xs
xsm
sm
md
lg

"ใครทำอะไรไว้ จะได้รับการลงโทษจากพระเจ้า"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯ สตง.
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯสตง.:”คุณหญิงสามัญชนแห่งดินแดนสุวรรณภูมิ”

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ผ่าฟ้า ที่สำนักงานการตรวจแผ่นดิน(สตง.)เมื่อวันที่ 6 ก.ค.47 จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่ากระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ภายหลังจากที่เพิ่งฉลองวันเกิด ในวันที่ 5 ก.ค.ในปีนั้นของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ส่งผลต้องให้คุณหญิงฯ ต้องเดินหันหลังให้กับสถานที่ทำงานอันเป็นที่รัก ท่ามกลางพายุคอร์รัปชั่นที่กำลังโหมพัดเข้าใส่ประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความว่า เธอจะปล่อยให้พายุลูกนี้สร้างความเสียหายอยู่ฝ่ายเดียว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมากกว่าหนึ่งปีของหญิงเหล็กผู้นี้ ยังยืนยันตลอดเวลาว่าตัวเองเป็นผู้ว่าฯสตง.อยู่ ภายใต้การยึดมั่นในพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และยังไม่ทิ้งงานล้างบางทุจริต โดยยังทำงานในฐานะที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาและสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต ที่มีพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.เป็นประธาน (ปัจจุบันนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.มาดำรงตำแหน่งแทน เนื่องจาก พล.ต.อ.ประทิน ลาออก) ซึ่งกรรมาธิการชุดนี้ถือได้ว่า เป็นหน้าตาของวุฒิสภาในยุคที่ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ นับเป็นโอกาสดีที่ได้สนทนากับ "คุณหญิง"แห่งปีไก่ทองคำคนนี้

**การทำงานในช่วงปีที่ผ่านมา มีความแตกต่างไปจากสมัยที่ยังทำงานที่ สตง.อย่างไรบ้าง

แน่นอนการทำงานของเราตอนนี้ต้องหนักขึ้นมาก เพราะในสมัยก่อนที่ยังทำงานที่สตง.มีเจ้าหน้าที่ช่วยทำงานประมาณ2-3พันคน ประกอบกับมีอำนาจรัฐตามกฎหมาย ทำให้การทำงานไม่ยากมากนัก แต่ ณ วันนี้การทำงานต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด แต่พูดได้เต็มปากเลยว่า การทำงานภายใต้สถานะตรงนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย ในทางตรงข้ามการทำงานกับกรรมาธิการ กลับทำให้ตัวเองรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางจอหงวน เท่ากับเป็นการเติมในสิ่งที่เราไม่รู้ ให้เรารู้มากขึ้น

**นอกจากบทบาทการตรวจสอบนอกสำนักงานสตง.แล้วยังเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาด้วย

ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 34 แล้วสำหรับบทบาทตรงนี้ และที่น่าดีใจไปกว่านั้นคือ การที่ตัวเองได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยที่มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบัญชี ประกอบกับวันประสาทปริญญาบัตร ตรงกับวันที่ 25 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคริสต์มาสพอดี จึงทำให้มั่นใจว่า นี่คือสิ่งดีๆที่พระเจ้าประทานมาให้เรา แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ การที่ได้มีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ความรู้ความสามารถในเรื่องการบัญชี หรือหลักการตรวจสอบ และการควบคุมภายใน นอกจากนี้การสอนนักศึกษา ยังเป็นการเตือนสติให้นักศึกษารุ่นใหม่ตระหนักและยึดมั่นในความถูกต้อง เพื่อให้รู้ว่า ตอนนี้คนรุ่นเรา กำลังที่จะส่งไม้ต่อให้กับเขา ซึ่งการส่งไม้นั้นไม่ได้ส่งแต่เฉพาะเนื้อไม้อย่างเดียว แต่ไม้ที่ส่งต่อนั้นประดับด้วยเพชรและทองไปด้วย ซึ่งเพชรและทองที่ว่านี้ เปรียบเหมือนบ้านเกิด แผ่นดินเกิดของเราที่เป็นดินแดนสุวรรณภูมิที่ต้องรักษาไว้ ซึ่งค่าตอบแทนในการสอนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คุณค่าทางจิตวิญญาณต่างหากในการที่เราได้มาถ่ายทอดในสิ่งที่ดีๆแก่ลูกศิษย์ของเราต่างหาก และเงินที่ได้มาจากการสอน ก็เอาไปทำบุญตอนปลายปี จนรู้สึกได้ว่าบุญเริ่มหนาขึ้น

** ใช้หลักอะไรในการสอนบัญชี และการตรวจสอบท่ามกลางกระแสวัตถุนิยมในปัจจุบัน

น่าเสียดายที่เด็กส่วนใหญ่ยึดติดในเรื่องวัตถุนิยม ที่สังเกตุได้จากมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีกิจกรรมทางการเมืองให้เห็นเลย เพราะถ้าเป็นสมัยตัวเองที่เป็นนักศึกษา ถ้าบ้านเมืองเกิดปัญหาขึ้นป่านนี้ออกไปที่ถนนราชดำเนินแล้ว ไม่ยอมมานั่งใจเย็นเหมือนนักศึกษาสมัยนี้หรอก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีปัญหาในเรื่องตำแหน่งของตัวเองทำให้เราได้สัมผัสว่า ตอนนี้นักศึกษาเริ่มสนใจการเมืองมากขึ้น เพราะตอนนี้นักศึกษาเองก็ขอร้องให้ใช้เวลาหลังเลิกสอน เล่าเหตุการณ์บ้านเมืองให้ฟัง อย่างเช่น เรื่องของเครื่อง ซีทีเอ็กซ์ จนเรารู้สึกว่านักเรียนของเรารักประเทศของตัวเองมากขึ้น และเด็กสมัยนี้ความฉลาดมีสูงกว่าเราในสมัยเรียน เพราะได้รับประโยชน์จากระบบสารสนเทศโดยเฉพาะการอ่านข่าว จึงทำให้เรารู้ว่า ในท่ามกลางป่าใหญ่มีช้างเผือกที่คิดตามในสิ่งที่เราได้สอนและทำให้ดู เหมือนกับพระเจ้ามีแผนที่ต้องการให้เราเป็นสื่อเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษา

**มองระบบการตรวจสอบ ตามกลไกของรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ใครจะทำอะไรก็ทำไป แต่สุดท้ายสิ่งที่จะลงมือทำนั้นต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้าอะไรก็ตามที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่ยึดเสียงส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็คงไม่มีใครตำหนิ แต่ถ้าบางเรื่องจำเป็นที่จะต้องใช้ความคิดเห็นบ้างก็ต้องฟัง เพราะการที่จะทำอะไรโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยรวมต่อประเทศด้วยแล้ว บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรู้ตัวเองเสมอในสิ่งที่ตนเองได้ทำไปแล้ว ว่าถูกต้องและมีความชอบธรรมที่สมควรจะทำหรือไม่ และที่สำคัญอย่าลืมว่าตัวเองยังมีลูกหลานที่ต้องออกมาต่อสู้กับสังคมภายนอกอีก อย่างในพระคัมภีร์ที่บอกว่า "แล้วชีวิตหนึ่งก็ล่วงพ้นไป แต่ชีวิตใหม่จะตามมา" ดังนั้น จะทำอะไรต้องคิดให้ดี เพราะวันใดวันหนึ่งถึงแม้ท่านจะอยู่ในหลุม หรือเป็นเถ้าถ่าน แต่วิญญาณท่านจะต้องร้องแน่นอน แต่จะร้องดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำกันในวันนี้

**ต้องการเห็นบทบาทการทำงานของพรรคฝ่ายค้านอย่างไร ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมืองเช่นนี้

เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นการทำงานของฝ่ายค้านที่ดีและเข้มแข็ง แต่ที่อยากเห็นจากฝ่ายค้านทำมากที่สุดคือ การนำเสนอของฝ่ายค้านที่เห็นว่าถ้าเรื่องใดที่รัฐบาลทำไม่ถูก ฝ่ายค้านเองต้องเสนอด้วยว่าจะต้องทำเรื่องนั้นให้ดีอย่างไร เช่น ถ้าฝ่ายค้านเห็นว่า นโยบาย 30บาทรักษาทุกโรคของรัฐบาลไม่ดีแล้ว ดังนั้น ฝ่ายค้านจะต้องเสนอด้วยว่าจะแก้ไขนโยบายนี้ให้ดีได้อย่างไร แต่สิ่งที่เสนอนั้นจะต้องสามารถจับต้อง และนำไปปฏิบัติได้ รวมทั้งสมควรที่ต้องให้โอกาสนักการเมืองรุ่นใหม่ออกมาแสดงความสามารถมากขึ้น ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่านักการเมืองรุ่นเก่าจะไม่ดีน่ะ แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ควรที่จะให้โอกาสกับคนอื่นบ้าง ส่วนตัวคุณอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ โดยพื้นฐานความรู้ความสามารถ เชื่อว่าสามารถสร้างประโยชน์กับบทบาทผู้นำที่ดีในส่วนนี้ได้ ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดที่มีมากพอสมควร และความเสียเปรียบในเรื่องอำนาจรัฐ เมื่อมองการทำหน้าที่ของคุณอภิสิทธิ์ และพรรคฝ่ายค้านแล้วก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี แต่การทำงานจะต้องทำด้วยความสามัคคีของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งประชาธิปัตย์ ชาติไทย และมหาชน ที่สำคัญอย่าทำงานโดยยึดหลักที่ว่า การทำงานแป็นไปเพราะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่ต้องเป็นไปเพื่อให้เป็นทางเลือกให้กับประชาชน

**การคอร์รัปชั่นจะพัฒนาต่อไปในลักษณะใด ที่ถัดจากวิถีช้างเผือก และการแขวนหัวแกะ แต่ขายเนื้อสุนัข ที่เป็นกระบวนการที่ผ่านทางการตั้งบริษัทที่ปรึกษา

เมื่อขึ้นชื่อว่าคนแล้วจะต้องมีวิธีการที่หลบ และหลีกหนีได้ในแบบที่น่าประหลาดใจอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาพบว่า คนไทยนั้นฉลาดมาก เนืองจากมีวิธีการที่หลบหลีกได้อย่างน่าทึ่ง โดยรูปแบบคือการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งถ้าเป็นต่างประเทศคงไม่ปล่อยให้การไม่รู้ไม่ชี้เกิดขึ้นแน่นอน คนไทยมีเทคนิคในแสดงออกถึงความไม่รู้ไม่ชี้สูงมาก กล่าวคือ ใครจะว่าไปอะไรก็ว่าไป ฉันจะทำแล้วใครจะทำไม และปล่อยให้ลงข่าวไปสักสัปดาห์สองสัปดาห์เดี๋ยวเรื่องก็เงียบเอง และกว่าที่ศาลจะพิพากษาไม่รู้เรื่องไปถึงไหนแล้ว แต่ที่น่ากลัวมากกว่านี้คือ การกระทำในสมัยนี้เก่งมากจนสามารถตกแต่งหลักฐานเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองได้ หรือถ้าจะเรียกให้เพราะ คือ การทำมิชอบโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น อยู่ดีๆไปเพิ่มบางข้อในสัญญา หรือไม่มีตราประทับของคู่สัญญา แต่ก็ยังหลุดออกมาได้ ปัญหานี้ที่สำคัญคือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ เพราะเข้าใจแต่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในสัญญากลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ตัวไม่รู้เลยว่า ได้ตกอยู่ภายใต้สัญญาที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ดิฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมประเทศเรายังอดทนกันได้ เพราะจากประสบการณ์ที่ได้รับจากต่างประเทศ พบว่าถ้าเขาเองรู้สึกว่าใครที่มารังแกคนที่ทำงานเพื่อประชาชนแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยหรอก อย่างตอนนี้ก็ได้รับกำลังจากต่างประเทศ โดยที่เขาบอกว่า ในสหรัฐอเมริกาหรือออสเตรเลีย ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เป็นการรังแกคนที่ทำงานเพื่อประชาชน พวกเขาจะออกมาเดินขบวนตามถนนแล้วว่ามารังแกคนที่เป็น Watch Dog (หมาเฝ้าบ้าน)ได้อย่างไร

**มองการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของรัฐฐาล ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชั่น)อย่างไร

ไม่คิดว่าอี-ออคชั่น จะแก้ปัญหาได้ ถึงแม้ตัวเองอาจจะไม่ฉลาดเหมือนคนอื่นที่บอกว่าต้องใช้ อี-ออคชั่น แต่กลับคิดว่า วิธีการนี้เป็นการอำพรางปัญหาด้วยซ้ำไป ซึ่งคิดว่า วิธีการในการประมูลแบบเก่าที่เป็นการยื่นซองประกวดราคาที่ทำให้เราเห็นหน้าเห็นตากันยังดีกว่า ท่ามกลางคณะกรรมการ เพราะอย่างน้อยเชื่อว่าต้องมีคนดีที่เข้ามานั่งเป็นกรรมการบ้างแน่

**อะไรคือปัจจัยสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น

ต้องทำการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน โดยที่สื่อมวลชนทุกสาขาสามารถทำหน้าที่นี้ได้ อย่างตอนนี้ที่เห็นได้ชัดคือ การที่ คุณสนธิ(ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์)ที่ออกมาเตือนสติประชาชนในเรื่องของอนาคตประเทศชาติ ซึ่งหลายครั้งที่คุณสนธิพูด เชื่อว่าต้องกินใจคนฟังแน่นอน และน่าจะสร้างทัศนคติที่ดีได้ และถึงแม้ว่าในอดีตคุณสนธิ เองยอมรับว่าตัวเองได้ทำผิดในหลายเรื่อง แต่ขอวันนี้ขอทำบุญล้างบาป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง ในศาสนาคริสต์บอกว่า เราสามารถทำผิดได้และขอให้พระเจ้าล้างบาปให้แล้วทำตัวใหม่ให้ดี ถึงแม้ว่าบาปนั้นจะไม่ได้หายไปก็ตาม แต่ต้องระวังตัวเองไว้เสมอว่า อย่าทำให้เป็นเรื่องการเมือง

**คุณหญิงฯ เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีการคอร์รัปชั่น ถนนทุกสายในประเทศ จะปูด้วยทองคำก็ยังได้ คนไทยมีหวังที่จะได้เห็นประเทศของเราตามที่คุณหญิงฯ กล่าวหรือไม่

ตัวเองเป็นคนที่ไม่เคยมีอะไรหมดหวัง เพราะตัวเองก็ยังต่อสู้ในทุกๆเรื่องมาตลอด เพราะฉะนั้นเชื่อว่าทกคนจะมีโอกาสได้เห็นถนนทุกสายของเมืองไทยปูด้วยทองคำ แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะตราบใดที่รุ่นน้อง รุ่นลูกของเรายังปฎิบัติตัวโดยใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความสนุกสนานบันเทิงเริงใจอยู่ คงไม่สามารถเกิดสิ่งที่เราหวังได้ แต่ถ้าคนรุ่นนี้ลุกขึ้นมาใช้ความสามารถ และดึงศักยภาพของตัวเองเพื่อต่อสู้ปกป้องประเทศของเรา แต่ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยการถือดาบ ถือหอก แต่สู้ด้วยความคิดและการปฏิบัติ หรือที่เรียกว่า ธรรมบูชา คงพอที่จะทำให้มีหวัง และในฐานะคริสเตียน ดิฉันก็จะต่อสู้ด้วยการวิงวอนขอพระเจ้า ซึ่งคริสเตียนคนไทยเชื่อว่า พระเจ้ารักแผ่นดินไทยมาก เพราะแผ่นดินไทยให้อิสระแก่เราในการบูชาพระเจ้า ดังนั้นการที่เราบูชาพระเจ้าก็คือการบูชาในหลวง และพระเจ้าจะอยู่เคียงข้างประเทศไทยที่ไม่ว่าจะมีอันตรายใดๆพระเจ้าจะปัดทิ้งไปแน่นอน เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ระวังจะได้รับโทษจากพระเจ้าอย่างรวดเร็วเพียงคลิกเดียวเท่านั้น

**ช่วงนี้ไปเป็นวิทยากรบ่อยครั้ง และมักจะสวมเครื่องแบบของสำนักงาน สตง.มีนัยสำคัญอะไร หรือไม่

เครื่องแบบที่ใส่นั้น จัดทำขึ้นในสมัยที่เป็นผู้ว่าฯ สตง.เพื่อต้องการให้เป็นเครื่องเตือนสติทุกคนในสตง. เพราะบนเครื่องแบบมีสัญลักษณ์ที่เราจะต้องทำงานให้ได้ ดั่งตาชั่งที่ต้องเที่ยงธรรม ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้ทำงานอยู่ในสำนักงาน แต่ก็ยังดีใจที่ลูกน้องของเรายังคงใส่เครื่องแบบนี้อยู่ ท่ามกลางถูกคนบางกลุ่มค่อนแคะ แต่ที่น่าซึ้งใจลูกน้องเราก็ยังนึกถึงตัวเราอยู่ ยังคงส่งของขวัญและคำอวยพรในวันคริสต์มาสที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่ายังมีคนที่ต้องการเราอยู่ การที่เราสวมเครื่องแบบนั้น ด้วยความคิดที่ว่าวันนี้ได้มีการยอมรับแล้วว่า เราได้อยู่อย่างถูกต้อง และก็พร้อมที่จะกลับเข้าไปทำงานแล้ว แต่ต้องไม่ใช่การกลับเข้าไปเพราะการขอร้อง แต่ต้องเป็นการกลับเข้าไปในแบบที่คนต้องการให้กลับเข้าไป และสิ่งที่น่าแปลกคือ ประชาชนต้องการให้กลับเข้าไป แต่ทำไมกลุ่มคนใน สตง.ไม่อยากให้กลับเข้าไปทำงานในหน้าที่นี้

**ส่วนตัวคิดว่ามีความหวังที่จะได้กลับไปทำงานที่สตง.อีก

จะใช้คำว่าความหวังก็ไม่ใช่ เพราะยังยืนอยู่ว่าด้วยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในผืนแผ่นดินนี้ แต่การทำงานของเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำงานอยู่ในห้องนั้น และขอบอกว่า ถ้าคุณยิ่งรังแกฉัน ฉันจะยิ่งทำให้หนัก นอกจากนี่ตัวเองก็ไม่ได้ใส่ใจในระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งที่จะหมดลงในปลายปี 2549 เพราะต่อให้เหลือเวลาดำรงตำแหน่งเพียงหนึ่งวัน ก็จะกลับเข้าไป แต่ถ้าจะให้ดีน่าจะมีใครแสดงความกล้าหาญเด็ดขาดออกมาเลยว่า ดิฉันยังเป็นผู้ว่าฯสตง.อยู่หรือไม่ และจะต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ดิฉันออกจากตำแหน่งด้วย ที่บอกอย่างนี้เพราะว่า ขนาดตำแหน่งรองผู้ว่าฯสตง.ยังต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากตำแหน่งเลย จึงอยากถามว่า แล้วที่มีคนบอกว่าตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ไม่ต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ออก อยากรู้ว่าพวกท่านเอาหลักฐานที่ไหนมาพูด และที่ยังมีบางคนบอกว่า ถ้าให้ดิฉันกลับไปทำงานจะให้เอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปไว้ที่ไหน ในที่นี้อยากถามกลับว่า และที่คุณบอกว่าดิฉันพ้นจากตำแหน่ง แล้วคุณเอาพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งไปไว้ที่ไหน และที่พวกคุณถึงชอบอ้างนักว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ อยากจะบอกว่า พระบรมราชโองการ คือพระปรมาภิไธยโดยตรง จึงอยากถามว่าสิ่งไหนอยู่เหนือกว่ากัน
กำลังโหลดความคิดเห็น