xs
xsm
sm
md
lg

แพรนด้ารุกตปท.ร่วมทุนโครลล์ลุยเครื่องประดับเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – แพรนด้า จิวเวลรี่ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ   ประกาศร่วมลงทุนกับโครลล์จากเยอรมันจัดตั้งบริษัทใหม่  เน้นผลิตและขายเครื่องประดับเงิน  คาดเปิดตัวแบรนด์อินเตอร์ได้ในก.พ.นี้      ส่วนพรีม่าโกลด์ในไทยเตรียมทุ่มงบ 50 ล้านบาทขยายสาขา 3 แบรนด์ พรีม่าโกลด์ ,  พรีม่าไดมอนด์ และเซ็นจูรี่ โกลด์   พร้อมอัดงบการตลาด 20 ล้านบาท   เชื่อว่าราคาทองในช่วงตรุษจีนปีนี้จะไม่มีการปรับขึ้นแบบหวือหวา หลังจากที่ผ่านมาราคาทองเพิ่ม 8-10%    ด้านตลาดส่งออกเตรียมรุกมากขึ้น   คาดยอดขายปีนี้โตขึ้น 15%  

นางปราณี คุณประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องประดับเพชรและทอง แบรนด์แพรนด้า, พรีม่าโกลด์ ,  พรีม่าไดมอนด์ และเซ็นจูรี่ โกลด์  เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า  บริษัทฯได้มีการร่วมลงทุนกับบริษัท โครลล์ (Kroll)ของประเทศเยอรมัน  จัดตั้งบริษัท Pranda & Kroll GmbH & Co.KG ที่เยอรมัน ในสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็นบริษัท แพรนด้า 51% และโครลล์ 49%  ซึ่งการเปิดบริษัทใหม่นี้เบื้องต้นจะทำการผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับที่ผลิตจากเงิน      ขณะที่การบริหารงานจะแบ่งเป็นบริษัทแพรนด้าฯผลิตสินค้า และบริษัทโครลล์เป็นผู้ทำตลาดให้  
สำหรับสินค้าที่แรกที่จะทำตลาดร่วมกับพันธมิตรจะเป็นแบรนด์อินเตอร์ที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์นี้    ลักษณะสินค้าจะเป็นเครื่องประดับเงินภายใต้คอนเซ็ปต์ โมเดิร์น ซิลเวอร์   ซึ่งเป็นสินค้าไลน์ใหม่นี้ จะเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่แนวเทรนดี้หรือตลาดบนที่นิยมเครื่องประดับเงิน     ซึ่งเบื้องต้นจะเปิดตลาดในประเทศเยอรมันก่อน  จากนั้นจึงขยายตลาดไปประเทศอื่น เช่น นอร์เวย์ ,ฮอลแลนด์,ออสเตรีย และ ตะวันออกกกลาง ,อเมริกา ญี่ปุ่นและไทย  ซึ่งการร่วมมือจะเป็นในรูปแบบร่วมกับพันธมิตรในแต่ละประเทศ
พรีม่าโกลด์ทุ่มงบ 50 ลบ.ขยายสาขา 3 แบรนด์
นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  บริษัทในเครือแพรนด้า  เปิดเผยว่า  แผนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯเตรียมใช้งบประมาณกว่า 40-50 ล้านบาทในการขยายสาขาเพิ่มให้กับ 3 แบรนด์   แบ่งเป็น แบรนด์พรีม่าโกลด์ 3 สาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด  เช่น ที่เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า และโรบินสันในต่างจังหวัด    จากปัจจุบันมีเคาน์เตอร์ 40 แห่ง  ซึ่งสาขาล่าสุดที่เปิดที่สยามพารากอนจะเป็นในลักษณะชอป ที่จำหน่ายสินค้ามทั้งพรีม่าโกลด์,พรีม่า ไดมอนดืและพรีม่าอาร์ต   ภายใต้งบลงทุนชอปละมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป     ส่วนงบลงทุนเคาน์เตอร์ปกติในแต่ละสาขาใช้ประมาณ 3-4 ล้านบาท   
ส่วนพรีม่า ไดมอนด์ ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพชร ปัจจุบันมี 10 สาขา ปีนี้บริษัทฯจะรุกตลาดเพชรมากขึ้นและคาดว่าจะเพิ่มสาขาอีก 5 ชอปขึ้นไป ภายใต้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาทหรือเคาน์เตอร์ละ 3 ล้านบาท    ส่วนแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์ที่จำหน่ายมอง 96.5  ปีนี้จะมีการทำตลาดชัดเจนมากขึ้น โดยมีแผนขยายเพิ่มอีก 5 สาขา จากปัจจุบันมี 7 สาขา  ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 20 ล้านบาท
"ปี2549นี้บริษัทฯเตรียมใช้งบการตลาดให้ 2 แบรนด์ ได้แก่ พรีม่าโกลด์และพรีม่าไดมอนด์รวมเกือบ 20 ล้านบาท  โดยจะมีการนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ออกมาปีละประมาณ 3-4 ครั้ง เช่น เตรียมเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในงานบางกอกเจมส์   รวมถึงจะเน้นการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง  หลังจากที่ปีที่แล้วเน้นลงทุนด้านวิจัยแบรนด์เป็นหลัก มาปีนี้จะใช้งบไปที่การส่งเสริมการขายและโฆษณาประชาสัมพันธ์แทน"
เล็งรุกตลาดอินเดียหนักปีนี้
ด้านตลาดต่างประเทศ ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายแบรนด์พรีม่าโกลด์ไปยังในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นในสินค้าทอง99.99 ที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ    ปัจจุบันบริษัทฯมีส่งออกพรีม่าโกลด์ไปกว่า 13 ประเทศ  โดยปีนี้ประเทศที่บริษัทฯจะรุกตลาดมากขึ้น คือ อินเดีย  เนื่องจากตลาดอินเดียมีการบริโภคทอง 22 เค  แต่ทองที่บริษัทฯจะนำไปเสนอขายจะเป็น 24 เค    เบื้องต้นปีแรกคาดว่าจะมีตัวแทนจำหน่าย 40-50 ราย   โดยสัดส่วนรายได้ส่งออกปีนี้คาดว่าจะโต 40% จากรายได้ปี2548 ที่มีประมาณ 155 ล้านบาท   
ราคาทองช่วงตรุษจีนนี้ไม่หวือหวา
นางสาวรุ่งนภา  กล่าวด้วยว่า  ตลาดทองรูปพรรณในปีนี้ ราคาทองยังมีความผันผวนอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดทองคำโลกและสถานการณ์วุ่นวายจากภูมิภาคต่างๆของโลก  รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและความต้องการใช้ทองคำมีมากขึ้น  ตรงนี้ทำให้ราคาทองในปีที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา   ซึ่งที่ผ่านมาราคาทองมีการปรับเพิ่มขึ้น 8-10%  และเชื่อว่าราคาทองในช่วงตรุษจีนปีนี้จะไม่มีการปรับขึ้นแบบหวือหวา  ปัจจุบันราคาทองรูปพรรณในประเทศอยู่ที่บาทละ 10,200 บาท (ไม่รวมค่ากำเหน็จ)    
ในด้านกำลังซื้อของลูกค้าในปีที่แล้วต่อทอง 96.5และทองรูปพรรณ พบว่ากำลังซื้อลดลง 30-40%   แต่ในส่วนของพรีม่าโกลด์ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นทอง 99.9 และลูกค้าที่มาซื้อมีกำลังซื้อที่สูง  ส่วนทอง96.5 ที่บริษัทฯขายก็มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนทองทั่วไปอย่างที่เยาวราชจึงไม่ได้รับผลกระทบมาก  
สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทแพรนด้าฯปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% จากปี 2548 ที่มีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นรายได้ในประเทศ  10%   ส่วนยอดขายบริษัทพรีม่าโกลด์ปีนี้คาดว่าจะโต 15%  จากปี2548ที่มีผลประกอบการ  500  ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 20% แบ่งเป็นพรีม่าโกลด์ 70%  พรีม่าไดมอนด์ 28% และที่เหลือพรีม่าอาร์ต     ปัจจุบันพรีม่าโกลด์ยังเป็นผู้นำในตลาดทองคำรูปพรรณ 99.9% ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 60%
กำลังโหลดความคิดเห็น