่อนๆ คือ ไม่เน้นเรื่องคุณธรรม การทำความดีจนถูกวิจารณ์จากสังคมจึงชี้แจงออกมาดังนี้
"คำขวัญวันเด็กในสมัยก่อนเน้นเรื่องวินัย ความซื่อสัตย์ ตรงเวลา อะไรต่ออะไร ซึ่งบังเอิญยุคสมัยมันเปลี่ยน ผมอยากเห็นเด็กไทยเติบโตขึ้นมา ฉลาดและคิดเป็น ถ้าไม่ฉลาดและคิดไม่เป็นมันจะเป็นเหยื่อ เพราะโลกเศรษฐกิจทุนนิยมเป็นโลกที่คนฉลาดได้เปรียบคนฉลาดน้อยกว่าถูกกิน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนฉลาดกว่ากินคนโง่ เป็นโลกที่ชอบไม่ชอบก็ต้องอยู่กับมัน"
น่าชื่นชมที่มีเด็กนักเรียนหญิงชาวสุโขทัย จากโรงเรียนลิไทพิทยาคม แสดงความเห็นว่า
"คำขวัญวันเด็กที่ว่า...อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด...เมื่อคิดเป็นแล้ว คนฉลาดต้องมีธรรมะ เมื่อมีธรรมะจิตใจก็จะสะอาดบริสุทธิ์ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างบริสุทธิ์"
"คนฉลาดหลายคนไม่มีธรรมะอยู่ในใจ ใช่ความฉลาดตรงไปเป็นประโยชน์ คือไปกดดันหรือไปใช้กับคนไม่ฉลาดคนที่มีความรู้อ่อนกว่า"
นี่คือการขยายคำขวัญวันเด็กให้มีเป้าหมาย และเป็นความสำคัญที่ประเทศชาติต้องการ
เพราะขณะที่นายกรัฐมนตรีมักพูด และเน้นไปในแนวที่อยากให้เด็กไทยฉลาดและเก่ง
ถ้าไม่มีธรรมะ ไม่มีคุณธรรมกำกับ ก็จะมีบางคนกลายเป็นคนฉลาดแกมโกง และโกงเก่ง
ยิ่งครอบครัวมีเงินมีอำนาจทางการเมืองหรือคนมีพวกพ้องอุ้มชู เด็กในวันนี้ก็อาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เลวร้ายที่ฉลาดในการหาผลประโยชน์ โดยไม่สนใจว่าจะก่อผลความเสียหายให้แก่สังคมและประเทศชาติอย่างไร
การที่ผู้นำรัฐบาลแสดงท่าทีเห็นความสำคัญของเด็กในวันนี้และประกาศแนวทางที่จะดำเนินการเพื่อเด็กทั้งการกระตุ้นให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงระบบการสอนให้เด็กรู้จักคิดแทนการท่องจำ การส่งเสริมสื่อที่ดีเพื่อเด็กและจัดการกับสื่อลามก"
ความเคลื่อนไหวทำนองนี้ ย่อมได้กระแสความพยายามสร้างผลงานให้ได้รับรู้ว่า ห่วงใยเด็กในสังคม
ก็นับว่าดี เพราะปัญหาที่เกิดกับเด็กนั้นมีผลทั้งปัจจุบันและอนาคต
เพียงแต่นัการเมืองผู้เข้ามาบริหารประเทศต้องถามใจตัวเองว่า เข้ามาบริหารจัดการด้วยเป้าหมายคุณประโยชน์ "เพื่อใคร" มุ่งเพื่อตัวเองและครอบครัวหรือเพื่อส่วนรวม การจัดการบริหารเรื่องต่างๆ แม้อาจเลือกในประเด็นที่ไม่เป็นผลเสียและเป็นผลประโยชน์ตนและพวกพ้องก็ตาม
แต่สังคมยุคปัจจุบันการรับรู้และสภาวะไร้พรมแดนของเทคโนโลยีการสื่อสารและการเผยแพร่ข่าวสาร การตรวจสอบจากการเมืองภาคประชาชนนับว่าจะมีมากขึ้น
ดังนั้น นักการเมืองที่ไม่มีเป้าหมายเพื่อสังคมและประเทศชาติอย่างจริงใจ ก็จะต้องเผชิญปัญหากดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ทบทวนลด-ละ-เลิก การกระทำที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถทำความกระจ่างให้สังคมวางใจ
ดูเสียงสะท้อนจากเอเบคโพล ที่สำรวจความเห็นของเด็กต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี 3 อันดับต้น คือ การดื่มเหล้า (75.2%) การสูบบุหรี่ (73.2%) และการเสพยาเสพติด (60.3%)
ส่วนพฤติกรรมของนักการเมืองที่เด็กๆ ไม่อยากเห็นก็คือ การทุจริตคดโกง (50.8%) การทะเลาะกันในสภา (27.1%) และการเลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบ (14.6%)
ขณะที่สวนดุสิตโพล สำรวจว่า เด็กในสายตาผู้ใหญ่ในวัยนี้ ประเด็นเด็กที่ผู้ใหญ่ภูมิใจมี 61.3% คือ กล้าคิดกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง
แสดงว่าเด็กกับผู้ใหญ่ที่ฉลาดและคิดเป็นในความถูกต้องก็จะสอดคล้องกัน
ขนาดเด็กยังรู้สึกไม่อยากให้มีนักการเมืองทุจริตคดโกง ซึ่งก็สอดคล้องกับกระแสสังคมของผู้ใหญ่ที่เหนื่อยหน่ายกับพฤติการณ์ และข่าวการทุจริตคอร์รัปชั่นลุกลามไปทุกวงการและมีมูลค่าความผิดสูงขึ้นถึึงระดับพันล้านหมื่นล้าน โดยรัฐบาลยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้
ก็เพราะเนื้อหาหลักของรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดโปงข้อมูลและตั้งข้อสงสัยถามนายกรัฐมนตรีทุกวันศุกร์
จนผู้คนทั้งที่ไปฟังสดที่ลุมพินีสถาน และสังคมได้การรับรู้จากสื่อยุคใหม่อย่างกว้างขวาง พากันตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลที่น่าสงสัยในความถูกต้องโปร่งใส
แม้นายกรัฐมนตรีจะยังไม่ตอบคำถามหลายข้อจากเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์แต่่กระแสกดดันก็ทำให้ต้องประกาศว่าปี 2549 จะเอาจริงกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
เป็นการประกาศเอาจริงเป็นครั้งที่ 3 นับแต่ตอนหาเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาลในปีแรก
ดังนั้นถ้าการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบของรัฐบาลโดยมี "ธรรมะ"กำกับอย่างที่น้องจากโรงเรียนที่สุโขทัยขยายความ่คำขวัญวันเด็กของท่านนายกรัฐมนตรีตามนัยข้างต้น
ผู้ใหญ่ในวงการเมืองวันนี้จะมีแต่คนเชื่อถือศรัทธา และเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กในปัจจุบันที่อยากเจริญรอยตาม
กระทรวงศึกษาธิการเมื่อจะนำคำคมจากคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีทักษิณไปใช้เป็นแนวทางการสร้างเด็ก จึงจำเป็นต้องขยายความโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นเด็กที่ทั้งฉลาดและคิดเป็นด้วยการ "ใฝ่คุณธรรม"