นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บอร์ด)บีโอไอ กล่าวในงานสัมมนา การสร้างไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และและเครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคและการปรับนโยบายและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน วานนี้(23 ธ.ค.) ว่า ขณะนี้บีโอไอได้ปรับสิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงการคลังก็ได้ปรับลดภาษีสำหรับอุตสาหกรรมดังกล่าวแล้วซึ่งจะทำให้ไทยสามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต(ฮับ)ในภูมิภาคอาเซียน
" จากการปรับสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ก็จะช่วยให้ตัวเลขการขอรับส่งเสริมลงทุนของบีโอไอในอีก 3 ปีข้างหน้าจะได้ถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้การลงทุนจะมีมากในส่วนของกลางน้ำและปลายน้ำ ดังนั้นต้องดึงการลงทุนในต้นน้ำให้ได้ ซึ่งช่วงม.ค.นี้จะเชิญประธานบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้เช่น ฮิตาชิ ซีเกท ฯลฯมาหารือว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรอีกหรือไม่"นายสมคิดกล่าว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2542- 2547 มีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาท ทำให้ไทยก้าวสู่การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสไดรท์เป็นอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน ดังนั้นในอนาคตอุตสาหกรรมนี้รัฐบาลไทยได้วางเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ฮับในเอเชียเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขณะนี้ไทยได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดเป็นยุทธศาสตร์เอาไว้แล้ว
" เราจะต้องทำให้อุตสาหกรรมนี้อยู่ได้ยั่งยืนไม่ได้ย้ายฐานไปประเทศนั้นประเทศนี้ และต้องทำให้มีการลงทุนไปถึงขั้นทำวิจัยและพัฒนาหรือ R&D โดยบีโอไอจะต้องดึงการลงทุนโดยมีประเทศเป้าหมายญี่ปุ่นและสหรัฐ ส่วนเกาหลีมีการลงทุนอยู่แล้ว"นายสุริยะกล่าว
อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศจีนได้รุกการส่งออกอย่างมาก และอุตสาหกรรมดังกล่าวของจีนมีศักยภาพจนทำให้สินค้าบางรายการเข้ามาดัมพ์ตลาดภายในประเทศจนเสียหาย ดังนั้นไทยจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ดังกล่าวเพื่อป้องกันปัญหาการถูกตีตลาดโดยเฉพาะสินค้าที่เน้นราคาต่ำซึ่งไทยจะไม่มุ่งเน้นการแข่งขันลักษณะนี้
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาครัฐควรส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยการยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศซึ่งขณะนี้เก็บอยู่สงถึง 72,000 บีทียูต่อยูนิตอัตรา 14%
" จากการปรับสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ก็จะช่วยให้ตัวเลขการขอรับส่งเสริมลงทุนของบีโอไอในอีก 3 ปีข้างหน้าจะได้ถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้การลงทุนจะมีมากในส่วนของกลางน้ำและปลายน้ำ ดังนั้นต้องดึงการลงทุนในต้นน้ำให้ได้ ซึ่งช่วงม.ค.นี้จะเชิญประธานบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้เช่น ฮิตาชิ ซีเกท ฯลฯมาหารือว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรอีกหรือไม่"นายสมคิดกล่าว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2542- 2547 มีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาท ทำให้ไทยก้าวสู่การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสไดรท์เป็นอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน ดังนั้นในอนาคตอุตสาหกรรมนี้รัฐบาลไทยได้วางเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ฮับในเอเชียเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขณะนี้ไทยได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดเป็นยุทธศาสตร์เอาไว้แล้ว
" เราจะต้องทำให้อุตสาหกรรมนี้อยู่ได้ยั่งยืนไม่ได้ย้ายฐานไปประเทศนั้นประเทศนี้ และต้องทำให้มีการลงทุนไปถึงขั้นทำวิจัยและพัฒนาหรือ R&D โดยบีโอไอจะต้องดึงการลงทุนโดยมีประเทศเป้าหมายญี่ปุ่นและสหรัฐ ส่วนเกาหลีมีการลงทุนอยู่แล้ว"นายสุริยะกล่าว
อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศจีนได้รุกการส่งออกอย่างมาก และอุตสาหกรรมดังกล่าวของจีนมีศักยภาพจนทำให้สินค้าบางรายการเข้ามาดัมพ์ตลาดภายในประเทศจนเสียหาย ดังนั้นไทยจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ดังกล่าวเพื่อป้องกันปัญหาการถูกตีตลาดโดยเฉพาะสินค้าที่เน้นราคาต่ำซึ่งไทยจะไม่มุ่งเน้นการแข่งขันลักษณะนี้
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาครัฐควรส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยการยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศซึ่งขณะนี้เก็บอยู่สงถึง 72,000 บีทียูต่อยูนิตอัตรา 14%