"ทักษิณ"ร่ายมนต์กล่อมซีอีโออีกรอบ ให้เร่งโมเดิร์นไนซ์ประเทศ–บริการ-อัพเกรดประชาชน เน้นพัฒนาการเมือง-สังคม-เศรษฐกิจ ต้องเดินไปพร้อมๆ กัน ขู่ตั้งทีมตรวจสอบทุจริตลงไปสอดส่องในระดับจังหวัดและรัฐวิสาหกิจ หลังได้รับรายงานว่ามีการชักหัวคิว 10 % ย้ำหากจับได้ฟันไม่เลี้ยง ประกาศจากนี้ 3 ปี ไม่เล่นการเมืองเหน็บ"ป๋าเหนาะ"ต่อหน้า"ป้าอุ"เชิญเล่นการเมืองไปคนเดียว เชื่อปี 49 หมาไม่ดุ คุยมีวิธีปราบ แขวะบ้านใครหมาดุ ก็ให้ดูแลกันเอง
เมื่อเช้าวานนี้ (6 ม.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ก่อนเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง และมอบนโยบายที่เกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และจังหวัด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ว่า การมอบนโยบายหรือเปลี่ยนแปลงอะไรคงต้องใช้เวลาในการสอนและเรียนรู้ ถ้ามีข้อบกพร่อง ก็ต้องแก้ไข ส่วนงบที่ลงไปในพื้นที่คงไม่ใช่เป็นเบี้ยหัวแตก เพราะเรามีระบบตรวจสอบและมีรองนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบด้วย คือเราต้องการสร้างความเจริญในพื้นที่ ไม่อย่างนั้นต่างจังหวัดไม่เจริญ ดังนั้นเรื่องหลักๆ คงจะพูดกันถึงเรื่องการทำงบที่ต้องใช้ให้โปร่งใส
สำหรับกรณีชาวบ้าน อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ร้องเรียนว่าคนที่ไม่จนจริง มักจะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะไปดูเอง คือต้องไปเดิน สำรวจ เยี่ยมเยียนชาวบ้านตามที่มีการลงทะเบียนไว้
"คำว่าคาราวานแก้จน หมายความว่าต้องไปทุกหลังคาเรือน โดยให้คนที่มาลงทะเบียนก่อนหน้านี้เป็นผู้ได้รับสิทธิก่อน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเราก็สำรวจและดูอีกที ใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนไว้ก็มาลงเพิ่มเติมทีหลังได้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลงแล้วก็แล้วกันไป การลงพื้นที่จะเป็นลักษณะคล้ายๆกับเคาะประตูบ้าน เราจะเลือกไปบ้านที่ลงทะเบียนว่าตัวเองจนก่อน ซึ่งระยะเวลาการลงพื้นที่ อ.อาจสามารถ ยังเหมือนเดิม นอนเต็นท์เหมือนเดิม"
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานประชุมเชิงปฎิบัติการ การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง และมอบนโยบาย เกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และจังหวัด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีรองนายกฯ และ คณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด กว่า 400 คน เข้าร่วมการประชุม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเปิดการประชุมว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้พบกันตั้งแต่ต้นปีใหม่ เพื่อที่จะพูดคุยกันในเรื่องของ OEC Retreat ครั้งที่ 2 ก็ต้องย้ำหลายครั้งว่า ซีอีโอ มันคือ การบริหารที่รวดเร็วเด็ดขาด ตัดสินใจได้อย่าง รวดเร็ว โดยมียุทธศาสตร์ มีแผนงาน มีข้อมูลและมีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และของประเทศ
"อยากขอให้ทุกคนตั้งใจทุ่มเทเสียสละ และคิดว่าเราจะทำงานทั้งหมดเพื่อชาติ และแผ่นดิน ตรงนี้ผิดมันก็ผิดน้อย เพราะสิ่งที่ต้องทำยุทธศาสตร์มันชัดเจนว่าทำเพื่ออะไร และสิ่งที่บอกว่าการทำอะไรต้องมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ว่าทำแต่งาน แต่ไม่มียุทธศาสตร์"
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ 1.งานรูทีน ที่ท่านต้องทำเป็นประจำอยูแล้ว แต่เรื่องที่เราจะพูดกันต่อไปนี้คือเรื่อง นโยบายรัฐบาลและโปรเจกต์ แต่ถ้ายังอยู่กับรูทีน และปัญหาเฉพาะหน้า ก็จะล้าหลังอย่างมากมาย ฉะนั้นควรอยู่กับเรื่องใหม่ๆ มีโปรเจกต์ ที่จะขับเคลื่อนไปตลอด
"ผมเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ ได้นั่งอ่านหนังสือที่นั่น ก็ปรากฏว่าไม่ค่อยได้เห็นเรื่องการเมืองเท่าไร การเมืองน้อย แต่บ้านเราการเมืองเยอะหน่อย เป็นเรื่องธรรมดา แต่หนังสือเหล่านั้นส่วนใหญ่จะลงเรื่องอินโนเวชั่นต่างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร พูดถึงศักยภาพ อ่านแล้วตื่นเต้น เมื่อกลับมาก็คิดว่าดีแล้ว ได้มาเจอกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ครม.ก็จะเล่าให้ฟังว่า วันนี้เราต้องซีเรียส เราต้องจริงจัง สิ่งที่เรากำลังจะทำทุกวันนี้ นโยบายที่บอกทุกวันนี้ 90 % คือ เพียงแค่ไล่ตามให้ทัน ยังไม่มีอะไรนำ เราต้องออกแรง พอไล่ทันแล้วค่อยไปแข่ง อย่าเพิ่งไปภูมิใจว่า วันนี้เราจะนำคนอื่นเขาแล้ว อย่าไปคิดแข่งกับประเทศที่ด้อยกว่าเรา"
**โหมงานหลัก-พักเล่นการเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เราล้าหลังคือกลไกของเรามีปัญหา ระบบราชการของเราช้ากว่าการเปลี่ยนแปลง การเมืองเรามีปัญหา เปลี่ยนแปลงบ่อย แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง จึงต้องอาศัยผู้ว่าฯ ท่านอธิบดี จะต้องร่วมกับขับเคลื่อน เพราะเรื่องที่เสนอไปแต่ละเรื่องเป็นการต่อภาพจิกซอร์เท่านั้น มันไม่มีเรื่องอะไรที่กระโดดมาโดยไม่มีเหตุไม่มีผล แต่เพียงบางครั้งไม่มีเวลาอธิบายภาพจิกซอร์
ทั้งนี้ ภาพของจิกซอร์ที่พูดถึงคือ สิ่งที่ต้องการพัฒนา 3 เสาหลักของประเทศ ที่ประกอบด้วยการเมือง สังคม และเศรษฐกิจให้ไปในระนาบเดียวกัน แต่วันนี้มันไม่เท่ากัน เมื่อไม่เท่ากันต้องดึงขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม เป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องทำกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของคลัสเตอร์ของประเทศเรา ซึ่งเดี๋ยวนี้ประเทศเวียดนามถึงแม้ฐานเศรษฐกิจจะเล็กกว่าเราก็ตาม แต่สปีดที่เขาไปเร็วมาก เพราะมีปัญหาจุกจิกน้อยกว่าเรา เรามีปัญหาจุกจิกเยอะ ไม่มียังแถมให้เลย ก็มีเยอะ
"ฉะนั้นเรื่องการเมืองระดับชาติเป็นเรื่องของผม ท่านไม่ต้องห่วง ปี 2549-2550-2551 ครึ่งปีแรก ผมไม่เล่นการเมือง ใครจะเล่นการเมืองเล่นไปคนเดียว ผมจะทำงาน ฉะนั้นท่านผู้ว่าฯ ท่านอธิบดี ท่านปลัดทั้งหลายไม่ต้องห่วงการเมืองเลย ใครจะเย้วยังไงไม่มีปัญหา สบายมาก ผมไม่เล่นการเมือง ผมจะทำงาน ปี 49-50 และ 51 ครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังค่อยทำการเมืองเพราะจะเลือกตั้งปี 52 วันนี้ใครจะเล่นการเมืองกับผมเล่นไปเลย เล่นคนเดียว เล่นให้เมื่อยเลย ขอให้เข้าใจด้วยนะว่า ผมจะแก้ปัญหาของชาติ เพราะ 2 ปีครึ่งแรก ผมต้องหนักแน่นให้มากไม่อย่างนั้นผมเอาไม่อยู่เรื่องความยากจน"
**ขู่ฟันทุจริตในระดับจังหวัด
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องการเมืองคนที่เป็นผู้ว่าฯ จะต้องทำคือการทำงาน ร่วมกับท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่วันนี้เป็นท้องถิ่นที่มีกำลัง เพราะเรื่องของการกระจายงบประมาณและระบบการกระจายอำนาจ ท้องถิ่นมีกำลังควรชวนมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการทำงานแก้ไขปัญหา แต่ต้องพยายามอย่าไปมีปัญหากับท้องถิ่นในเรื่องของหน้าตา นอกจากนี้อยากให้ทำงานร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน เพราะคนเหล่านี้เขามีประสบการณ์
"ด้านการเมืองเรื่องของการคอร์รัปชั่น ขอเน้นว่าปีนี้ดุนะ ใครไปแอบทำอะไรผมเอาเรื่องนะ ผมกำลังตั้งทีม ซึ่งกำลังไปตรวจดูหลายที่ ผมตั้งทีมของผมอยู่ เพื่อไปสอดส่องการกระทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนใหญ่เป็นคนดี ตั้งใจทุ่มเท แต่ก็ยังมีแหลมๆ อยู่ เพราะฉะนั้นต้องขอฝาก และบางท้องถิ่นก็มีการคอร์รัปชั่น ชัก 10 % อันนี้บังเอิญว่านักธุรกิจมาเล่าให้ฟัง"
ส่วนเรื่องอีออกชั่น กำลังให้แก้ ท่านทั้งหลายฟังให้ดีว่า อีออกชั่นไม่ใช่การประมูลผ่านอินเตอร์เน็ต แต่อีออกชั่น ต้องมีสถานีอีออกชั่น ตั้งราคาอยู่คนละห้อง และสู้ราคากันเดี๋ยวนั้นสดๆ ถึงจะเรียกว่า อีออกชั่น วันที่ 1 ก.พ.นี้ จะให้ตัวอย่างที่ชัดเจน ขอให้ดูให้ละเอียด ระบบ 10 % ต้องไม่มีแล้ว เวลานี้ได้เริ่มส่งสายสืบไปแล้ว รวมถึงรัฐวิสาหกิจด้วย เพราะฉะนั้นปี 49-50 และ 51 ดุนะ อย่าหาว่าไม่เตือน ขอเลย ขอให้ช่วยกวดขันเป็นพิเศษ บางทีไม่มีหลักฐานก็ต้องลงโทษทางปกครอง ถ้ามีหลักฐานก็ลงโทษทางวินัยและทางอาญา
ส่วนปัญหาสังคมที่เราจะต้องทำช่วงนี้เป็นพิเศษ คือเรื่องของยาเสพติด เรื่องของอบายมุขทั้งหลาย เรื่องเด็กเยาวชน ขอให้ท่านผู้ว่าฯ ดูเด็กเยาวชนเหล่านี้เหมือนลูกหลานของเรา ถ้าเขาอยู่ในภาวะอันตราย เพราะในเมืองทั้งหลาย ก็เริ่มมีสิ่งมอมเมาเยาวชนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตู้เกม หรือแหล่งบันเทิง หอพัก ยาเสพติด หนังสือลามก ก็ขอฝากกวดขันด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บางทีเราอย่าไปใช้กฎหมายฉบับเดียว กฎหมาย มีหลายฉบับ ต้องใช้หลายๆ ฉบับด้วย ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายก็ยังมีอยู่ อย่าลูบหน้าปะจมูก คนนั้นเป็นใครก็ช่าง จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาลก็ช่าง ถ้าเป็นผู้มีอิทธิพลและเขาผิดกฎหมาย ท่านก็ต้องถือว่าเขาทำผิดกฎหมายดำเนินการได้เลย
"ฮ.(เฮลิคอร์ปเตอร์) อยู่ในพื้นที่ท่านสามารถใช้ได้ทั้งหมด ขอให้ตำรวจและทหารให้ความร่วมมือด้วย อย่าไปคิดค่าเช่าชั่วโมง ค่านำมันมาเบิกเอาจากงบฯกลาง ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเราทำงาน ไม่ได้เอาไปล่าสัตว์"
**โชว์แก้จนแบบเรียลิตี้ ทีวี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันที่ 16 ม.ค.นี้ จะเดินทางไป อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และจะมีการถ่ายทอดทีวีเป็นแบบเรียลิตี้ ทีวี เพื่อให้รู้ว่าวิธีคิดเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเก่งมาจากไหน แต่ก็คิดว่าคนไทยโชคดี ที่พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวคิด เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาให้แล้ว ซึ่งถือเป็นปรัชญาชั้นสูงที่ดูพูดง่าย แต่เมื่อปฏิบัติแล้วมันจะมีสภาพแวดล้อมหลายอย่างที่บางคนอาจจะไม่เข้าใจ จริงๆ
"หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ อย่าเกินตัว ใช้จ่ายให้พอกับกำลังของตัวเอง แต่บางคนอาจจะไม่มีโอกาส เพราะหนังสือไม่ได้เรียน ไม่มีที่อยู่ ซึ่งเราอาจต้องเริ่มต้นอะไรให้สักอย่างเพื่อให้เขาเดินต่อได้ นั่นคือการประคับประคอง เศรษฐกิจพอเพียงคือ ทำอย่างไรให้แต่ละครอบครัวมีรายได้พอเพียงกับค่าใช้จ่าย ที่จำเป็น ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ขอเน้นย้ำวิธีการทำงานในเรื่องนี้ว่า ขอให้ใช้วิธีการ แบบหมอรักษา ที่ต้องทำประวัติคนไข้ ว่าเจ็บป่วยเรื่องอะไร แพ้ยาอะไรบ้าง และจะวินิจฉัยโรคได้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะทำแบบเดียวกัน โดยจะขอให้ผู้ว่าฯ สั่งนายอำเภอทำทะเบียนครอบครัวประชาชนที่มาลงทะเบียนว่า เป็นครอบครัวยากจน มีความสามารถพิเศษอะไร เพื่อนำไปวิเคราะห์เป็นรายครอบครัว เพราะคาราวานแก้จนที่จะเข้าไป หากไม่มีประวัติก็จะไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง
"อย่างที่ อ.อาจสามารถ ขณะนี้ทางกระทรวงทรัพยากรฯ สำนักเลขาธิการนายกฯ กระทรวงมหาดไทย ก็ไปเตรียมการให้ผม แต่ยังไม่ตรง ซึ่งหลักของผม เมื่อลงไปแล้วจะขอฟังข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งว่าสถานการณ์ภาพกว้าง และลักษณะปัญหาของชาวบ้าน เป็นอย่างไร เมื่อผมเข้าใจแล้วก็จะลงไปตรวจดูในพื้นที่ทั้งหมด และเมื่อกลับมาแล้วก็จะมาประชุม เพื่อจะหยิบยกประเด็นต่างๆที่แปลกๆ เหล่านี้จะแก้ไขอย่างไร เพื่อเป็นการให้ความรู้กับพวกท่านทั้งหลาย"
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวว่า เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมาก แต่วันนี้เราเสียหายเพราะมีเรื่องของนักท่องเที่ยวถูกฆ่าตาย ซึ่งได้ให้พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯและรมว.ยุติธรรมไปล่าตัวให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือตาย เราจะต้องจัดการเป็นพิเศษ เพราะเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย ทำให้กระเทือนต่อเศรษฐกิจทั้งของประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วย
"เรากำลังจะเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและสายการบินต่างๆมาลงมากมาย ดังนั้นเราต้องมีแหล่งท่องเที่ยวที่รองรับให้เพียงพอ และต้องปรับปรุง แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ ขอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ช่วยกันดูแล"
**นัดถกเมกะโปรเจกต์ 28 ม.ค.
ส่วนเรื่องเมกะโปรเจกท์ที่เราจะต้องทำคือ เรื่องน้ำ ที่จะมีการเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาเสนอโครงการที่จะทำให้เรา และเราค่อยชำระเงินภายหลัง ซึ่งจะเชิญบุคคล เหล่านี้มาในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ว่ามีผู้สนใจมากพอหรือไม่ โดยเฉพาะประเทศที่เก่งในด้านที่เราต้องการ เราก็จะให้ข้อมูลและสนับสนุนในด้านต่างๆ ซึ่งนอกจากเรื่องน้ำแล้ว ในกทม.ก็มีเรื่องของระบบขนส่งมวลชน ทั้งกทม.และปริมณฑล และยังมีโครงการ ที่อยู่อาศัย เช่นบ้านเอื้ออาทร และบ้านสำเร็จรูป ซึ่งจะใช้สำหรับคนที่มีพื้นที่ของตัวเอง หรือคนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่าที่เชิญต่างประเทศมาดูเมกะโปรเจกต์ เพราะอยากให้ระบบสื่อสารรวมถึงทุกส่วนราชการ วันนี้กระทรวงมหาดไทยก้าวหน้าไปมาก ต่อไปจะเป็นระบบที่ง่ายกว่านี้เยอะ การประชุมหรือติดต่อกันหลายที่ได้โดยไม่ต้องเดินทางมา ต่อไปประชาชนจะสามารถรับบริการได้ที่บ้าน เช่น คัดสำเนาทะเบียนบ้านจากที่บ้าน หรือต่อใบอนุญาตทั้งหลายจากที่บ้าน หรือเรื่องลายเซ็น อีเล็กทรอนิกส์ ขอให้นายวิษณุ ไปจัดการเรื่องเก่าที่ค้างๆ ให้เสร็จ เมื่อเทคโนโลยีมาแล้วก็สามารถทำได้เลย และขอบคุณทุกกระทรวง และขอย้ำเรื่องวันสต็อปเซอร์วิส
"ขอให้ซีอีโอทั้งหลาย ทั้งผู้ว่าฯ ปลัดกระทรวง และอธิบดี ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ เสมือนกับท่านรับผิดชอบ เหมือนกับท่านเป็นผม ในส่วนงาน ในขอบข่ายงานที่ท่านรับผิดชอบ ท่านเป็นผม อย่างเช่นอธิบดี สมมติว่าท่านเป็นนายกฯ ท่านอยากทำให้กรมของท่านดีอย่างไร ท่านอยากให้จังหวัดของท่านดีอย่างไร ท่านทำสุดๆไปเลย นี่คือหลักที่อยากให้ท่านทำ แต่ขอให้ขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นเรื่องหลัก ๆ มี 3 ประเด็นคือ 1.การโมเดิร์นไนซ์ประเทศ เพื่อรองรับการแข่งขัน รองรับโลกาภิวัตน์ทั้งหลาย 2. การบริการประชาชน 3.การอัพเกรดความเป็นอยู่ของประชาชน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องปรับปรุง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่รู้จักจบ แต่ต้องขับเคลื่อนเร็ว แล้วจะตามไปดูอีกที"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังฝากให้นายสมคิด และเลขาฯ สภาพัฒน์ฯ ในเรื่องของอีโคโนมิก รีฟอร์ม ที่ยังไม่ค่อยคืบหน้า สิงคโปร์ ปีนี้โต 5.7 % ไตรมาสที่ 4 โต 7.7 % ซึ่งเกิดจากโปรดักส์ออฟ รีฟอร์ม แต่การรีฟอร์มของเราช้ามาก ซึ่งก็เป็นห่วง กลัวว่า ต่อไปการส่งออกของเรามันจะอืด เพราะยังไม่รีฟอร์ม ถ้าส่งในบุ๊คเก่ามันจะโตได้ไม่มากนัก ดังนั้นการรีฟอร์มถือเป็นหัวใจ ขอให้เป็นอเจนด้าสำคัญ
**ไม่กลัวปีหมาดุ คุยมีวิธีปราบ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เลขาฯสภาพัฒน์ฯ ต้องดูดี ๆ ภายใน 3 เดือนนี้ การรีฟอร์ม ต้องชัดเจน และในการประชุมครม.วันที่ 11 ม.ค.ที่ จ.เลย จะแจกโปรเจกต์ โกลเด้นท์ชิพให้รัฐมนตรี เพื่อให้เป็นเจ้าของโปรเจกต์ ถ้าใครบอกว่ามากไป ไม่สู้ก็ปล่อยออกมา แต่ถ้าบอกว่ายังน้อยเกินไป อยากทำเรื่องนั้นเรื่องนี้อีก ก็ขอให้บอกมา เมื่อมีเจ้าของโปรเจกต์แล้ว ตนจะบอกผู้ว่าฯ ปลัดและอธิบดี ว่าใครเป็นเจ้าของโปรเจกต์ เรื่องไหน เมื่อท่านขับเคลื่อนเรื่องนั้นก็สามารถยกหูถามรัฐมนตรีได้เลย ต่อไปนี้จะทำงานกันทั้งระบบ ทุกอย่างจะไปด้วยกันหมด ตั้งแต่รัฐมนตรีจนถึงระดับปฏิบัติ
"ปี 49 เป็นปีหมา หมาวิ่งเร็ว หมาไม่ดุหรอก ผมมีวิธีปราบหมา บ้านผมเลี้ยงหมา 60 กว่าตัว ดังนั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าหมามันวิ่งเร็ว ดังนั้นเราก็ต้องเร็ว ไอ้หมอดู หมอเดอ บอกหมาดุ หมาที่บ้านดุ หมาบ้านใครดุ ก็เลี้ยงเอาเองก็แล้วกัน"
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนาโดยยืนยันว่า ได้ส่งทีม ตรวจสอบ ความไม่โปร่งใสลงพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดแล้ว ซึ่งเขาจะรายงานตนโดยตรง โดยจะให้เขาดูเรื่องพยานหลักฐานในการให้ความเป็นธรรม ส่วนตนจะลงพื้นที่ไหนบ้างนั้นกำลังดูอยู่
เมื่อเช้าวานนี้ (6 ม.ค.)พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ก่อนเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง และมอบนโยบายที่เกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และจังหวัด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ว่า การมอบนโยบายหรือเปลี่ยนแปลงอะไรคงต้องใช้เวลาในการสอนและเรียนรู้ ถ้ามีข้อบกพร่อง ก็ต้องแก้ไข ส่วนงบที่ลงไปในพื้นที่คงไม่ใช่เป็นเบี้ยหัวแตก เพราะเรามีระบบตรวจสอบและมีรองนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบด้วย คือเราต้องการสร้างความเจริญในพื้นที่ ไม่อย่างนั้นต่างจังหวัดไม่เจริญ ดังนั้นเรื่องหลักๆ คงจะพูดกันถึงเรื่องการทำงบที่ต้องใช้ให้โปร่งใส
สำหรับกรณีชาวบ้าน อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ร้องเรียนว่าคนที่ไม่จนจริง มักจะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะไปดูเอง คือต้องไปเดิน สำรวจ เยี่ยมเยียนชาวบ้านตามที่มีการลงทะเบียนไว้
"คำว่าคาราวานแก้จน หมายความว่าต้องไปทุกหลังคาเรือน โดยให้คนที่มาลงทะเบียนก่อนหน้านี้เป็นผู้ได้รับสิทธิก่อน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเราก็สำรวจและดูอีกที ใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนไว้ก็มาลงเพิ่มเติมทีหลังได้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลงแล้วก็แล้วกันไป การลงพื้นที่จะเป็นลักษณะคล้ายๆกับเคาะประตูบ้าน เราจะเลือกไปบ้านที่ลงทะเบียนว่าตัวเองจนก่อน ซึ่งระยะเวลาการลงพื้นที่ อ.อาจสามารถ ยังเหมือนเดิม นอนเต็นท์เหมือนเดิม"
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานประชุมเชิงปฎิบัติการ การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง และมอบนโยบาย เกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และจังหวัด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีรองนายกฯ และ คณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด กว่า 400 คน เข้าร่วมการประชุม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเปิดการประชุมว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้พบกันตั้งแต่ต้นปีใหม่ เพื่อที่จะพูดคุยกันในเรื่องของ OEC Retreat ครั้งที่ 2 ก็ต้องย้ำหลายครั้งว่า ซีอีโอ มันคือ การบริหารที่รวดเร็วเด็ดขาด ตัดสินใจได้อย่าง รวดเร็ว โดยมียุทธศาสตร์ มีแผนงาน มีข้อมูลและมีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และของประเทศ
"อยากขอให้ทุกคนตั้งใจทุ่มเทเสียสละ และคิดว่าเราจะทำงานทั้งหมดเพื่อชาติ และแผ่นดิน ตรงนี้ผิดมันก็ผิดน้อย เพราะสิ่งที่ต้องทำยุทธศาสตร์มันชัดเจนว่าทำเพื่ออะไร และสิ่งที่บอกว่าการทำอะไรต้องมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ว่าทำแต่งาน แต่ไม่มียุทธศาสตร์"
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ 1.งานรูทีน ที่ท่านต้องทำเป็นประจำอยูแล้ว แต่เรื่องที่เราจะพูดกันต่อไปนี้คือเรื่อง นโยบายรัฐบาลและโปรเจกต์ แต่ถ้ายังอยู่กับรูทีน และปัญหาเฉพาะหน้า ก็จะล้าหลังอย่างมากมาย ฉะนั้นควรอยู่กับเรื่องใหม่ๆ มีโปรเจกต์ ที่จะขับเคลื่อนไปตลอด
"ผมเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ ได้นั่งอ่านหนังสือที่นั่น ก็ปรากฏว่าไม่ค่อยได้เห็นเรื่องการเมืองเท่าไร การเมืองน้อย แต่บ้านเราการเมืองเยอะหน่อย เป็นเรื่องธรรมดา แต่หนังสือเหล่านั้นส่วนใหญ่จะลงเรื่องอินโนเวชั่นต่างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร พูดถึงศักยภาพ อ่านแล้วตื่นเต้น เมื่อกลับมาก็คิดว่าดีแล้ว ได้มาเจอกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ครม.ก็จะเล่าให้ฟังว่า วันนี้เราต้องซีเรียส เราต้องจริงจัง สิ่งที่เรากำลังจะทำทุกวันนี้ นโยบายที่บอกทุกวันนี้ 90 % คือ เพียงแค่ไล่ตามให้ทัน ยังไม่มีอะไรนำ เราต้องออกแรง พอไล่ทันแล้วค่อยไปแข่ง อย่าเพิ่งไปภูมิใจว่า วันนี้เราจะนำคนอื่นเขาแล้ว อย่าไปคิดแข่งกับประเทศที่ด้อยกว่าเรา"
**โหมงานหลัก-พักเล่นการเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เราล้าหลังคือกลไกของเรามีปัญหา ระบบราชการของเราช้ากว่าการเปลี่ยนแปลง การเมืองเรามีปัญหา เปลี่ยนแปลงบ่อย แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง จึงต้องอาศัยผู้ว่าฯ ท่านอธิบดี จะต้องร่วมกับขับเคลื่อน เพราะเรื่องที่เสนอไปแต่ละเรื่องเป็นการต่อภาพจิกซอร์เท่านั้น มันไม่มีเรื่องอะไรที่กระโดดมาโดยไม่มีเหตุไม่มีผล แต่เพียงบางครั้งไม่มีเวลาอธิบายภาพจิกซอร์
ทั้งนี้ ภาพของจิกซอร์ที่พูดถึงคือ สิ่งที่ต้องการพัฒนา 3 เสาหลักของประเทศ ที่ประกอบด้วยการเมือง สังคม และเศรษฐกิจให้ไปในระนาบเดียวกัน แต่วันนี้มันไม่เท่ากัน เมื่อไม่เท่ากันต้องดึงขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม เป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องทำกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของคลัสเตอร์ของประเทศเรา ซึ่งเดี๋ยวนี้ประเทศเวียดนามถึงแม้ฐานเศรษฐกิจจะเล็กกว่าเราก็ตาม แต่สปีดที่เขาไปเร็วมาก เพราะมีปัญหาจุกจิกน้อยกว่าเรา เรามีปัญหาจุกจิกเยอะ ไม่มียังแถมให้เลย ก็มีเยอะ
"ฉะนั้นเรื่องการเมืองระดับชาติเป็นเรื่องของผม ท่านไม่ต้องห่วง ปี 2549-2550-2551 ครึ่งปีแรก ผมไม่เล่นการเมือง ใครจะเล่นการเมืองเล่นไปคนเดียว ผมจะทำงาน ฉะนั้นท่านผู้ว่าฯ ท่านอธิบดี ท่านปลัดทั้งหลายไม่ต้องห่วงการเมืองเลย ใครจะเย้วยังไงไม่มีปัญหา สบายมาก ผมไม่เล่นการเมือง ผมจะทำงาน ปี 49-50 และ 51 ครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังค่อยทำการเมืองเพราะจะเลือกตั้งปี 52 วันนี้ใครจะเล่นการเมืองกับผมเล่นไปเลย เล่นคนเดียว เล่นให้เมื่อยเลย ขอให้เข้าใจด้วยนะว่า ผมจะแก้ปัญหาของชาติ เพราะ 2 ปีครึ่งแรก ผมต้องหนักแน่นให้มากไม่อย่างนั้นผมเอาไม่อยู่เรื่องความยากจน"
**ขู่ฟันทุจริตในระดับจังหวัด
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องการเมืองคนที่เป็นผู้ว่าฯ จะต้องทำคือการทำงาน ร่วมกับท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่วันนี้เป็นท้องถิ่นที่มีกำลัง เพราะเรื่องของการกระจายงบประมาณและระบบการกระจายอำนาจ ท้องถิ่นมีกำลังควรชวนมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการทำงานแก้ไขปัญหา แต่ต้องพยายามอย่าไปมีปัญหากับท้องถิ่นในเรื่องของหน้าตา นอกจากนี้อยากให้ทำงานร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน เพราะคนเหล่านี้เขามีประสบการณ์
"ด้านการเมืองเรื่องของการคอร์รัปชั่น ขอเน้นว่าปีนี้ดุนะ ใครไปแอบทำอะไรผมเอาเรื่องนะ ผมกำลังตั้งทีม ซึ่งกำลังไปตรวจดูหลายที่ ผมตั้งทีมของผมอยู่ เพื่อไปสอดส่องการกระทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนใหญ่เป็นคนดี ตั้งใจทุ่มเท แต่ก็ยังมีแหลมๆ อยู่ เพราะฉะนั้นต้องขอฝาก และบางท้องถิ่นก็มีการคอร์รัปชั่น ชัก 10 % อันนี้บังเอิญว่านักธุรกิจมาเล่าให้ฟัง"
ส่วนเรื่องอีออกชั่น กำลังให้แก้ ท่านทั้งหลายฟังให้ดีว่า อีออกชั่นไม่ใช่การประมูลผ่านอินเตอร์เน็ต แต่อีออกชั่น ต้องมีสถานีอีออกชั่น ตั้งราคาอยู่คนละห้อง และสู้ราคากันเดี๋ยวนั้นสดๆ ถึงจะเรียกว่า อีออกชั่น วันที่ 1 ก.พ.นี้ จะให้ตัวอย่างที่ชัดเจน ขอให้ดูให้ละเอียด ระบบ 10 % ต้องไม่มีแล้ว เวลานี้ได้เริ่มส่งสายสืบไปแล้ว รวมถึงรัฐวิสาหกิจด้วย เพราะฉะนั้นปี 49-50 และ 51 ดุนะ อย่าหาว่าไม่เตือน ขอเลย ขอให้ช่วยกวดขันเป็นพิเศษ บางทีไม่มีหลักฐานก็ต้องลงโทษทางปกครอง ถ้ามีหลักฐานก็ลงโทษทางวินัยและทางอาญา
ส่วนปัญหาสังคมที่เราจะต้องทำช่วงนี้เป็นพิเศษ คือเรื่องของยาเสพติด เรื่องของอบายมุขทั้งหลาย เรื่องเด็กเยาวชน ขอให้ท่านผู้ว่าฯ ดูเด็กเยาวชนเหล่านี้เหมือนลูกหลานของเรา ถ้าเขาอยู่ในภาวะอันตราย เพราะในเมืองทั้งหลาย ก็เริ่มมีสิ่งมอมเมาเยาวชนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตู้เกม หรือแหล่งบันเทิง หอพัก ยาเสพติด หนังสือลามก ก็ขอฝากกวดขันด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บางทีเราอย่าไปใช้กฎหมายฉบับเดียว กฎหมาย มีหลายฉบับ ต้องใช้หลายๆ ฉบับด้วย ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายก็ยังมีอยู่ อย่าลูบหน้าปะจมูก คนนั้นเป็นใครก็ช่าง จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาลก็ช่าง ถ้าเป็นผู้มีอิทธิพลและเขาผิดกฎหมาย ท่านก็ต้องถือว่าเขาทำผิดกฎหมายดำเนินการได้เลย
"ฮ.(เฮลิคอร์ปเตอร์) อยู่ในพื้นที่ท่านสามารถใช้ได้ทั้งหมด ขอให้ตำรวจและทหารให้ความร่วมมือด้วย อย่าไปคิดค่าเช่าชั่วโมง ค่านำมันมาเบิกเอาจากงบฯกลาง ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเราทำงาน ไม่ได้เอาไปล่าสัตว์"
**โชว์แก้จนแบบเรียลิตี้ ทีวี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันที่ 16 ม.ค.นี้ จะเดินทางไป อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และจะมีการถ่ายทอดทีวีเป็นแบบเรียลิตี้ ทีวี เพื่อให้รู้ว่าวิธีคิดเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเก่งมาจากไหน แต่ก็คิดว่าคนไทยโชคดี ที่พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวคิด เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาให้แล้ว ซึ่งถือเป็นปรัชญาชั้นสูงที่ดูพูดง่าย แต่เมื่อปฏิบัติแล้วมันจะมีสภาพแวดล้อมหลายอย่างที่บางคนอาจจะไม่เข้าใจ จริงๆ
"หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ อย่าเกินตัว ใช้จ่ายให้พอกับกำลังของตัวเอง แต่บางคนอาจจะไม่มีโอกาส เพราะหนังสือไม่ได้เรียน ไม่มีที่อยู่ ซึ่งเราอาจต้องเริ่มต้นอะไรให้สักอย่างเพื่อให้เขาเดินต่อได้ นั่นคือการประคับประคอง เศรษฐกิจพอเพียงคือ ทำอย่างไรให้แต่ละครอบครัวมีรายได้พอเพียงกับค่าใช้จ่าย ที่จำเป็น ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ขอเน้นย้ำวิธีการทำงานในเรื่องนี้ว่า ขอให้ใช้วิธีการ แบบหมอรักษา ที่ต้องทำประวัติคนไข้ ว่าเจ็บป่วยเรื่องอะไร แพ้ยาอะไรบ้าง และจะวินิจฉัยโรคได้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะทำแบบเดียวกัน โดยจะขอให้ผู้ว่าฯ สั่งนายอำเภอทำทะเบียนครอบครัวประชาชนที่มาลงทะเบียนว่า เป็นครอบครัวยากจน มีความสามารถพิเศษอะไร เพื่อนำไปวิเคราะห์เป็นรายครอบครัว เพราะคาราวานแก้จนที่จะเข้าไป หากไม่มีประวัติก็จะไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง
"อย่างที่ อ.อาจสามารถ ขณะนี้ทางกระทรวงทรัพยากรฯ สำนักเลขาธิการนายกฯ กระทรวงมหาดไทย ก็ไปเตรียมการให้ผม แต่ยังไม่ตรง ซึ่งหลักของผม เมื่อลงไปแล้วจะขอฟังข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งว่าสถานการณ์ภาพกว้าง และลักษณะปัญหาของชาวบ้าน เป็นอย่างไร เมื่อผมเข้าใจแล้วก็จะลงไปตรวจดูในพื้นที่ทั้งหมด และเมื่อกลับมาแล้วก็จะมาประชุม เพื่อจะหยิบยกประเด็นต่างๆที่แปลกๆ เหล่านี้จะแก้ไขอย่างไร เพื่อเป็นการให้ความรู้กับพวกท่านทั้งหลาย"
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวว่า เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมาก แต่วันนี้เราเสียหายเพราะมีเรื่องของนักท่องเที่ยวถูกฆ่าตาย ซึ่งได้ให้พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯและรมว.ยุติธรรมไปล่าตัวให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือตาย เราจะต้องจัดการเป็นพิเศษ เพราะเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย ทำให้กระเทือนต่อเศรษฐกิจทั้งของประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วย
"เรากำลังจะเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและสายการบินต่างๆมาลงมากมาย ดังนั้นเราต้องมีแหล่งท่องเที่ยวที่รองรับให้เพียงพอ และต้องปรับปรุง แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ ขอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ช่วยกันดูแล"
**นัดถกเมกะโปรเจกต์ 28 ม.ค.
ส่วนเรื่องเมกะโปรเจกท์ที่เราจะต้องทำคือ เรื่องน้ำ ที่จะมีการเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาเสนอโครงการที่จะทำให้เรา และเราค่อยชำระเงินภายหลัง ซึ่งจะเชิญบุคคล เหล่านี้มาในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ว่ามีผู้สนใจมากพอหรือไม่ โดยเฉพาะประเทศที่เก่งในด้านที่เราต้องการ เราก็จะให้ข้อมูลและสนับสนุนในด้านต่างๆ ซึ่งนอกจากเรื่องน้ำแล้ว ในกทม.ก็มีเรื่องของระบบขนส่งมวลชน ทั้งกทม.และปริมณฑล และยังมีโครงการ ที่อยู่อาศัย เช่นบ้านเอื้ออาทร และบ้านสำเร็จรูป ซึ่งจะใช้สำหรับคนที่มีพื้นที่ของตัวเอง หรือคนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่าที่เชิญต่างประเทศมาดูเมกะโปรเจกต์ เพราะอยากให้ระบบสื่อสารรวมถึงทุกส่วนราชการ วันนี้กระทรวงมหาดไทยก้าวหน้าไปมาก ต่อไปจะเป็นระบบที่ง่ายกว่านี้เยอะ การประชุมหรือติดต่อกันหลายที่ได้โดยไม่ต้องเดินทางมา ต่อไปประชาชนจะสามารถรับบริการได้ที่บ้าน เช่น คัดสำเนาทะเบียนบ้านจากที่บ้าน หรือต่อใบอนุญาตทั้งหลายจากที่บ้าน หรือเรื่องลายเซ็น อีเล็กทรอนิกส์ ขอให้นายวิษณุ ไปจัดการเรื่องเก่าที่ค้างๆ ให้เสร็จ เมื่อเทคโนโลยีมาแล้วก็สามารถทำได้เลย และขอบคุณทุกกระทรวง และขอย้ำเรื่องวันสต็อปเซอร์วิส
"ขอให้ซีอีโอทั้งหลาย ทั้งผู้ว่าฯ ปลัดกระทรวง และอธิบดี ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ เสมือนกับท่านรับผิดชอบ เหมือนกับท่านเป็นผม ในส่วนงาน ในขอบข่ายงานที่ท่านรับผิดชอบ ท่านเป็นผม อย่างเช่นอธิบดี สมมติว่าท่านเป็นนายกฯ ท่านอยากทำให้กรมของท่านดีอย่างไร ท่านอยากให้จังหวัดของท่านดีอย่างไร ท่านทำสุดๆไปเลย นี่คือหลักที่อยากให้ท่านทำ แต่ขอให้ขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นเรื่องหลัก ๆ มี 3 ประเด็นคือ 1.การโมเดิร์นไนซ์ประเทศ เพื่อรองรับการแข่งขัน รองรับโลกาภิวัตน์ทั้งหลาย 2. การบริการประชาชน 3.การอัพเกรดความเป็นอยู่ของประชาชน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องปรับปรุง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่รู้จักจบ แต่ต้องขับเคลื่อนเร็ว แล้วจะตามไปดูอีกที"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังฝากให้นายสมคิด และเลขาฯ สภาพัฒน์ฯ ในเรื่องของอีโคโนมิก รีฟอร์ม ที่ยังไม่ค่อยคืบหน้า สิงคโปร์ ปีนี้โต 5.7 % ไตรมาสที่ 4 โต 7.7 % ซึ่งเกิดจากโปรดักส์ออฟ รีฟอร์ม แต่การรีฟอร์มของเราช้ามาก ซึ่งก็เป็นห่วง กลัวว่า ต่อไปการส่งออกของเรามันจะอืด เพราะยังไม่รีฟอร์ม ถ้าส่งในบุ๊คเก่ามันจะโตได้ไม่มากนัก ดังนั้นการรีฟอร์มถือเป็นหัวใจ ขอให้เป็นอเจนด้าสำคัญ
**ไม่กลัวปีหมาดุ คุยมีวิธีปราบ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เลขาฯสภาพัฒน์ฯ ต้องดูดี ๆ ภายใน 3 เดือนนี้ การรีฟอร์ม ต้องชัดเจน และในการประชุมครม.วันที่ 11 ม.ค.ที่ จ.เลย จะแจกโปรเจกต์ โกลเด้นท์ชิพให้รัฐมนตรี เพื่อให้เป็นเจ้าของโปรเจกต์ ถ้าใครบอกว่ามากไป ไม่สู้ก็ปล่อยออกมา แต่ถ้าบอกว่ายังน้อยเกินไป อยากทำเรื่องนั้นเรื่องนี้อีก ก็ขอให้บอกมา เมื่อมีเจ้าของโปรเจกต์แล้ว ตนจะบอกผู้ว่าฯ ปลัดและอธิบดี ว่าใครเป็นเจ้าของโปรเจกต์ เรื่องไหน เมื่อท่านขับเคลื่อนเรื่องนั้นก็สามารถยกหูถามรัฐมนตรีได้เลย ต่อไปนี้จะทำงานกันทั้งระบบ ทุกอย่างจะไปด้วยกันหมด ตั้งแต่รัฐมนตรีจนถึงระดับปฏิบัติ
"ปี 49 เป็นปีหมา หมาวิ่งเร็ว หมาไม่ดุหรอก ผมมีวิธีปราบหมา บ้านผมเลี้ยงหมา 60 กว่าตัว ดังนั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าหมามันวิ่งเร็ว ดังนั้นเราก็ต้องเร็ว ไอ้หมอดู หมอเดอ บอกหมาดุ หมาที่บ้านดุ หมาบ้านใครดุ ก็เลี้ยงเอาเองก็แล้วกัน"
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนาโดยยืนยันว่า ได้ส่งทีม ตรวจสอบ ความไม่โปร่งใสลงพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดแล้ว ซึ่งเขาจะรายงานตนโดยตรง โดยจะให้เขาดูเรื่องพยานหลักฐานในการให้ความเป็นธรรม ส่วนตนจะลงพื้นที่ไหนบ้างนั้นกำลังดูอยู่