tavanron@yahoo.com
ดาวพุธปีนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาผิดปกติ เพราะเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือการคอร์รัปชันอย่างหนักในบ้านเมืองของเราที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ว่ากันว่าเป็นเรื่องของดาวพุธทั้งสิ้น โดยมีผู้รู้กำหนดลงไปว่าต้องระวังปากให้มาก หยุดพูดเสียได้ก็จะไม่มีอะไรทำนองนั้นก็จะประเสริฐเป็นที่สุด
อย่างที่ว่าหรืออย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าบ้านเมืองและสังคมไทยกำลังย่อยยับในหลายๆ ด้านโดยไม่มีใครสามารถจะแก้ไขอะไรได้ เพราะนักแก้ไขปัญหาบ้านเมืองทุกคนของเราจะแก้ได้แต่ปากเท่านั้น แต่แก้จริงๆ แก้ไม่ได้ เอากันง่ายๆ การปราบปรามผู้ก่อการร้ายในภาค ใต้เป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลที่จะแก้ให้ได้หลังจากโง่เขลากันมาเป็นเวลาสองปีแล้วยังพูดได้เพียงว่า "ประชาชนได้ให้ความร่วมมือมากขึ้นหรือรู้อะไรมากขึ้น" แต่ไม่รู้หรือรู้ก็ตาม มันจะต้องทำและต้องแก้ไขปัญหาในฐานะเป็นรัฐบาลหรือเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองหลงอำนาจจะอุ้มใครไปฆ่าที่ไหนก็ทำกันได้ อยากจะยิงใครฆ่าใครทำได้ทั้งนั้น แม้เมื่อถึงเวลาอยากจะโกหกหลอกลวงอะไรชาวบ้านก็โกหกเรื่อยไป อย่างเมื่อไม่นานมานี้โกหกว่าปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้จะเรียบร้อยในวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เวลานี้ผ่านมาเกิน 15 วันแล้วมีข่าวใหม่ว่าจะแก้ให้เรียบร้อยได้ในวันที่ 16 แต่อาจจะหลายปีข้างหน้า เพราะรัฐบาลและชนชั้นปกครองชุดปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะทำงานกันด้วยการโกหกกันเป็นส่วนใหญ่ แต่คนไทยทุกคนที่มีดาวพุธในดวงไม่ได้โกหกกันทุกคน
ในวงการเมืองของเราจะพัฒนากันไปด้วยการโกหกพกลมอย่างถึงขนาดมาตลอด ซึ่งการโกหกนั้นในทางโหราศาสตร์มาจากดาวพุธทั้งสิ้น และในขณะเดียวกัน การศึกษา การเรียนรู้และความเฉลียวฉลาดทั้งหลายทั้งปวงรวมถึงการติดต่อสื่อสาร การศึกษาเล่าเรียนของคนนั้นมาจากพุธ แต่คนเหล่านั้นดาวพุธจะไม่ทำให้ชั่วเหมือนนักการเมือง
ตำราโหราศาสตร์ที่มีหลักเกณฑ์บังคับให้ถือว่าพุธมีหน้าที่ และคุณสมบัติที่แน่นอนในการทำหน้าที่สื่อสารให้คนอื่นรู้และเข้าใจ หรือ Communication และการร่วมมือ หรือ Coordination และการประเมินผลหรือการประมาณการ หรือ Evaluation
การทำหน้าที่และคุณสมบัติของดาวพุธมีดังต่อไปนี้คือ
(1) ความสามารถในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง (Adaptability)
(2) การใช้ประสาทหรือสมอง (Mental Exercise)
(3) มีปัญญามากหรือตวัดลิ้นได้รอบตัว (Versatility)
(4) ความสามารถในการติตต่อสื่อสาร (Communicativeness)
(5) การให้ความร่วมมือ (Coordination)
(6) การแลกเปลี่ยนข่าวสาร (Information Exchange)
(7) การเปลี่ยนแปลงง่าย (Volatility)
ดาวพุธไม่ว่าในดวงชะตาใครก็ตามจะมีคุณสมบัติที่สำคัญทั้งหมดนี้ แต่พุธทำหน้าที่สองอย่างในดวงชะตาคน คือ (1) ให้โทษ (2) ให้คุณ หรือให้โทษให้คุณได้ทั้งสองประการ
ดาวพุธที่ให้คุณนั้นจะให้ทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือเกียรติยศ แต่ในขณะเดียวกันดาวพุธที่ให้โทษนั้นอาจจะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เวลาเอาคืนหรือการให้เจ้าชะตาใช้หนี้ก็จะเอากันหนักไม่แพ้กัน
เพราะฉะนั้นในดวงชะตาคนทุกคนจะต้องมีอยู่ แต่พุธจะให้คุณหรือให้โทษจะต้องขึ้นกับ (1) ตำแหน่งที่พุธสถิตอยู่ในดวงชะตา ถ้าสถิตในตำแหน่งที่ดีก็จะให้คุณสูง (2) ความสัมพันธ์ดีหรือสัมพันธ์ร้ายกับดาวดวงอื่น ถ้าสัมพันธ์ดีก็จะให้คุณ ถ้าสัมพันธ์ร้ายก็จะให้ความวิบัติวอดวายไปตามกฎเกณฑ์ เพราะฉะนั้นคนทั้งโลกที่เกิดมาอยู่ใน 12 ราศีด้วยกันจึงไม่มีคนชั่วไปเสียหมดหรือไม่มีคนดีไปเสียหมด
เพราะฉะนั้น นักโหราศาสตร์ไม่ว่าจะดังหรือไม่ดังที่พูดส่งเดชออกไปว่า ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองนั้นเพราะดาวพุธถอยหลังเป็นการหลับหูหลับตาพูดทั้งสิ้น
ดาวพุธที่ให้โทษสูงสุดชนิดเอากันถึงฉิบหายขายตัวไปเลยนั้น ได้แก่พุธที่อยู่ใกล้กับอาทิตย์ไม่เกิน 16 องศา ที่เรียกว่าดาวพุธถูกอิทธิพลของอาทิตย์กลบ เรียกว่าพุธดับ (Combustion) จะตกอยู่ในระหว่างวันแรม 14 ค่ำหรือ 15 ค่ำของแต่ละเดือนที่อาทิตย์จะโคจรไปทับพุธ ซึ่งตำรากล่าวว่าใครที่เกิดมาในระยะนั้นก็จะประสบความวิบัติร้ายแรงในชีวิต และท่านห้ามถึงขนาดสาปแช่งเอาไว้ว่าห้ามมิให้ใครให้ฤกษ์ยามในการที่จะกระทำการมงคลใดๆ พุธดับให้โทษดูเหมือนจะมีในดวงชะตานักการเมืองไทยบางคนในขณะนี้ที่กำลังรอเวรกรรมที่พุธจะให้โทษอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มให้มาแล้วตั้งแต่ดาวเสาร์โคจรจากราศีเมถุนมาสู่ราศีกรกฎตั้งแต่เดือนเมษายนที่แล้วเป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ซึ่งบรรดานักโหราศาสตร์ไม่ อยู่ด้วยความประมาทอาจได้ประโยชน์ต่อไป
วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่สลับซับซ้อน เพราะไม่ได้ถือว่าโหราศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับวงกลมบนแผ่นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งเท่านั้น แต่ตามความเป็นจริงแล้วโหราศาสตร์เป็นเรื่องของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล และวัตถุอื่นๆ ที่เป็นผลิตผลของโลกและธรรมชาติที่สลับซับซ้อนแม้แต่มนุษย์ที่ไม่มีใครเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร และเราจะใช้โหราศาสตร์มาศึกษาวิจัยสิ่งเหล่านี้โดยถือว่าเป็นเรื่องหมูๆ นั้นมันเป็นไปไม่ได้
แต่จากประสบการณ์ของโหราศาสตร์ที่ได้มีการศึกษากันมาตั้งแต่สมัยบาบิโลเนีย เราก็พอจะแคะออกมาได้บ้าง หรือด้วยหลักเกณฑ์ที่ผู้ค้นคว้าแต่โบราณได้เรียนรู้เอาไว้ การที่จะเอาให้ถูกต้องเสียทีเดียวนั้นจึงเป็นไปไม่ได้หรือยากที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังเสียทีเดียว
กรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพฯ ได้สร้างขึ้นมาในระยะเวลาที่โลกกำลังจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทุกด้าน เมืองไทยเป็นประเทศที่อยู่กับความล้าหลังหลายประการ ภัยอันตรายและความไม่พร้อมต่างๆ ก็ยังมีอยู่มาก แต่การวางฤกษ์ดวงชะตาเมืองตามตำรานครฐานของโบราณดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกที่จะต้องวางลัคนาไว้ที่ราศีเมษ และมีอาทิตย์สถิตอยู่ ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของพระมหากษัตริย์ และชนชั้นปกครองของประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความชั่วร้ายของระบอบประชาธิปไตยในดวงชะตาเมืองซึ่งวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้เแก่ ดาวเสาร์-พฤหัสบดีในภพที่ 9 ของดวงชะตาเมืองกำลังโคจรในสภาพที่ถอยหลังพร้อมกัน ดาวทั้งคู่เป็นดาวใหญ่ในวิชาโหราศาสตร์ที่ในทางการเมืองหมายถึงความขัดแย้งอย่างหนัก และความวุ่นวายในทางกฎหมายและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ การที่จะทายว่าอะไรจะเกิดขึ้นและนำไปสู่ความสะอิดสะเอียนอย่างหนัก และกิจการระหว่างประเทศรวมถึงการศึกษาระดับสูง และที่อันตรายที่สุดที่สามารถจะทายล่วงหน้าได้ว่าความชั่วนานาประการ และความประมาทต่างๆ จะทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียนและสมเพชขึ้นอย่างมากในวงการเหล่านี้ก็คือ การโคจรขึ้นมาจากราศีพิจิกของดาวพลูโต เป็นดวงดาวที่จะก้าวมาแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ให้หมดความเลวลงไปโดยไม่มีปรานีปราศรัย เพราะพลูโตหมายถึงการทำลายล้างในวิชาโหราศาสตร์ไม่ว่าระบบไหน พวกที่พยายามขายชาติระวังจะย่อยยับลงไปด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่น่าดูชมอย่างยิ่งจะเกิดจากการเข้ามากวาดล้างของพลูโตที่ว่านี้
ไม่ต้องเสียเวลาไปดูอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังมีสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาสูงและสภาต่ำจะทำให้เกิดความวิบัติวุ่นวายนานาประการ ทั้งตัวผู้แทนเองและวงการเมืองในระยะนี้ ไม่ใช่เพราะดาวพุธมันถอยหลังอย่างที่ว่ากัน มันเสื่อมมาตลอดเวลา
พลูโตในภพนี้จะมีการแก้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรจะนำไปสู่ความฉิบหายและความสกปรกแก่ชีวิตประชาชน และในขณะเดียวกัน ถ้ามีการเลือกตั้งก็อย่างที่เคยทำกันมา นั่นคือ ต้องใช้เงินซื้อเสียงแข่งขันกันอย่างฉิบหายวายวอด นักการเมืองที่จะได้รับเลือกตั้งขึ้นมาล้วนแต่จะได้มาเพราะการซื้อเสียงเพียงอย่างเดียว
เรื่องดีอื่นๆ ไม่ต้องคิด!
ยิ่งในยามที่ดวงเมืองมีเคราะห์อยู่ในขณะนี้ หน้าที่ของนักการเมืองที่เลือกตั้งมาด้วยการซื้อเสียงนั้น สิ่งที่จะต้องทำกันก็คือการหาวิธีที่จะคิดกินบ้านกินเมืองอย่างเดียว
ยังมีดาวสำคัญที่เกี่ยวกับการทำนายดวงเมืองอีก 2 ดวงที่ไม่ค่อยจะพูดถึงกันซึ่งเป็นดาวคุมเกมที่สำคัญที่สุดที่จะบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นแก่ชะตาเมือง นั่นคือ ดาวเสาร์ และราหู
เฉพาะเสาร์จะให้โทษรุนแรงมากเมื่อโคจรผ่านดาวฤกษ์ปุนัพสุ ปุษยะ และอสิเลสะ จะมีอันตรายอย่างมากต่อพ่อค้าประเภทเอารัดเอาเปรียบหรือไม่มีศีลธรรม บุคคลประเภทนี้จะถูกจับและถูกกวาดล้างจำนวนมาก ขณะนี้ดาวเสาร์กำลังโคจรอยู่ในระหว่างฤกษ์ปุษยะ อสิเลสะ จะถอยหน้าถอยหลังอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้อีกไม่น้อยกว่าเดือนเมษายนแล้วก็จะกลับมาอีก เมื่อตอนโคจรปกติ ปัญหาประเทศชาติก็น่าจะยังไม่หมดสิ้น ท่านว่า "จะให้แต่ความวิบัติมากมาย ตั้งแต่เรื่องความอดอยากไปจนกระทั่งสงครามขนาดใหญ่ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือน้ำท่วมเป็นได้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเสาร์จะโคจรปกติก็ตาม ถ้ายังมีเสาร์โคจรอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้จะต้องระมัดระวังให้มาก" (โหราศาสตร์เศรษฐกิจและการเมือง : เอกภาพการพิมพ์, กรุงเทพฯ)
สำหรับผู้ที่มีดวงที่เสาร์ให้โทษ เช่น มีดาวอย่างอาทิตย์หรือจันทร์อยู่ในราศีกรกฎในขณะนี้ ที่เสาร์กำลังโคจรถอยหน้าถอยหลังอยู่จะต้องระวังปัญหาเหล่านี้ที่จะหลบเลี่ยงพ้นได้ยาก นั่นคือ ไม่ว่ามีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเดินทางเข้ามาในเส้นทางชีวิต เจ้าชะตาจะต้องระวังดังต่อไปนี้ (1) เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ วางใจไม่ได้แม้แต่เป็นคนใกล้ชิด (2) ดื้อรั้นและทิฐิมานะต้องลดลง (3) อย่ามองคนอื่นด้วยความระแวงสงสัย (4) อย่าทำทุกอย่างที่มีลักษณะลับๆ ล่อๆ ไม่เปิดเผยหรือพยายามปิดบัง (5) ระแวงและสงสัย (6) มองโลกในแง่ร้าย (7) เชื่อมั่นในโชควาสนา (8) ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ นิยมการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรุนแรง (9) มีความเย็นชาหรือกามตายด้าน (10) ไม่อาจจะเชื่อถือได้ (11) ดื้อรั้น (12) กลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด (13) คิดถึงแต่เรื่องในทางวัตถุและประโยชน์ที่จะได้มากเกินไป ฯลฯ
โดยนิสัยสันดานหรือการให้โทษของดาวเสาร์จะให้มามากมาย และจะมีผลอย่างมาก ซึ่งอย่างน้อยชีวิตจะต้องประสบปัญหาต่อไปนี้ ก็คือ
(1) ความผิดหวัง (2) ชีวิตจะไม่ประสบความสำเร็จใดๆ (3) โชคร้ายทุกด้าน
ในดวงชะตาเมืองไทยที่ผูกกันไว้ในวันวางเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ครั้งนั้น ท่านวางลัคนาไว้ที่ราศีเมษ มีอาทิตย์กุมลัคนา โหรรุ่นก่อนเล่ากันว่าเพราะต้องการรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ยั่งยืนที่สุดหรือถูกเปลี่ยนแปลงทำลายอะไรไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันในราศีมีนที่เป็นภพ 12 หรือภพวินาศต่อดวงเมือง และอาทิตย์อยู่ในราศีเมษนั้นถูกกระหนาบหลังด้วยดาววินาศลัคนา ซึ่งความวิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่ราศีเมษคือดาวพุธ และดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวแห่งสติปัญญาและความมีเสน่ห์มหานิยมไม่ทำงานเพราะไปสถิตราศีที่เป็นภพวินาศเสียทั้งสองดวง เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และน่าอยู่ที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างล้มเหลวหมดทุกสิ่งทุกด้าน เฉพาะอย่างยิ่งทุกวันนี้ สิ่งที่ทำลายชาติไทยและคนไทยอย่างรุนแรงคือการเมือง และนักการเมือง การคอร์รัปชันที่แน่นขนัดไปทั้งระบบและแน่นแผ่นดิน
และตอนนี้ราหูก็โคจรทับพุธ ศุกร์ในราศีมีน และในขณะเดียวกันจากราศีมีนถึงราศีกรกฎมีระยะเชิงมุมสนับสนุนจากดาวเสาร์ในราศีกรกฎเข้าอย่างถนัดใจ ความสัมพันธ์และสถานภาพเหล่านี้น่าจะถือว่าเป็นโยค หรือความสัมพันธ์ที่อุบาทว์ที่สุดที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนและความยุ่งยากที่สุดในชาติไทยมากกว่าสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475
สิ่งที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองที่ผ่านมาแล้วหรือต่อไปนี้ น่าจะมีดังต่อไปนี้
(1) ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือสำหรับเจ้าชะตาที่ถูกทำลายด้วยอิทธิพลของดาวเสาร์แล้วแต่ดวงชะตาเดิมของแต่ละคน บางดวงอาจจะประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดฝันทุกด้านก็ได้
(2) การพลิกกลับของโครงสร้างและเงื่อนไขของสถานการณ์อย่างถอนรากถอนโคน จากสถานการณ์หนึ่งไปสู่สถานการณ์หนึ่งที่ไม่มีวันจะหวนกลับมาอีก!!
พรรคพวกที่วางแผนจะเป็นประธานาธิบดีนั้น ก็ควรจะรอไปก่อนก็ได้!
ดาวพุธปีนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาผิดปกติ เพราะเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือการคอร์รัปชันอย่างหนักในบ้านเมืองของเราที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ว่ากันว่าเป็นเรื่องของดาวพุธทั้งสิ้น โดยมีผู้รู้กำหนดลงไปว่าต้องระวังปากให้มาก หยุดพูดเสียได้ก็จะไม่มีอะไรทำนองนั้นก็จะประเสริฐเป็นที่สุด
อย่างที่ว่าหรืออย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าบ้านเมืองและสังคมไทยกำลังย่อยยับในหลายๆ ด้านโดยไม่มีใครสามารถจะแก้ไขอะไรได้ เพราะนักแก้ไขปัญหาบ้านเมืองทุกคนของเราจะแก้ได้แต่ปากเท่านั้น แต่แก้จริงๆ แก้ไม่ได้ เอากันง่ายๆ การปราบปรามผู้ก่อการร้ายในภาค ใต้เป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลที่จะแก้ให้ได้หลังจากโง่เขลากันมาเป็นเวลาสองปีแล้วยังพูดได้เพียงว่า "ประชาชนได้ให้ความร่วมมือมากขึ้นหรือรู้อะไรมากขึ้น" แต่ไม่รู้หรือรู้ก็ตาม มันจะต้องทำและต้องแก้ไขปัญหาในฐานะเป็นรัฐบาลหรือเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองหลงอำนาจจะอุ้มใครไปฆ่าที่ไหนก็ทำกันได้ อยากจะยิงใครฆ่าใครทำได้ทั้งนั้น แม้เมื่อถึงเวลาอยากจะโกหกหลอกลวงอะไรชาวบ้านก็โกหกเรื่อยไป อย่างเมื่อไม่นานมานี้โกหกว่าปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้จะเรียบร้อยในวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เวลานี้ผ่านมาเกิน 15 วันแล้วมีข่าวใหม่ว่าจะแก้ให้เรียบร้อยได้ในวันที่ 16 แต่อาจจะหลายปีข้างหน้า เพราะรัฐบาลและชนชั้นปกครองชุดปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะทำงานกันด้วยการโกหกกันเป็นส่วนใหญ่ แต่คนไทยทุกคนที่มีดาวพุธในดวงไม่ได้โกหกกันทุกคน
ในวงการเมืองของเราจะพัฒนากันไปด้วยการโกหกพกลมอย่างถึงขนาดมาตลอด ซึ่งการโกหกนั้นในทางโหราศาสตร์มาจากดาวพุธทั้งสิ้น และในขณะเดียวกัน การศึกษา การเรียนรู้และความเฉลียวฉลาดทั้งหลายทั้งปวงรวมถึงการติดต่อสื่อสาร การศึกษาเล่าเรียนของคนนั้นมาจากพุธ แต่คนเหล่านั้นดาวพุธจะไม่ทำให้ชั่วเหมือนนักการเมือง
ตำราโหราศาสตร์ที่มีหลักเกณฑ์บังคับให้ถือว่าพุธมีหน้าที่ และคุณสมบัติที่แน่นอนในการทำหน้าที่สื่อสารให้คนอื่นรู้และเข้าใจ หรือ Communication และการร่วมมือ หรือ Coordination และการประเมินผลหรือการประมาณการ หรือ Evaluation
การทำหน้าที่และคุณสมบัติของดาวพุธมีดังต่อไปนี้คือ
(1) ความสามารถในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง (Adaptability)
(2) การใช้ประสาทหรือสมอง (Mental Exercise)
(3) มีปัญญามากหรือตวัดลิ้นได้รอบตัว (Versatility)
(4) ความสามารถในการติตต่อสื่อสาร (Communicativeness)
(5) การให้ความร่วมมือ (Coordination)
(6) การแลกเปลี่ยนข่าวสาร (Information Exchange)
(7) การเปลี่ยนแปลงง่าย (Volatility)
ดาวพุธไม่ว่าในดวงชะตาใครก็ตามจะมีคุณสมบัติที่สำคัญทั้งหมดนี้ แต่พุธทำหน้าที่สองอย่างในดวงชะตาคน คือ (1) ให้โทษ (2) ให้คุณ หรือให้โทษให้คุณได้ทั้งสองประการ
ดาวพุธที่ให้คุณนั้นจะให้ทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือเกียรติยศ แต่ในขณะเดียวกันดาวพุธที่ให้โทษนั้นอาจจะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เวลาเอาคืนหรือการให้เจ้าชะตาใช้หนี้ก็จะเอากันหนักไม่แพ้กัน
เพราะฉะนั้นในดวงชะตาคนทุกคนจะต้องมีอยู่ แต่พุธจะให้คุณหรือให้โทษจะต้องขึ้นกับ (1) ตำแหน่งที่พุธสถิตอยู่ในดวงชะตา ถ้าสถิตในตำแหน่งที่ดีก็จะให้คุณสูง (2) ความสัมพันธ์ดีหรือสัมพันธ์ร้ายกับดาวดวงอื่น ถ้าสัมพันธ์ดีก็จะให้คุณ ถ้าสัมพันธ์ร้ายก็จะให้ความวิบัติวอดวายไปตามกฎเกณฑ์ เพราะฉะนั้นคนทั้งโลกที่เกิดมาอยู่ใน 12 ราศีด้วยกันจึงไม่มีคนชั่วไปเสียหมดหรือไม่มีคนดีไปเสียหมด
เพราะฉะนั้น นักโหราศาสตร์ไม่ว่าจะดังหรือไม่ดังที่พูดส่งเดชออกไปว่า ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองนั้นเพราะดาวพุธถอยหลังเป็นการหลับหูหลับตาพูดทั้งสิ้น
ดาวพุธที่ให้โทษสูงสุดชนิดเอากันถึงฉิบหายขายตัวไปเลยนั้น ได้แก่พุธที่อยู่ใกล้กับอาทิตย์ไม่เกิน 16 องศา ที่เรียกว่าดาวพุธถูกอิทธิพลของอาทิตย์กลบ เรียกว่าพุธดับ (Combustion) จะตกอยู่ในระหว่างวันแรม 14 ค่ำหรือ 15 ค่ำของแต่ละเดือนที่อาทิตย์จะโคจรไปทับพุธ ซึ่งตำรากล่าวว่าใครที่เกิดมาในระยะนั้นก็จะประสบความวิบัติร้ายแรงในชีวิต และท่านห้ามถึงขนาดสาปแช่งเอาไว้ว่าห้ามมิให้ใครให้ฤกษ์ยามในการที่จะกระทำการมงคลใดๆ พุธดับให้โทษดูเหมือนจะมีในดวงชะตานักการเมืองไทยบางคนในขณะนี้ที่กำลังรอเวรกรรมที่พุธจะให้โทษอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มให้มาแล้วตั้งแต่ดาวเสาร์โคจรจากราศีเมถุนมาสู่ราศีกรกฎตั้งแต่เดือนเมษายนที่แล้วเป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ซึ่งบรรดานักโหราศาสตร์ไม่ อยู่ด้วยความประมาทอาจได้ประโยชน์ต่อไป
วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่สลับซับซ้อน เพราะไม่ได้ถือว่าโหราศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับวงกลมบนแผ่นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งเท่านั้น แต่ตามความเป็นจริงแล้วโหราศาสตร์เป็นเรื่องของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล และวัตถุอื่นๆ ที่เป็นผลิตผลของโลกและธรรมชาติที่สลับซับซ้อนแม้แต่มนุษย์ที่ไม่มีใครเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร และเราจะใช้โหราศาสตร์มาศึกษาวิจัยสิ่งเหล่านี้โดยถือว่าเป็นเรื่องหมูๆ นั้นมันเป็นไปไม่ได้
แต่จากประสบการณ์ของโหราศาสตร์ที่ได้มีการศึกษากันมาตั้งแต่สมัยบาบิโลเนีย เราก็พอจะแคะออกมาได้บ้าง หรือด้วยหลักเกณฑ์ที่ผู้ค้นคว้าแต่โบราณได้เรียนรู้เอาไว้ การที่จะเอาให้ถูกต้องเสียทีเดียวนั้นจึงเป็นไปไม่ได้หรือยากที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังเสียทีเดียว
กรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพฯ ได้สร้างขึ้นมาในระยะเวลาที่โลกกำลังจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทุกด้าน เมืองไทยเป็นประเทศที่อยู่กับความล้าหลังหลายประการ ภัยอันตรายและความไม่พร้อมต่างๆ ก็ยังมีอยู่มาก แต่การวางฤกษ์ดวงชะตาเมืองตามตำรานครฐานของโบราณดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกที่จะต้องวางลัคนาไว้ที่ราศีเมษ และมีอาทิตย์สถิตอยู่ ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของพระมหากษัตริย์ และชนชั้นปกครองของประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความชั่วร้ายของระบอบประชาธิปไตยในดวงชะตาเมืองซึ่งวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้เแก่ ดาวเสาร์-พฤหัสบดีในภพที่ 9 ของดวงชะตาเมืองกำลังโคจรในสภาพที่ถอยหลังพร้อมกัน ดาวทั้งคู่เป็นดาวใหญ่ในวิชาโหราศาสตร์ที่ในทางการเมืองหมายถึงความขัดแย้งอย่างหนัก และความวุ่นวายในทางกฎหมายและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ การที่จะทายว่าอะไรจะเกิดขึ้นและนำไปสู่ความสะอิดสะเอียนอย่างหนัก และกิจการระหว่างประเทศรวมถึงการศึกษาระดับสูง และที่อันตรายที่สุดที่สามารถจะทายล่วงหน้าได้ว่าความชั่วนานาประการ และความประมาทต่างๆ จะทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียนและสมเพชขึ้นอย่างมากในวงการเหล่านี้ก็คือ การโคจรขึ้นมาจากราศีพิจิกของดาวพลูโต เป็นดวงดาวที่จะก้าวมาแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ให้หมดความเลวลงไปโดยไม่มีปรานีปราศรัย เพราะพลูโตหมายถึงการทำลายล้างในวิชาโหราศาสตร์ไม่ว่าระบบไหน พวกที่พยายามขายชาติระวังจะย่อยยับลงไปด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่น่าดูชมอย่างยิ่งจะเกิดจากการเข้ามากวาดล้างของพลูโตที่ว่านี้
ไม่ต้องเสียเวลาไปดูอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังมีสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาสูงและสภาต่ำจะทำให้เกิดความวิบัติวุ่นวายนานาประการ ทั้งตัวผู้แทนเองและวงการเมืองในระยะนี้ ไม่ใช่เพราะดาวพุธมันถอยหลังอย่างที่ว่ากัน มันเสื่อมมาตลอดเวลา
พลูโตในภพนี้จะมีการแก้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรจะนำไปสู่ความฉิบหายและความสกปรกแก่ชีวิตประชาชน และในขณะเดียวกัน ถ้ามีการเลือกตั้งก็อย่างที่เคยทำกันมา นั่นคือ ต้องใช้เงินซื้อเสียงแข่งขันกันอย่างฉิบหายวายวอด นักการเมืองที่จะได้รับเลือกตั้งขึ้นมาล้วนแต่จะได้มาเพราะการซื้อเสียงเพียงอย่างเดียว
เรื่องดีอื่นๆ ไม่ต้องคิด!
ยิ่งในยามที่ดวงเมืองมีเคราะห์อยู่ในขณะนี้ หน้าที่ของนักการเมืองที่เลือกตั้งมาด้วยการซื้อเสียงนั้น สิ่งที่จะต้องทำกันก็คือการหาวิธีที่จะคิดกินบ้านกินเมืองอย่างเดียว
ยังมีดาวสำคัญที่เกี่ยวกับการทำนายดวงเมืองอีก 2 ดวงที่ไม่ค่อยจะพูดถึงกันซึ่งเป็นดาวคุมเกมที่สำคัญที่สุดที่จะบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นแก่ชะตาเมือง นั่นคือ ดาวเสาร์ และราหู
เฉพาะเสาร์จะให้โทษรุนแรงมากเมื่อโคจรผ่านดาวฤกษ์ปุนัพสุ ปุษยะ และอสิเลสะ จะมีอันตรายอย่างมากต่อพ่อค้าประเภทเอารัดเอาเปรียบหรือไม่มีศีลธรรม บุคคลประเภทนี้จะถูกจับและถูกกวาดล้างจำนวนมาก ขณะนี้ดาวเสาร์กำลังโคจรอยู่ในระหว่างฤกษ์ปุษยะ อสิเลสะ จะถอยหน้าถอยหลังอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้อีกไม่น้อยกว่าเดือนเมษายนแล้วก็จะกลับมาอีก เมื่อตอนโคจรปกติ ปัญหาประเทศชาติก็น่าจะยังไม่หมดสิ้น ท่านว่า "จะให้แต่ความวิบัติมากมาย ตั้งแต่เรื่องความอดอยากไปจนกระทั่งสงครามขนาดใหญ่ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือน้ำท่วมเป็นได้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเสาร์จะโคจรปกติก็ตาม ถ้ายังมีเสาร์โคจรอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้จะต้องระมัดระวังให้มาก" (โหราศาสตร์เศรษฐกิจและการเมือง : เอกภาพการพิมพ์, กรุงเทพฯ)
สำหรับผู้ที่มีดวงที่เสาร์ให้โทษ เช่น มีดาวอย่างอาทิตย์หรือจันทร์อยู่ในราศีกรกฎในขณะนี้ ที่เสาร์กำลังโคจรถอยหน้าถอยหลังอยู่จะต้องระวังปัญหาเหล่านี้ที่จะหลบเลี่ยงพ้นได้ยาก นั่นคือ ไม่ว่ามีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเดินทางเข้ามาในเส้นทางชีวิต เจ้าชะตาจะต้องระวังดังต่อไปนี้ (1) เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ วางใจไม่ได้แม้แต่เป็นคนใกล้ชิด (2) ดื้อรั้นและทิฐิมานะต้องลดลง (3) อย่ามองคนอื่นด้วยความระแวงสงสัย (4) อย่าทำทุกอย่างที่มีลักษณะลับๆ ล่อๆ ไม่เปิดเผยหรือพยายามปิดบัง (5) ระแวงและสงสัย (6) มองโลกในแง่ร้าย (7) เชื่อมั่นในโชควาสนา (8) ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ นิยมการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรุนแรง (9) มีความเย็นชาหรือกามตายด้าน (10) ไม่อาจจะเชื่อถือได้ (11) ดื้อรั้น (12) กลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด (13) คิดถึงแต่เรื่องในทางวัตถุและประโยชน์ที่จะได้มากเกินไป ฯลฯ
โดยนิสัยสันดานหรือการให้โทษของดาวเสาร์จะให้มามากมาย และจะมีผลอย่างมาก ซึ่งอย่างน้อยชีวิตจะต้องประสบปัญหาต่อไปนี้ ก็คือ
(1) ความผิดหวัง (2) ชีวิตจะไม่ประสบความสำเร็จใดๆ (3) โชคร้ายทุกด้าน
ในดวงชะตาเมืองไทยที่ผูกกันไว้ในวันวางเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ครั้งนั้น ท่านวางลัคนาไว้ที่ราศีเมษ มีอาทิตย์กุมลัคนา โหรรุ่นก่อนเล่ากันว่าเพราะต้องการรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ยั่งยืนที่สุดหรือถูกเปลี่ยนแปลงทำลายอะไรไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันในราศีมีนที่เป็นภพ 12 หรือภพวินาศต่อดวงเมือง และอาทิตย์อยู่ในราศีเมษนั้นถูกกระหนาบหลังด้วยดาววินาศลัคนา ซึ่งความวิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่ราศีเมษคือดาวพุธ และดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวแห่งสติปัญญาและความมีเสน่ห์มหานิยมไม่ทำงานเพราะไปสถิตราศีที่เป็นภพวินาศเสียทั้งสองดวง เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และน่าอยู่ที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างล้มเหลวหมดทุกสิ่งทุกด้าน เฉพาะอย่างยิ่งทุกวันนี้ สิ่งที่ทำลายชาติไทยและคนไทยอย่างรุนแรงคือการเมือง และนักการเมือง การคอร์รัปชันที่แน่นขนัดไปทั้งระบบและแน่นแผ่นดิน
และตอนนี้ราหูก็โคจรทับพุธ ศุกร์ในราศีมีน และในขณะเดียวกันจากราศีมีนถึงราศีกรกฎมีระยะเชิงมุมสนับสนุนจากดาวเสาร์ในราศีกรกฎเข้าอย่างถนัดใจ ความสัมพันธ์และสถานภาพเหล่านี้น่าจะถือว่าเป็นโยค หรือความสัมพันธ์ที่อุบาทว์ที่สุดที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนและความยุ่งยากที่สุดในชาติไทยมากกว่าสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475
สิ่งที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองที่ผ่านมาแล้วหรือต่อไปนี้ น่าจะมีดังต่อไปนี้
(1) ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือสำหรับเจ้าชะตาที่ถูกทำลายด้วยอิทธิพลของดาวเสาร์แล้วแต่ดวงชะตาเดิมของแต่ละคน บางดวงอาจจะประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดฝันทุกด้านก็ได้
(2) การพลิกกลับของโครงสร้างและเงื่อนไขของสถานการณ์อย่างถอนรากถอนโคน จากสถานการณ์หนึ่งไปสู่สถานการณ์หนึ่งที่ไม่มีวันจะหวนกลับมาอีก!!
พรรคพวกที่วางแผนจะเป็นประธานาธิบดีนั้น ก็ควรจะรอไปก่อนก็ได้!