“โอวัลติน” งัดแผนขยายไลน์สินค้าใหม่ อุดช่องว่างเครื่องดื่มสุขภาพแชร์ตลาด เปิดตัวสูตรไฮไนน์-ยูเอชที ขยายฐานกลุ่มครอบครัว- วัยรุ่น พร้อมปรับการสื่อสารใหม่วางโพซิชั่นนิ่งเครื่องดื่มครอบครัว ส่วนปีหน้าทุ่ม 400 ล้านบาทดันสินค้าแจ้งเกิด ตั้งเป้าปีจอกวาดแชร์ 75%
นายพงษกร พงษ์วัฒนาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟ เวอร์ เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม “โอวัลติน” เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันในช่วงที่ผ่านมานี้ รวมทั้งปีหน้านี้ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเครื่องดื่มมอลต์สกัดมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลากหลายประเภทมากขึ้น โดยปัจจุบันโอวัลตินมีทั้งคู่แข่งทางตรงเพียงรายเดียว คือ ไมโล มีส่วนแบ่ง 30% ขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งถึง 70%
ส่วนคู่แข่งทางอ้อม ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัด เช่น เครื่องดื่มธัญพืช นมพร้อมดื่ม ฯลฯ เริ่มเข้ามาแชร์ผู้ดื่มจากตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องทำตลาดในเชิงรุก ด้วยการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปสู่กลุ่มอื่นๆเพิ่มขึ้น จากเดิมกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มเด็ก เนื่องจากโอวัลตินอยู่ในตลาดมากว่า 70 ปี ผู้ดื่มส่วนใหญ่จะมีอายุหมดแล้ว อีกทั้งกลุ่มผู้ดื่มที่มีอายุ ความถี่ในการดื่มโอวัลตินจะเริ่มลดลง โดยสวิตช์หันไปดื่มเครื่องดื่มอื่นเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้น
ดังนั้นปีนี้บริษัทฯได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ โอวัลตินพร้อมดื่ม 3 รสชาติ จากเดิมที่มีเพียงโอวัลติน ออริจินัล ได้แก่ วานิลา เบอร์รี่ และฟรุ๊ตตี้ เพื่อสร้างพฤติกรรมการดื่มระหว่างมื้อวางกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น พร้อมกันนี้ช่วงกลางปีที่ผ่านมายังได้ปรับโอวัลตินชนิดชงออริจินัลมาเป็น“สูตรไฮไนน์” เพิ่มสารอาหาร 9ชนิด เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัว และได้รีลอนช์โอวัลติน สูตร ไวท์ มอลต์ ด้วยการพัฒนาสูตรใหม่โลว์แฟต จากเดิมเป็นสูตรที่มีส่วนผสมจากแคลเซียมและวิตามิน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงวัยทำงาน
ขณะเดียวกันยังตอกย้ำแคมเปญ “ของพลับขอสอง”ซึ่งเป็นแคมเปญที่เริ่มทำเมื่อปี 2546 เพื่อสร้างพฤติกรรมการดื่มโอวัลตินจากเดิมดื่มวันละครั้งตอนเช้า เป็น 2 ครั้งต่อวันโดยดื่มตอนเช้าและก่อนนอน ผ่านการสื่อสารโดยใช้พรีเซ็นเตอร์ น้องพลับ- จุฑทภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโต 12% ในปี 2546และปี47 ติดต่อกัน จากในช่วงปี 2545 ตลาดเติบโต 6-8% พร้อมกันนี้ยังได้ปรับการสื่อสารใหม่ วางโพซิชั่นนิ่ง “โอวัลติน”เป็นเครื่องดื่มสำหรับครอบครัว จากเดิมการสื่อสารที่ผ่านมาโอวัลตินจะเน้นสื่อแม่และเด็กเป็นหลัก
“ในช่วงที่ผ่านมาเราขยายไลน์โปรดักส์ใหม่ลงสู่ตลาด เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้เซเรบริตี้เป็นตัวกลางในการสื่อสารในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อย่าง น้องดาด้า สำหรับกลุ่มเด็กเล็ก น้องพลับและพี่สาวกลุ่มเด็กวัยรุ่น รวิช เทิดวงศ์ กลุ่มวัยทำงานอายุ 20-30 ปี และดวงดาวสำหรับกลุ่มพ่อแม่และครอบครัวโดยในปีนี้บริษัทฯใช้งบการตลาด ทั้งหมด 400 ล้านบาท”
สำหรับในปีหน้าบริษัทฯตั้งงบตลาด 400 ล้านบาท โดยเน้นโอวัลติน สูตรไฮไนน์และพร้อมดื่มเป็นหลัก และเน้นการทำตลาดควบคู่กับพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกัน ขณะที่ช่องทางจำหน่ายยังคงให้ความสำคัญกับทางโมเดิร์นเทรด 50% และเทรดิชันนัล 50% ขณะเดียวกันยังได้เตรียมพิจารณานำสินค้าที่บริษัทฯมีในตลาดต่างประเทศ เช่น กลุ่มกาแฟ เครื่องดื่มชอกโกแลต ทำตลาดในอนาคตอันใกล้
ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมูลค่า 3500 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 12% ส่วนปีนี้มีอัตราการเติบโต 20% โดยตลาดชนิดชงและพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันเป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องจากตลาดชนิดชงสัดส่วน 50% พฤติกรรมการดื่มจะนิยมดื่มในช่วงเช้า ส่วนตลาดพร้อมดื่มสัดส่วน 50% พฤติกรรมการดื่มจะดื่มระหว่างมื้อ
ผลประกอบการปีนี้มียอดขาย 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โอวัลติน 2,450 ล้านบาท และชาทวินนิ่ง 50-60 ล้านบาท โดยปัจจุบันโอวัลตินเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมีส่วนแบ่งตลาด 70% จากปีที่ผ่านมา 68% โดยมีอัตราการเติบในรูปแบบชง 18% และแบบพร้อมดื่ม 17% สำหรับในปีหน้าตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 75%
นายพงษกร พงษ์วัฒนาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟ เวอร์ เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม “โอวัลติน” เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันในช่วงที่ผ่านมานี้ รวมทั้งปีหน้านี้ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเครื่องดื่มมอลต์สกัดมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลากหลายประเภทมากขึ้น โดยปัจจุบันโอวัลตินมีทั้งคู่แข่งทางตรงเพียงรายเดียว คือ ไมโล มีส่วนแบ่ง 30% ขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งถึง 70%
ส่วนคู่แข่งทางอ้อม ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัด เช่น เครื่องดื่มธัญพืช นมพร้อมดื่ม ฯลฯ เริ่มเข้ามาแชร์ผู้ดื่มจากตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องทำตลาดในเชิงรุก ด้วยการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปสู่กลุ่มอื่นๆเพิ่มขึ้น จากเดิมกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มเด็ก เนื่องจากโอวัลตินอยู่ในตลาดมากว่า 70 ปี ผู้ดื่มส่วนใหญ่จะมีอายุหมดแล้ว อีกทั้งกลุ่มผู้ดื่มที่มีอายุ ความถี่ในการดื่มโอวัลตินจะเริ่มลดลง โดยสวิตช์หันไปดื่มเครื่องดื่มอื่นเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้น
ดังนั้นปีนี้บริษัทฯได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ โอวัลตินพร้อมดื่ม 3 รสชาติ จากเดิมที่มีเพียงโอวัลติน ออริจินัล ได้แก่ วานิลา เบอร์รี่ และฟรุ๊ตตี้ เพื่อสร้างพฤติกรรมการดื่มระหว่างมื้อวางกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น พร้อมกันนี้ช่วงกลางปีที่ผ่านมายังได้ปรับโอวัลตินชนิดชงออริจินัลมาเป็น“สูตรไฮไนน์” เพิ่มสารอาหาร 9ชนิด เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัว และได้รีลอนช์โอวัลติน สูตร ไวท์ มอลต์ ด้วยการพัฒนาสูตรใหม่โลว์แฟต จากเดิมเป็นสูตรที่มีส่วนผสมจากแคลเซียมและวิตามิน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงวัยทำงาน
ขณะเดียวกันยังตอกย้ำแคมเปญ “ของพลับขอสอง”ซึ่งเป็นแคมเปญที่เริ่มทำเมื่อปี 2546 เพื่อสร้างพฤติกรรมการดื่มโอวัลตินจากเดิมดื่มวันละครั้งตอนเช้า เป็น 2 ครั้งต่อวันโดยดื่มตอนเช้าและก่อนนอน ผ่านการสื่อสารโดยใช้พรีเซ็นเตอร์ น้องพลับ- จุฑทภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโต 12% ในปี 2546และปี47 ติดต่อกัน จากในช่วงปี 2545 ตลาดเติบโต 6-8% พร้อมกันนี้ยังได้ปรับการสื่อสารใหม่ วางโพซิชั่นนิ่ง “โอวัลติน”เป็นเครื่องดื่มสำหรับครอบครัว จากเดิมการสื่อสารที่ผ่านมาโอวัลตินจะเน้นสื่อแม่และเด็กเป็นหลัก
“ในช่วงที่ผ่านมาเราขยายไลน์โปรดักส์ใหม่ลงสู่ตลาด เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้เซเรบริตี้เป็นตัวกลางในการสื่อสารในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อย่าง น้องดาด้า สำหรับกลุ่มเด็กเล็ก น้องพลับและพี่สาวกลุ่มเด็กวัยรุ่น รวิช เทิดวงศ์ กลุ่มวัยทำงานอายุ 20-30 ปี และดวงดาวสำหรับกลุ่มพ่อแม่และครอบครัวโดยในปีนี้บริษัทฯใช้งบการตลาด ทั้งหมด 400 ล้านบาท”
สำหรับในปีหน้าบริษัทฯตั้งงบตลาด 400 ล้านบาท โดยเน้นโอวัลติน สูตรไฮไนน์และพร้อมดื่มเป็นหลัก และเน้นการทำตลาดควบคู่กับพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกัน ขณะที่ช่องทางจำหน่ายยังคงให้ความสำคัญกับทางโมเดิร์นเทรด 50% และเทรดิชันนัล 50% ขณะเดียวกันยังได้เตรียมพิจารณานำสินค้าที่บริษัทฯมีในตลาดต่างประเทศ เช่น กลุ่มกาแฟ เครื่องดื่มชอกโกแลต ทำตลาดในอนาคตอันใกล้
ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมูลค่า 3500 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 12% ส่วนปีนี้มีอัตราการเติบโต 20% โดยตลาดชนิดชงและพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันเป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องจากตลาดชนิดชงสัดส่วน 50% พฤติกรรมการดื่มจะนิยมดื่มในช่วงเช้า ส่วนตลาดพร้อมดื่มสัดส่วน 50% พฤติกรรมการดื่มจะดื่มระหว่างมื้อ
ผลประกอบการปีนี้มียอดขาย 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โอวัลติน 2,450 ล้านบาท และชาทวินนิ่ง 50-60 ล้านบาท โดยปัจจุบันโอวัลตินเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มมอลต์สกัดมีส่วนแบ่งตลาด 70% จากปีที่ผ่านมา 68% โดยมีอัตราการเติบในรูปแบบชง 18% และแบบพร้อมดื่ม 17% สำหรับในปีหน้าตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 75%