xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์แห่งโลกภายใน (80-จบ)

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ลำดับนี้จักได้พรรณนาอิทธิฤทธิ์ลำดับที่ 19 ซึ่งเป็นอิทธิวิธีเฉพาะอีกประการหนึ่ง คือ ทิพยโสตหรือหูทิพย์ ซึ่งเป็น 1 ในวิชชา 8 ประการในพุทธศาสนา แต่เพราะมีความมหัศจรรย์ เป็นไปเพื่อความสำเร็จอย่างมหัศจรรย์จึงจัดเป็นอิทธิฤทธิ์ด้วย

อิทธิฤทธิ์ชนิดนี้จัดเป็นอิทธิวิธีเฉพาะก็เพราะว่าเป็นอานิสงส์หรือเป็นผลหรือเป็นขีดความสามารถที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่บรรลุภูมิธรรมตั้งแต่ระดับชั้นจตุตถฌานแล้ว

ทิพยโสตหรือหูทิพย์มีความหมายอยู่สองนัยยะ นัยยะแรกคือขีดความสามารถของหูซึ่งเป็นเครื่องรับฟังอย่างหนึ่ง และความสามารถได้ยินเสียงอันล่วงพ้นวิสัยมนุษย์ที่จะได้ยินได้อีกอย่างหนึ่ง

หูของคนเรานั้นได้ยินเสียงก็เพราะว่าได้อาศัยประสาทสัมผัสในการรับฟังหรือได้ยิน แต่มีขีดความสามารถที่จำกัดมากๆ คือได้ยินเสียงบางเสียงเท่านั้น เสียงที่สูงกว่าระดับที่มนุษย์จะได้ยินหรือที่ต่ำกว่าระดับที่มนุษย์จะได้ยินก็ไม่สามารถได้ยิน เพราะต้องมีคลื่นเสียงขนาดที่หูสามารถรับฟังได้มากระทบประสาทการรับฟังของหูจึงจะสามารถได้ยิน

หากจะเปรียบช่วงคลื่นความถี่ของเสียงที่มีขนาดต่าง ๆ กันว่ามีความยาวสักร้อยเมตร คลื่นเสียงที่หูคนเราสามารถได้ยินจะอยู่ในช่วงกลาง ๆ ราว ๆ 4-5 เมตรเท่านั้น เสียงที่ต่ำลงมาหรือที่สูงเกินไปกว่านี้หูของมนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าในบรรดาเสียงทั้งหลายที่มีอยู่ หูของมนุษย์เราสามารถได้ยินน้อยกว่าเสียงที่ไม่สามารถได้ยิน

เพราะเหตุนี้เสียงบางเสียงที่หมาได้ยินแต่คนเรากลับไม่ได้ยิน เสียงบางเสียงที่แมลงสาบได้ยิน คนเรากลับไม่ได้ยิน เสียงบางเสียงที่ปลาวาฬได้ยิน คนเราก็ไม่สามารถได้ยิน นั่นเป็นเพราะว่าเป็นเสียงที่มีคลื่นเสียงสูงหรือต่ำกว่าขนาดของคลื่นเสียงที่หูมนุษย์จะได้ยินได้

ดังนั้นมนุษย์เราจึงไม่ควรจะอวดรู้มากเกินไปเพราะที่เข้าใจว่ารู้นั้นช่างน้อยกว่าน้อยนัก นี่ยังไม่รวมถึงเสียงอีกมากหลายที่หลายคนอาจจะไม่คิดหรือไม่เชื่อ เช่น เสียงภูต เสียงผี เสียงเปรต เสียงเทพ เสียงพรหม

ลองนึกดูเถิดหากหูคนเรามีความสามารถได้ยินเสียงที่มีคลื่นความถี่ต่ำหรือสูงกว่าที่เราเคยได้ยินหรือที่ไม่สามารถได้ยินมาแต่ก่อนแล้ว ขีดความสามารถนั้นจะต้องสูงส่งถึงปานไหน

นอกจากนั้นระยะของการได้ยินเสียงของคนเราก็จำกัดนัก แค่เสียงนาฬิกาเดินพอห่างออกไปหน่อยก็ไม่ได้ยินแล้ว สำมะหาอะไรจะได้ยินเสียงแผ่นดินขยับตัวใต้ทะเลซึ่งฝูงปลาได้ยินมาก่อนแล้ว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้ยินเสียงในที่ห่างไกลโพ้นออกไป

การกระทำอิทธิฤทธิ์วิธีนี้ก็คือการเพิ่มขีดความสามารถได้ยินของหูให้สามารถได้ยินเสียงที่มีขนาดความถี่ของคลื่นสูงหรือต่ำกว่าที่เคยได้ยินมาแต่ก่อน และมีขีดความสามารถได้ยินเสียงที่ไกลออกไปโพ้นได้ นี่จึงกล่าวว่าเป็นความสามารถในการได้ยินเสียงล่วงพ้นวิสัยของมนุษย์หรือหูทิพย์

ความสามารถในการได้ยินเสียงของคนเราไม่ได้อยู่ที่ใบหูหรือที่ทางพระเรียกว่าโสตะ สังเกตดูง่าย ๆ ว่าในบางครั้งยามนั่งเหม่อลอยนั้นต่อให้รถไฟทั้งขบวนวิ่งผ่านมาก็ยังไม่ได้ยิน ทั้ง ๆ ที่หูก็มีอยู่เหมือนเดิม นั่นเพราะว่าตัวความสามารถในการได้ยินไม่ทำงาน ไม่ทำหน้าที่

ตัวความสามารถในการได้ยินเป็นธาตุชนิดหนึ่งเรียกว่าโสตะธาตุหรือธาตุในการได้ยินของหู เชื่อมเนื่องอยู่กับโสตะวิญญาณ คือพลังในการได้ยิน แล้วเชื่อมอยู่กับสัญญาและสังขาร คือความทรงจำได้หมายรู้และการปรุงแต่ง ดังที่ได้พรรณนามาแต่ต้นแล้ว

โสตะธาตุ โสตะวิญญาณ เป็นสิ่งที่มีอยู่และทำหน้าที่อยู่ตามปกติ แต่ธาตุหูหรือความสามารถในการได้ยินของหูนั้นต่ำหรือน้อยนัก มีขีดความสามารถในการได้ยินอยู่ในระยะไหนก็ได้ยินอยู่ในระยะนั้นเป็นระยะสูงสุด ยิ่งมีสิ่งรบกวนระยะการได้ยินก็สั้นลง ถ้าสิ่งรบกวนกระทบถึงใจก็ไม่ได้ยินเอาเลย

โสตะธาตุและโสตะวิญญาณคือตัวรับสัญญาณคลื่นเสียงแล้วส่งเข้าศูนย์การอ่านความหมายคือสัญญาขันธ์ และกำหนดปฏิกิริยาตอบโต้โดยสังขารขันธ์ ซึ่งมีวิญญาณขันธ์เป็นตัวกำกับบงการ ภายใต้อำนาจของจิตไม่ว่าจะมีกิเลสหรือบริสุทธิ์ก็ตาม

อิทธิฤทธิ์วิธีนี้ก็คือการทำให้โสตะธาตุและโสตะวิญญาณซึ่งก็คือตัวรับสัญญาณคลื่นเสียงมีขีดความสามารถในการรับสัญญาณคลื่นเสียงที่ไกลโพ้นออกไปและในทุกขนาด ทุกระดับของคลื่นเสียง

พูดง่าย ๆ ก็คล้ายกับเจโตปริยญาณที่มีการส่งสัญญาณภาครับออกไปไกลโพ้นเพื่อรับรู้สัญญาณการส่งทางจิตคือความรู้สึกนึกคิด ในขณะที่ทิพยโสตนั้นเป็นการส่งสัญญาณภาครับเสียงที่มีขีดความสามารถในการรับสัญญาณความถี่ทุกระดับทั้งที่สูงและต่ำกว่าขีดความสามารถปกติที่จะได้ยิน และสามารถส่งสัญญาณภาครับออกไปไกลโพ้นหาประมาณมิได้ แม้กระทั่งถึงโลกธาตุหรือจักรวาลอื่น กาแล็คซี่อื่นอันไม่มีที่สิ้นสุด

ความจริงคนเราขอเพียงมีจิตใจที่สงบเล็กน้อย ความสามารถในการได้ยินก็จะเพิ่มสูงขึ้น ทดลองดูง่าย ๆ จากการเอานาฬิกาตั้งวางไว้ใกล้ ๆ ให้พอได้ยินเสียงการเดิน แล้วทำจิตให้ค่อย ๆ สงบลง ก็จะได้ยินเสียงชัดขึ้น แล้วลองขยับนาฬิกาให้ไกลออกไปอีกหน่อยหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ยินแล้วหรือได้ยินไม่ชัด แต่เมื่อจิตสงบลงก็จะสามารถได้ยินเสียงนาฬิกาเดินได้อีก

นั่นเป็นเพราะมีการส่งสัญญาณภาครับออกไป รับสัญญาณเสียงจากการเดินของนาฬิกา นี่เป็นเรื่องกระจอกงอกง่อยกระจุ๋มกระจิ๋มเท่านั้น และยิ่งกำลังภาครับในการได้ยินของหูได้ขับเคลื่อนด้วยกำลังแห่งอิทธิบาท กำลังจิต กำลังฌาน และกำลังอธิษฐานแล้ว ก็จะยิ่งมีขีดความสามารถในการได้ยินมากขึ้น

ในวันนี้โลกวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์พบแล้วว่ายังมีเสียงอีกมากหลายทั้งที่ใกล้ ที่ไกลที่มนุษย์ไม่ได้ยิน นั่นเป็นเพราะมนุษย์เราไม่ยอมจำนนหรืออับจนต่อความสามารถ เป็นแต่วิธีที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการได้ยินต่างกันออกไปเท่านั้น โลกวิทยาศาสตร์ได้อาศัยเครื่องมือทางวัตถุซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่ง และคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีแสงกว่าจะก้าวหน้าไปถึงครึ่งหนึ่งในการได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยิน

แต่สำหรับความเป็นมหัศจรรย์แห่งโลกภายในนั้น พวกโยคีก่อนโพธิกาลก็เคยกระทำได้เนื่องจากโยคีจำนวนหนึ่งก็สามารถบรรลุจตุตถฌานได้ ดังเช่นอาฬารดาบสและอุทกดาบส จึงไม่ใช่ของใหม่ของวิเศษอะไร

พระตถาคตเจ้าและพระสาวกจำนวนมากก็ได้ฝึกฝนอบรมจิตจนถึงซึ่งความมหัศจรรย์แห่งโลกภายใน ทำให้ขีดความสามารถในการได้ยินล่วงพ้นวิสัยมนุษย์ที่จะได้ยินได้ เป็นแต่ว่าการฝึกฝนอบรมนั้นผู้คนในชั้นหลัง ๆ ทั่ว ๆ ไปขาดการฝึกฝนอบรมมาเป็นเวลานานแสนนาน ยกเว้นก็แต่ผู้ปฏิบัติที่ฝึกฝนอบรมอยู่ไม่ขาดสาย ท่านเหล่านั้นย่อมสามารถกระทำอิทธิฤทธิ์คือทิพยโสตได้

การกระทำอิทธิฤทธิ์ชนิดนี้อาศัยกำลังอิทธิบาท กำลังจิต กำลังฌาน และกำลังอธิษฐานเหมือนกับการกระทำอิทธิฤทธิ์วิธีอื่น ๆ แต่อาศัยกำลังอิทธิบาท กำลังจิตและกำลังฌานเป็นตัวนำ โดยมีอธิษฐานและกำลังอธิษฐานเป็นตัวกำหนดประเภทของเสียงหรือเสียงที่ประสงค์จะได้ยิน

ดังได้พรรณนามาแล้วว่ากายของคนเรานี้มีอยู่หลายกาย ในที่นี้คือร่างกายและนามกาย ใบหูเป็นส่วนของร่างกายแต่โสตะธาตุและวิญญาณธาตุเป็นส่วนของนามกายแล้วแปรเปลี่ยนเป็นทิพยกาย เมื่อการฝึกฝนอบรมจิตถึงซึ่งทิพยภูมิคือจตุตถฌาน

หูของทิพยกายหรือนัยหนึ่งก็คือทิพยโสตคือโสตะธาตุและโสตะวิญญาณ เมื่อขับเคลื่อนด้วยกำลังอิทธิบาท กำลังจิตและกำลังฌานโดยมีกำลังอธิษฐานเป็นตัวหนุนแล้ว ทิพยโสตนั้นก็จะมีขีดความสามารถในการได้ยินเสียงที่มีคลื่นความถี่ทุกขนาด ทุกระดับได้ล่วงพ้นวิสัยของมนุษย์ธรรมดาที่จะได้ยิน และสามารถแผ่สัญญาณรับฟังไกลออกไป

เสียงก็มีสัญญาณส่งโดยคลื่นเสียง เมื่อตัวรับสัญญาณภาครับคือทิพยโสตแผ่พลังไปสัมผัสจึงสามารถได้ยินเสียงได้

เพราะเหตุนี้เสียงทั้งหลายทั้งใกล้ ทั้งไกล จึงเป็นเสียงที่สามารถได้ยินได้ด้วยทิพยโสตฉะนี้ ดังนั้นพระตถาคตเจ้าก็ดี พระสาวกก็ดี และผู้ที่บรรลุถึงจตุตถฌานก็ดีจึงสามารถได้ยินเสียงภูตผีปีศาจ เปรต รุกขเทวดา เทพ พรหมได้ และสามารถได้ยินเสียงที่ไกลโพ้นออกไปถึงโลกธาตุ หรือจักรวาล หรือกาแล็คซี่อื่น ๆ ได้อีกด้วย

ระยะทางและความเร็วไม่เป็นอุปสรรคและขีดกั้นในการได้ยินเลย เพราะมิติแห่งความมหัศจรรย์ของโลกภายในนั้นเป็นคนละมิติกับกาลเวลาหรือความเร็ว ดังนั้นหน่วยนับปีแสงหรือหน่วยนับความเร็วใด ๆ จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับมิตินี้ มิฉะนั้นแล้วถึงหากมีขีดความสามารถได้ยินเสียงจากกาแล็คซี่อื่นแต่กว่าจะได้ยินก็ต้องกินเวลาหลายปีแสงตามมิติของเวลาและความเร็ว ผู้รับฟังก็จะตายเสียก่อน ดังนั้นความสามารถในการได้ยินของทิพยโสตจึงเป็นปัจจุบันกาล ต้องการได้ยินเมื่อใดก็ได้ยินเมื่อนั้น ล่วงพ้นอำนาจแห่งกาลและความเร็วคือเหนือพ้นไปจากมิติของความเร็วและกาลเวลานั่นเอง

ส่วนทิพยจักษุหรือตาทิพย์ซึ่งเป็นอิทธิวิธีที่มีความมหัศจรรย์เป็นไปเพื่อความสำเร็จในการเห็นอย่างมหัศจรรย์และจัดเป็นอิทธิฤทธิ์อีกอย่างหนึ่งคือเป็นอิทธิฤทธิ์ชนิดที่ 20 นั้นก็เป็นอิทธิวิธีชนิดหนึ่งที่จะบังเกิดขึ้นได้เมื่อการฝึกฝนอบรมจิตถึงขั้นจตุตถฌานเช่นเดียวกับทิพยโสต

การเห็นของคนเราก็คล้ายกับการได้ยินเสียง ตาเป็นตัวรับการมองเห็น แต่ตัวเห็นจริง ๆ นั้นคือจักษุธาตุและจักษุวิญญาณทำนองเดียวกับการได้ยินเสียง

ตาของคนเราเห็นภาพก็เพราะคลื่นแสงกระทบกับวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสู่ตา โดยมีจักษุธาตุเป็นตัวรับสัมผัส และมีจักษุวิญญาณเป็นตัวอ่านภาพ แต่ทว่าตาของคนเราก็มีขีดความสามารถจำกัดเหมือนกับหูคือสามารถรับสัญญาณภาพจากคลื่นแสงบางความถี่ บางขนาด บางระดับเท่านั้น คลื่นแสงที่มีความถี่สูงหรือต่ำกว่าที่เห็นได้ก็มองไม่เห็น หรือที่ไกลโพ้นออกไป หรือหากมีสิ่งกีดขวางก็ไม่สามารถรับได้จึงไม่สามารถมองเห็นเช่นเดียวกัน

ดังนั้นสิ่งที่คนเรามองเห็นทั้งที่ใกล้ ที่ไกล จึงมีน้อยกว่าน้อยนัก และน้อยกว่าที่มองไม่เห็นมากมายก่ายกองนักหนา จึงอย่าได้อวดรู้กันนักเลย และที่เข้าใจกันว่าเห็นนั้นจริง ๆ แล้วก็เป็นมายาเกือบทั้งหมด เช่น เห็นดอกกุหลาบสีแดง แล้วยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นกุหลาบสีแดง ความจริงสีแดงนั้นไม่มีดอก มันเกิดจากคลื่นแสงขนาดหนึ่งกระทบกับวัตถุคือดอกกุหลาบแล้วปรากฏเป็นภาพหนึ่ง สมมติว่าเป็นดอกกุหลาบและสมมติว่าเป็นสีแดงเท่านั้น

เพราะเหตุนี้คนเราจึงไม่สามารถมองเห็นกายบางชนิดที่ละเอียดประณีตเกินกว่าขีดความสามารถของตาจะมองเห็น และไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ๆ ที่อยู่ไกลออกไป หรือที่มีสิ่งกีดขวางจากขีดความสามารถที่ตาจะมองเห็นได้

แต่การมองเห็นที่ล่วงพ้นวิสัยมนุษย์กลับไม่ต้องอาศัยตา แต่อาศัยตาของจิตคือทิพยจักษุอันเป็นจักษุของกายอันเป็นทิพย์ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่บรรลุจตุตถฌานขึ้นไป

กระบวนการในการกระทำอิทธิฤทธิ์ประเภททิพยจักษุก็เหมือนกับการกระทำอิทธิฤทธิ์ประเภททิพยโสตนั่นเองจึงไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีก พึงศึกษาฝึกฝนโดยอนุมานเถิด

มหัศจรรย์แห่งโลกภายในอันได้พรรณนามาโดยลำดับนับถ้วน 80 ตอนนี้แล้วเป็นอันครบจบตามที่ตั้งความปรารถนาในการรจนาถวายไว้ในพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนเวไนยสัตว์ที่ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายทั้งหลาย จะได้ใช้เป็นแนวทางฝึกฝนอบรมปฏิบัติ

และต้องกราบขออภัยท่านทั้งปวงทั้งในบัดนี้ ในบัดหน้าไว้เสียตรงนี้ว่าบรรดาที่ได้พรรณนามานี้บางสิ่งบางเรื่องก็ไม่เคยพบปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะยังไม่ถึงซึ่งภูมิธรรมอันประเสริฐคือความมหัศจรรย์แห่งโลกภายใน ขอท่านทั้งปวงได้กรุณาให้อภัยในปัญญาและวาสนาอันน้อยนัก แต่ด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์งานถวายไว้ในพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนเวไนยสัตว์ จึงสู้มานะพยายามขวนขวายหาความรู้ทั้งปริยัติและปฏิบัติและจากท่านผู้รู้ ตลอดจนประสบการณ์ที่ผ่านมาแต่กาลก่อนซึ่งได้คุ้นเคยรับใช้ใกล้ชิดสนิทสนมกับครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐ จึงได้หาญกล้าพรรณนาความใหญ่สำคัญถึงปานนี้

อานิสงส์อันพึงมีจากการพรรณนามหัศจรรย์แห่งโลกภายในนี้ขออุทิศแด่บุพการีผู้มีพระคุณที่ได้ให้กำเนิดชีวิตเป็นตัวตนแล้วทะนุถนอมเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ให้ได้มีโอกาสสัมผัสกับพระธรรมอันประเสริฐเป็นปฐม ขออุทิศแด่พระอุปัชฌายาจารย์ที่ได้สอนสั่งให้การอบรมศึกษาและปฏิบัติจนพอมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมอันประเสริฐบ้าง ขออุทิศแด่ผู้มีอุปการคุณและผู้ที่เป็นขวัญเป็นกำลังใจทั้งปวงที่มีส่วนส่งเสริมให้กำลังศรัทธาที่จะพรรณนาเรื่องมหัศจรรย์แห่งโลกภายในนี้ ขอกราบขอบพระคุณพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และพลเอก พัฒน์ อัคนิบุตร อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเสนาธิการทหาร ที่ได้ให้กำลังใจและช่วยผลักดันการเขียนเรื่องนี้ด้วยใจหวังจะให้เป็นผลงานอันทรงค่าในพระศาสนาอีกชิ้นหนึ่ง ขอขอบใจทีมงานอีก 2 คนที่ได้ช่วยพิมพ์ ช่วยตรวจจนการสำเร็จดังประสงค์ ขออานิสงส์นี้จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบความสำเร็จในการฝ่าข้ามห้วงมหรรณพแห่งสังสารวัฏโดยถ้วนหน้ากัน

ขออานิสงส์แห่งการพรรณนามหัศจรรย์แห่งโลกภายในนี้จงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ข้าน้อยนี้ถึงซึ่งพระนิพพานในกาลข้างหน้าด้วยเถิด นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
---------------------
หมายเหตุ : มหัศจรรย์แห่งโลกภายในนี้เริ่มเขียนตอนแรกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2547 จบ 80 ตอนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548
กำลังโหลดความคิดเห็น