xs
xsm
sm
md
lg

ฉก.กว่า 300 นายพลิกแผ่นดินล่า โจรฆ่าตัดคอทหารหน่วยรบพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม่ทัพภาค 4 สั่งล่าโจรฆ่าตัดคอ-ยิงทหารหน่วยรบพิเศษ"เอราวัณ" ผบ.ฉก.12 นำลูกน้องกว่า 300นาย พลิกแผ่นดินหา ห้ามชาวบ้านออกพื้นที่หากไม่จำเป็น ค้นตาดีกา พบรอยเลือดที่กำแพง ประสาน วท.หาดีเอ็นเอทันที ด้านนอภ.บันนังสตา สั่งสอบเข้มหลัง ผญบ.หายตัวเงียบ ส่วนที่นราธิวาส ตร.-ทหาร บุกรวบ 3หนุ่ม กะลุวอเหนือ คาบ้านพัก เชื่อมีเอี่ยว"คาร์บอมบ์"หน้าสภ.อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ด้าน"ธรรมรักษ์"มั่นใจสถานการณ์ใต้จะดีขึ้น แม้จะยุติเหตุการณ์ไม่ได้ทั้งหมด แต่สันติสุขเกิดขึ้นแน่นอน ย้ำเหล่าทัพต้องแปลงนโยบายให้เป็นการปฏิบัติให้ได้

ผู้สื่อข่าวความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 15 คน กระจายกำลังซุ่มยิงทหารชุดปฏิบัติการพิเศษ ที่ 534 หน่วยรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่ไปตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ บ้านบาเจาะ ม.2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหาร ส.อ.สมจิตร หล่อแสง เสียชีวิตคาที่ จ.ส.อ.กัน ปันยอด และ ส.อ.เรืองเดช โพธิ บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณ ถนนสายคอลอกาเอ –เขื่อนบางลาง ม.5 บ้านคอลอกาเอ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา และคนร้ายยังได้แสดงความโหดเหี้ยม โดยการตัดศีรษะของ ส.อ.สมจิตร ไปด้วยนั้น

ล่าสุด พ.ท.อิทธิพล สุวรรณรัฐ ผบ.ฉก.12 อ.บันนังสตา ได้รับคำสั่งจาก พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.สสส.จชต.ให้นำกำลังกว่า 300 นาย ออกติดตาม ไล่ล่ากลุ่มคนร้ายโดยปิดล้อมพื้นที่ใกล้เคียงและตั้งด่านตรวจเส้นทางเข้า-ออกจากหมู่บ้าน จำนวน 5 จุด ห่างกันจุดละ 1 กม.นอกจากนี้ ยังจัดชุดเดินเท้าออกลาดตระเวนในหมู่บ้านตลอด 24 ชม.ในรัศมี 1 กม. เพื่อเป็นการเอกซเรย์ในทุกตารางนิ้ว ป้องกันกลุ่มคนร้ายหลบหนีออกจากพื้นที่ และห้ามประชาชนในพื้นที่ออกจากหมู่บ้าน หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อต้องการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด

เวลา 09.00 น. วานนี้ เจ้าหน้าที่นำกำลังตรวจค้นโรงเรียนตาดีกา ภายในมัสยิดบ้านคอลอกาเอ ม.5 ต.บาเจาะ โดยให้คอเต็บประจำมัสยิด เป็นผู้นำตรวจค้นแต่ไม่พบผู้ร้ายหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ที่บริเวณกำแพงของโรงเรียนตาดีกา เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดหลายจุด จึงได้ประสานงานไปยังกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐาน เขต 45 ยะลา เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาดีเอ็นเอทันที

ในขณะที่ นายณัฐกิจ พิชิตโอสถ นายอำเภอบันนังสตา สั่งการให้มีการตรวจสอบประวัติ นายมะนูซี ยูโซ๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 หลังจากที่ได้หายตัวออกจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ว่าหายตัวไปในลักษณะใด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แหล่งข่าวที่เป็นทหารคนหนึ่งเล่าว่า ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ขับขี่จักรยานยนต์ 2 คัน จำนวน 4 คน ซึ่งรถแต่ละคันทิ้งห่างกันประมาณ 30 เมตร เนื่องจากเส้นทางเป็นทางขึ้นเนินเขา รถต้องวิ่งอย่างช้าๆ ในขณะที่กลุ่มคนร้ายได้วางกำลังซุ่มอยู่ข้างทาง ซึ่งได้เปรียบในเรื่องทำเลเปิดฉากยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม ทั้ง เอ็ม 16 และอาก้าอย่างหนัก ทำให้รถของ ส.อ.สมจิตร ซึ่งอยู่คันหน้าถูกกระสุนอย่างจัง เสียหลักล้มลง ส.อ.สมจิตร ถูกกระสุนปืนเสียชีวิตทันที และกลิ้งลงไปข้างทาง

ขณะที่เพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกัน อาวุธปืนประจำกายถูกกระสุนปืนของกลุ่มคนร้าย ไม่สามารถใช้งานได้ ได้กลิ้งตัวลงไปช่วย จ.ส.อ.กัน กับ ส.อ.เรืองเดช ที่ได้รับบาดเจ็บหลบวิถีกระสุน คาดว่า กลุ่มคนร้ายที่ซุ่มอยู่ใกล้กับจุดที่ ส.อ.สมจิตร ตกลงไปฉวยโอกาสดังกล่าวออกมายึดปืน และตัดคอผู้ตายไปด้วย โดยพบรอยเลือดหยดเป็นทางยาวเข้าไปในสวนยางประมาณ 30 เมตร แล้วหายไป

สำหรับพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.47 กลุ่มวัยรุ่นที่บัญชาโดย"อุสตาซโซ๊ะ" ผู้ต้องหาที่มีค่าตัว 2 ล้านบาทในขณะนี้ บุกฐานปฏิบัติการตชด.ที่บ้านบาเจาะ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงชีวิตไป 6 ศพ หลังจากนั้นเป็นต้นมา มีการใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ วางระเบิดชุดคุ้มครองครู ลอบยิงที่ตั้งสถานียุทธศาสตร์ และล่าสุด นำกำลังบุกโจมตีบ้านพักนายอำเภอ สถานีตำรวจ และที่ว่าการอำเภอ จนเป็นเหตุให้ นายอาซือมิง จารง แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีค่าหัว 2 ล้านบาท เสียชีวิตพร้อมลูกน้อง

**ยิง ชรบ.ดับ 1 สาหัส 1 ที่นราธิวาส

เวลา 10.20 น.วานนี้ ร.ต.ท.ชัยฤทธิ์ อินทร์คำ ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดี มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ บนถนนสายตันหยงมัส – ซีโป บริเวณหัวสะพาน หน้าโรงเรียนประชาบำรุง บ้านบละแต ม.4 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 2 คน ทราบชื่อคือ นายบุญส่ง มั่นคง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ถ.เทศบาล 6 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และนายสมชาย แซ่ฮ่อ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ถนนเทศบาล 8 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นายบุญส่งถูก ยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. เข้าบริเวณกลางหลัง 2 นัด ขาขวา 1 นัด ขาซ้าย 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายสมชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าบริเวณสะโพกซ้าย 1 นัด บั้นเอว 1 นัด ซี่โครงซ้าย 2 นัด อาการสาหัสเช่นกัน แต่นายสมชายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลระแงะ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 5 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)บ้านบูเกะสามี ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ โดยก่อนเกิดเหตุนายบุญส่งได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนตัว โดยมีนายสมชายนั่งซ้อนท้ายไปตรวจดูบ้านที่จะรับเหมาทาสีในพื้นที่บ้านบละแต ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ระหว่างออกจากพื้นที่ เพื่อกลับบ้านพักได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบสีและเลขทะเบียนประกบจากด้านหลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่เตรียมมาจ่อยิงในระยะเผาขนจำนวน 8 นัดซ้อน เป็นเหตุนายบุญส่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับบาดเจ็บ และนายสมชาย ถูกกระสุนปืนเสียชีวิตดังกล่าว

**รวบ 3 หนุ่มเชื่อมีเอี่ยว"คาร์บอมบ์"ส่งท้ายปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กว่า 50 นาย บุกจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิด 3 คน ขณะอยู่ในบ้านพัก ประกอบด้วย 1.นายซาฮาบูดิง อาหมัด อยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.4 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส 2. นายอาหามะ กอเซ็งดอเลาะ อยู่บ้านเลขที่ 45/2 ม.5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส 3. นายปายีซู อับดุลรอฮิม อยู่บ้านเลขที่ 59/2 ม.5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดรถยนต์หน้าร้าน ว.รุ่งโรจน์การช่าง ถ.ละม้ายอุทิศ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.48 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน

โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กข 6122 ปัตตานี ที่คนร้ายขโมยมาประกอบเป็น"คาร์บอมบ์"และมีลักษณะใกล้เคียงกับภาพที่สเกตช์ได้จากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.ต.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เพื่อทำการสอบสวนขยายผล

**"ธรรมรักษ์"มั่นใจปี 49 เกิดสันติสุข

ด้านพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ประเมินสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี 49 ว่า สถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ สิ่งบอกเหตุคือประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น ดังนั้น เป้าหมายการทำงานที่นอกเหนือจากการรักษาความสงบ และตอบโต้ผู้ใช้อาวุธแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจกับประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดจากความเข้าใจผิด

" ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น และเราจะใช้กองพลพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากรที่ตั้งขึ้นใหม่ เป็นกำลังหลัก และจะสามารถถอนทหารจากภาคอื่นๆกลับได้"

พล.อ.ธรรมรักษ์ ยังกล่าวถึงนโยบายในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวด้วยว่า จะต้องสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งที่สำคัญมากคือ ต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชน ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะต้องแปลงออกมาเป็นการปฏิบัติให้ได้

สำหรับงานด้านจิตวิทยามวลชนนั้น ขณะนี้นอกจากการเข้าไปชี้แจงประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ แล้ว จะต้องมีเป้าหมายแต่ละกลุ่มคนที่จะต้องทำความเข้าใจด้วย เพราะการที่จะทำให้ประชาชนมีความเข้าใจสถานการณ์ได้นั้น สิ่งที่งานด้านกิจการพลเรือนต้องทำให้มากขึ้น คือ การสร้างความเข้าใจในกลุ่มข้าราชการ โดยการอบรมข้าราชการเป็นเป้าหมายหลัก และกลุ่มประชาชนที่เป็นกลุ่มก้อน เช่น ผู้นำศาสนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ครู และนักเรียน ซึ่งจะต้องดำเนินการแบบ 2 ทาง คือ รับฟังความคิดเห็นของเขามาแก้ไข และชี้แจงนโยบายที่รัฐบาลกำลังทำ

"ขณะนี้เรายังทำเป็นภาพกว้างกับประชาชนอยู่ ต่อไปนี้เราต้องทำเป็นกลุ่ม ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และฟังเหตุผลเขา เราต้องมาแก้ที่ตัวเราเองด้วย ผมเชื่อว่าในปี 49 นี้ ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง เดิมจากประสบการณ์ผม สมัยแม่ทัพหาญ (พล.อ.หาญ ลีนานนท์)เราทำภาคใต้โดยส่วนรวมทั้งหมด เราใช้เวลา 2 ปี ทั้งภาค แต่คราวนี้ผมคิดว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ผมว่าปีเดียวคงจะรู้เรื่อง ปี 49 นี้ คงเห็นผล คือ จะให้สำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันคงไม่ได้ แต่จะเกิดความสงบ เกิดสันติสุขมากขึ้น" รมว.กลาโหม กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น