ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ให้ฉายาผู้ว่าฯ"ซีอีอุ่ม"มาจากภาษาพื้นเมืองล้านนา แปลว่า "กุม(เป้า)"ส่วน"เจ๊แดง"คนโตไทยรักไทยได้รับฉายา "คุณลำใย" เพื่อสื่อถึงสายสัมพันธ์โยงใยในแทบทุกกิจกรรมของภาคเหนือ ขณะที่"ปลอดประสพ"รับฉายา "ปลอด 3 ป." ส่วนส.ส.-ส.ว.เชียงใหม่ เป็น"ลิ่วล้อที่โลกลืม"
วาระของการส่งท้ายปี 2548 ก้าวสู่ปี 2549 กลุ่มผู้ปฏิบัติงานข่าวที่ได้ทำหน้าที่ติดตามและรายงานสถานการณ์เมืองเชียงใหม่มาตลอดทั้งปีหลายสังกัด โดยมี นายอินสม ปัญญาโสภา นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคเหนือแห่งประเทศไทย นายสุรชัย เลียวสวัสดิพงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ และนายอำนาจ จงยศยิ่ง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคเหนือ เป็นที่ปรึกษา ได้ร่วมกันระดมความเห็นปรากฏการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นตลอดปี 2548 ในงาน "ดวลกาแฟ แลเชียงใหม่ ในสายตาสื่อ" เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.48 ที่ร้านเดอะแกลเลอรี่ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยร่วมกันตั้งฉายาผู้มีบทบาทในพื้นที่เชียงใหม่ดังนี้
1.นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับฉายา"ซีอีอุ่ม"เนื่องจากเห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมา ได้ใช้เวลาการทำงานตามหน้าที่เพื่อประชาชน ไปอำนวยความสะดวกและติดตามฝ่ายการเมืองระดับนโยบาย ทั้งระดับผู้บริหารถึงกระทั่งญาติครอบครัวมากเกินไป ทั้งๆที่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับเมืองเชียงใหม่แล้วเปรียบเสมือนเจ้าเมืองที่ถือเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรี เป็นที่เคารพของประชาชน นอกจากนั้นการบริหารราชการแบบซีอีโอ ที่จะเป็นการบริหารราชการแบบเบ็ดเสร็จเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างคล่องตัว ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง (หมายเหตุ : คำว่า "อุ่ม" เป็นคำเมือง หมายถึง กิริยากุมมือประสานไว้เบื้องหน้าอย่างนอบน้อม คอยให้บริการ )
2.นายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับฉายา"นายกฯ ล่องหน"เนื่องจากเห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมา มีบทบาทในการทำงานน้อยต่างจากช่วงหาเสียง ไม่ปรากฏชัดเจนว่าได้นำนโยบายที่หาเสียงไปแก้ไขให้ชาวบ้านอย่างไร ทั้งที่เป็นองค์กรใหญ่มีงบประมาณถึง 400 ล้านบาท และเป็นนายก อบจ.ที่ทุกฝ่ายคาดหวัง เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งใหญ่ในระดับประเทศมาก่อนด้วย มีการวิเคราะห์ว่าบทบาท อบจ.ลดถอยลงเพราะที่พื้นที่บริหารงานไม่มีและทำงานทับซ้อน เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ตามนโยบายการเมือง
3.นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้รับฉายา"จอมสร้างภาพ"เนื่องจากตลอดทั้งปีได้พยายามนำเสนอโครงการที่ดูดีต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก เปิดแถลงข่าวการจะพัฒนาเมืองให้สวยงามหลายโครงการ แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีความคืบหน้าตามวันเวลาที่ประกาศและผัดเวลาไปเรื่อยๆ หรือบางโครงการเมื่อทำแล้วก็ต้องทำใหม่ เช่น ถนนตัวหนอนราชดำเนิน การปรับภูมิทัศน์เมืองที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตกแต่งด้วยดอกไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
4.พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับฉายา "มือปราบไมค์กระจาย" เนื่องจากเป็นผู้บัญชาการหน่วยงานที่มีการแถลงข่าวบ่อยครั้งที่สุด เมื่อมีการปฏิบัติหน้าที่หรือจับกุมคดีต่างๆ โดยเฉพาะคดียาเสพติดที่ใดจะต้องมาเปิดแถลงข่าวที่ภาค 5 เสมอ เป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกครั้ง และยังตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในทุกกรณี
5.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคไทยรักไทย ได้รับฉายา "คุณลำใย" (ใช้สระ ใ - ไม้ม้วน) เนื่องจากฐานเสียงใหญ่อยู่ในพื้นที่อำเภอสารภี อันเป็นพื้นที่ปลูกลำไยสำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ และยังเป็นผู้มีบทบาทโยงใยเกี่ยวเนื่องโดยตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงมีผู้คนและส่วนงานที่เกี่ยวข้องโยงใยอยู่ ไม่ว่าภาคราชการ เอกชนหรือบทบาทการเมือง นอกจากนั้น เมื่อมีข่าวสำคัญตามสื่อต่างๆ ในประเด็นการเมืองระดับชาติ มักจะมีการโยงใยเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอ
6.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้บริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้รับฉายา "ปลอด 3 ป." เนื่องจากตลอดทั้งปีได้มามีบทบาทเป็นคนในกระแสข่าวพื้นที่เชียงใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะโครงการสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่เปิดตัวในปีนี้ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับโลก และยังกำลังมีดำเนินอภิมหาโครงการยักษ์ต่อเนื่องในชื่อ "เชียงไหม่เวิลด์" อีกในปีหน้า
ฉายา ปลอด 3 ป. มาจาก อักษรย่อ ป.ปลา 3 คำคือ ป.-เปิบ เพราะเป็นผู้เสนอความคิดเมนูพิสดาร กินเนื้อสัตว์แปลก เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้ หมาท่าแร่ ฯลฯ, ป.-ปรับเปลี่ยน บริหารโครงการภายใต้การปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลที่เผยแพร่แต่ละครั้งไม่นิ่งและเกิดความสับสนในสังคมส่วนรวม และ ป.สุดท้าย คือ ปะฉะดะ คือไม่ว่าจะเป็นใครที่มีความเห็นแย้งหรือท้วงติง ปะหน้าหรือพบเจอเมื่อใดก็จะ "ฉะ" ตลอด เป็นคนฝีปากกล้า ชอบพูดท้าทาย
7. ส.ส.และ ส.ว.เชียงใหม่ ได้รับฉายา"ลิ่วล้อที่โลกลืม"เนื่องจาก แม้จะเป็นผู้แทนคนเชียงใหม่ก็จริง แต่ท่านทั้งหลายส่วนมาก ชาวบ้านแทบไม่รู้จักว่าคือผู้แทนของประชาชน จะเห็นหน้าในพื้นที่เมื่อนายมาและปัญหาเกิด มีพฤติกรรมชอบตามนาย เมื่อนำมาเป็นคำถามให้คนเชียงใหม่ตอบว่า ส.ว.มีใครบ้าง ส.ส.มีใครบ้างหลายคนยังไม่รู้ และหลายคนต้องใช้เวลานานกว่าจะคิดชื่อออก
วาระของการส่งท้ายปี 2548 ก้าวสู่ปี 2549 กลุ่มผู้ปฏิบัติงานข่าวที่ได้ทำหน้าที่ติดตามและรายงานสถานการณ์เมืองเชียงใหม่มาตลอดทั้งปีหลายสังกัด โดยมี นายอินสม ปัญญาโสภา นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคเหนือแห่งประเทศไทย นายสุรชัย เลียวสวัสดิพงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ และนายอำนาจ จงยศยิ่ง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคเหนือ เป็นที่ปรึกษา ได้ร่วมกันระดมความเห็นปรากฏการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นตลอดปี 2548 ในงาน "ดวลกาแฟ แลเชียงใหม่ ในสายตาสื่อ" เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.48 ที่ร้านเดอะแกลเลอรี่ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยร่วมกันตั้งฉายาผู้มีบทบาทในพื้นที่เชียงใหม่ดังนี้
1.นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับฉายา"ซีอีอุ่ม"เนื่องจากเห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมา ได้ใช้เวลาการทำงานตามหน้าที่เพื่อประชาชน ไปอำนวยความสะดวกและติดตามฝ่ายการเมืองระดับนโยบาย ทั้งระดับผู้บริหารถึงกระทั่งญาติครอบครัวมากเกินไป ทั้งๆที่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับเมืองเชียงใหม่แล้วเปรียบเสมือนเจ้าเมืองที่ถือเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรี เป็นที่เคารพของประชาชน นอกจากนั้นการบริหารราชการแบบซีอีโอ ที่จะเป็นการบริหารราชการแบบเบ็ดเสร็จเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างคล่องตัว ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง (หมายเหตุ : คำว่า "อุ่ม" เป็นคำเมือง หมายถึง กิริยากุมมือประสานไว้เบื้องหน้าอย่างนอบน้อม คอยให้บริการ )
2.นายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับฉายา"นายกฯ ล่องหน"เนื่องจากเห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมา มีบทบาทในการทำงานน้อยต่างจากช่วงหาเสียง ไม่ปรากฏชัดเจนว่าได้นำนโยบายที่หาเสียงไปแก้ไขให้ชาวบ้านอย่างไร ทั้งที่เป็นองค์กรใหญ่มีงบประมาณถึง 400 ล้านบาท และเป็นนายก อบจ.ที่ทุกฝ่ายคาดหวัง เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งใหญ่ในระดับประเทศมาก่อนด้วย มีการวิเคราะห์ว่าบทบาท อบจ.ลดถอยลงเพราะที่พื้นที่บริหารงานไม่มีและทำงานทับซ้อน เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ตามนโยบายการเมือง
3.นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้รับฉายา"จอมสร้างภาพ"เนื่องจากตลอดทั้งปีได้พยายามนำเสนอโครงการที่ดูดีต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก เปิดแถลงข่าวการจะพัฒนาเมืองให้สวยงามหลายโครงการ แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีความคืบหน้าตามวันเวลาที่ประกาศและผัดเวลาไปเรื่อยๆ หรือบางโครงการเมื่อทำแล้วก็ต้องทำใหม่ เช่น ถนนตัวหนอนราชดำเนิน การปรับภูมิทัศน์เมืองที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตกแต่งด้วยดอกไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
4.พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับฉายา "มือปราบไมค์กระจาย" เนื่องจากเป็นผู้บัญชาการหน่วยงานที่มีการแถลงข่าวบ่อยครั้งที่สุด เมื่อมีการปฏิบัติหน้าที่หรือจับกุมคดีต่างๆ โดยเฉพาะคดียาเสพติดที่ใดจะต้องมาเปิดแถลงข่าวที่ภาค 5 เสมอ เป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกครั้ง และยังตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในทุกกรณี
5.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคไทยรักไทย ได้รับฉายา "คุณลำใย" (ใช้สระ ใ - ไม้ม้วน) เนื่องจากฐานเสียงใหญ่อยู่ในพื้นที่อำเภอสารภี อันเป็นพื้นที่ปลูกลำไยสำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ และยังเป็นผู้มีบทบาทโยงใยเกี่ยวเนื่องโดยตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงมีผู้คนและส่วนงานที่เกี่ยวข้องโยงใยอยู่ ไม่ว่าภาคราชการ เอกชนหรือบทบาทการเมือง นอกจากนั้น เมื่อมีข่าวสำคัญตามสื่อต่างๆ ในประเด็นการเมืองระดับชาติ มักจะมีการโยงใยเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอ
6.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้บริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้รับฉายา "ปลอด 3 ป." เนื่องจากตลอดทั้งปีได้มามีบทบาทเป็นคนในกระแสข่าวพื้นที่เชียงใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะโครงการสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่เปิดตัวในปีนี้ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับโลก และยังกำลังมีดำเนินอภิมหาโครงการยักษ์ต่อเนื่องในชื่อ "เชียงไหม่เวิลด์" อีกในปีหน้า
ฉายา ปลอด 3 ป. มาจาก อักษรย่อ ป.ปลา 3 คำคือ ป.-เปิบ เพราะเป็นผู้เสนอความคิดเมนูพิสดาร กินเนื้อสัตว์แปลก เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้ หมาท่าแร่ ฯลฯ, ป.-ปรับเปลี่ยน บริหารโครงการภายใต้การปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลที่เผยแพร่แต่ละครั้งไม่นิ่งและเกิดความสับสนในสังคมส่วนรวม และ ป.สุดท้าย คือ ปะฉะดะ คือไม่ว่าจะเป็นใครที่มีความเห็นแย้งหรือท้วงติง ปะหน้าหรือพบเจอเมื่อใดก็จะ "ฉะ" ตลอด เป็นคนฝีปากกล้า ชอบพูดท้าทาย
7. ส.ส.และ ส.ว.เชียงใหม่ ได้รับฉายา"ลิ่วล้อที่โลกลืม"เนื่องจาก แม้จะเป็นผู้แทนคนเชียงใหม่ก็จริง แต่ท่านทั้งหลายส่วนมาก ชาวบ้านแทบไม่รู้จักว่าคือผู้แทนของประชาชน จะเห็นหน้าในพื้นที่เมื่อนายมาและปัญหาเกิด มีพฤติกรรมชอบตามนาย เมื่อนำมาเป็นคำถามให้คนเชียงใหม่ตอบว่า ส.ว.มีใครบ้าง ส.ส.มีใครบ้างหลายคนยังไม่รู้ และหลายคนต้องใช้เวลานานกว่าจะคิดชื่อออก