xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เสียชีวิต 800 ศพ รอกลับบ้าน ตร.งัดวีดีโอแฉ‘หมอพรทิพย์’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - เผยเหยื่อสึนามิกว่า 800 ศพยังไม่ได้กลับบ้าน ศูนย์ TTVIระบุเป็นต่างชาติ 70 ส่วนที่เหลือ730 ศพเป็นคนไทยและแรงงานต่างด้าว ด้านตำรวจเปิดศึกหมอพรทิพย์อีกยก เปิดซีดีแฉขั้นตอนการชันสูตรศพสึนามิทีมหมอไร้มาตรฐาน ปล่อยเด็กอายุ 14 ปี ทำหน้าที่ชันสูตรเพียงลำพัง ส่งศพผิดให้มิจฉาชีพแอบอ้างได้ ด้าน"หมอพรทิพย์" ลั่นหากผิดพร้อมให้จับ ย้ำ เวลา สถานการณ์ในขณะนั้น จำเป็นต้องทำ ขณะที่ “สุวัจน์” เสียงอ่อยไม่ได้มุ่งหวังคนร่วมงานรำลึกแค่จัดตามธรรมเนียม

สายของวันอาทิตย์ที่  26 ธันวาคม  2547   ณ.บริเวณริมชายหาดป่าตอง หาดกมลา จ.ภูเก็ต  ชายหาดเขาหลักตลอดไปจนถึงหาดบางเนียง และบ้านน้ำเค็ม  อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา  รวมทั้งบนชายหาดเกาะพีพี จ.กระบี่ และริมทะเลพื้นที่ฝั่งอันดามัน  คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งที่อยู่ในบริเวณโรงแรมและนอนอาบแดดอยู่หาดชาย รวมทั้งการใช้ชีวิตตามปกติของประชาชนตามริมชายฝั่ง   โดยไม่มีใครคาดฝัน และไม่ทันได้ตั้งตัว  มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิได้โถมเข้าใส่อย่างแรงพร้อมๆกับได้กวาดและคร่าชีวิตที่อยู่ริมทะเลไปในพริบตาถึง 5,395  ชีวิต

กว่า  1,500   ศพที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นคนใครมาจากไหนในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ    แต่มีกว่า 3,700 ศพ ที่ไม่สามารถระบุได้ต้องเข้าสู่ขบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล จากสภาพศพที่เน่าเปื่อยมากๆ  ไม่สามารถพิสูจน์ได้รูปพรรณสัญฐานแล้ว

ศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับ (TTVI)   ที่รับผิดชอบโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ที่มีศูนย์อยู่ที่สำนักงานปฏิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท ทศท.คอร์เปอร์ชั่น จำกัด ถ.เจ้าฟ้า อ.เมือง จ.ภูเก็ตรับศพผู้เสียชีวิตที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน  จาก จังหวัดภูเก็ต กระบี่  และพังงา  จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์  กระทรวงยุติธรรม   เมื่อเดือนมกราคม  2548 ที่ผ่านมา กว่า  3,700 ศพ เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน เป็นคนไทย นักท่องเที่ยวจากเอเชีย หรือนักท่องเที่ยวจากยุโรป

การทำงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล   ของศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับ ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ส่งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานด้านพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ทั้งหมด  35 ประเทศทั่วโลก มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานไม่ต่ำกว่า 2,000  คน   รวมทั้งรัฐบาลออสเตรเลียได้ให้การช่วยเหลือประเทศไทยในการจ้างบริษัทเอกชน “บริษัทแคนย่อน จำกัด” ดำเนินการในการจัดการขนส่งศพกลับประเทศทั้งหมด

พ.ต.อ.พระประเสริฐ   กาญจนรินทร์  ผู้กำกับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ในฐานะหัวหน้าฝ่ายอำนวยการร่วม ศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับ (TTVI)  เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน”  ว่า  การทำงานของศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับ เป็นเวลากว่า 11 เดือนจนถึงล่าสุด(7ธ.ค.) สามารถที่จะพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลให้ทราบว่าใครเป็นมาจากไหนไปแล้วกว่า 2,900 ศพ โดยการพิสูจน์ในส่วนของ ลายพิมพ์นิ้วมือประมาณ 1,500 ศพ   จากฟันประมาณ  800  ศพ   จากลักษณะภายนอก  8  ราย  จาก DNA  30  ราย การพิสูจน์ร่วมกันระหว่างลายพิมพ์นิ้วมือ ฟัน และ DNA  90 ศพ   ประมาณ  80%  ของศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดที่ต้องผ่านขบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล

“ขณะนี้มีศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิที่รอการพิสูจน์อีกประมาณ  800 กว่าศพ  ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีอยู่เป็นศพคนต่างชาติ  70 ศพ ที่เหลือประมาณ  730 ศพ เป็นศพของคนไทยและแรงงานต่างด้าวที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ”

โดยศพผู้เสียชีวิตทั้ง 800 ศพในขณะนี้ ได้เก็บรักษาไว้ในตู้คอนเทรนเนอร์ ในอุณหภูมิ –14 องศาเซสเซียส  ที่สุสานไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  ประมาณ  700 ศพ  และที่สุสานบางมะร่วน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงาอีกประมาณ  300 ศพ  โดยมีศพของผู้ที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นใครมาจากไหนอีกประมาณ 160  ศพ ที่รอการมารับศพของญาติรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะมีศพของแรงงานพม่าที่มีการพิสูจน์จากลายนิ้วมือได้แล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจุดนี้ได้มีการติดต่อประสานงานกับทางสถานทูตของพม่าในการรับศพแรงงานพม่า

พ.ต.อ.พระประเสริฐ เผยอีกว่า  ศพที่เหลือทั้งหมดจะต้องใช้การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยอาศัยการตรวจ  DNA ร่วมกับการตรวจด้านอื่นๆ ทั้งรายพิมพ์นิ้วมือ ฟัน  แต่พบปัญหาข้อมูลจากญาติผู้เสียชีวิตที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน  เพราะ มีข้อมูลจากญาติน้อยกว่าจำนวนศพผู้เสียชีวิต

“ที่ผ่านมาได้มีการอบรมและส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ในการหาข้อมูลจากญาติผู้เสียชีวิต แต่การดำเนินการค่อนข้างที่จะลำบาก เพราะญาติผู้เสียชีวิตอยู่กระจัดกระจายและบางครอบครัวมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด ทำให้ยากที่จะมีข้อมูลจากญาติมาเปรียบเทียบ”

พ.ต.อ.พระประเสริฐ  กล่าวอีกว่า  การพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิตทั้ง 800 กว่าศพนี้ไม่สามารถที่จะกำหนดระยะเวลาได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด แต่จะมีการประเมินผลทุกๆ 6 เดือน ณ.เวลานี้กำหนดไว้ที่ปลายปี 2549  หลังจากนั้นก็จะมีการประเมินอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไรก็ต่อไปกับศพผู้เสียชีวิตที่ยังเหลืออยู่ โดยทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบไปจนถึงกลางปี 2549   

สตช.แฉพิสูจน์ศพสึนามิไร้มาตรฐาน
"หมอพรทิพย์"ท้าดำเนินคดีหากทำผิด

วานนี้ (21 ธ.ค.) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจัดงานแถลงผลการปฏิบัติงานศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ แถลงข่าวภายใต้หัวข้อ “ทำความจริงให้ปรากฏ” เพื่อแก้ข้อครหาที่ผ่านมา ทั้งเรื่องไม่ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัย การเบิกจ่ายค่าผ่าพิสูจน์ศพสึนามิ ซึ่ง พล.ต.ท.อชิรวิทย์ ย้ำว่า สตช.จัดส่งกำลังกว่า 2,000 นาย ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดเหตุ และทำงานในลักษณะปิดทองหลังพระ ไม่ประชาสัมพันธ์หรือแถลงข่าว ทำให้ถูกกล่าวหาต่างๆ นานา

จากนั้นคณะทำงานได้ฉายวิดีทัศน์ เรื่อง “ทำความจริงให้ปรากฏ” เนื้อหาในซีดีตอนหนึ่งระบุมาตรฐานการชันสูตรศพที่วัดย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ในความรับผิดชอบของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไม่มีมาตรฐาน เช่น ใช้อาสาสมัครอายุ 14 ปี ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเพียงลำพังโดยไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพนักงานสอบสวนกำกับ ถือว่าขัดต่อกฎหมายการชันสูตรศพที่เสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ

อีกทั้งเอกสารใบชันสูตรศพก็ใช้กระดาษเปล่าขนาดเอ 4 โดยไม่มีแบบฟอร์มที่ถูกต้องให้กรอกรายละเอียด บางศพมีข้อความเพียง 2-3 บรรทัด แตกต่างกันตามความรู้และประสบการณ์ ก่อนประทับตราลงลายมือชื่อของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กำกับ ซึ่ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ถือว่าการชันสูตรสมบูรณ์ และส่งมอบให้ สตช. ซึ่ง สตช.เห็นว่าเป็นข้อมูลที่สูญเปล่า ไม่สามารถใช้อ้างอิงตามหลักสากลได้

“ ที่วัดย่านยาวยังเน้นตรวจพิสูจน์จากดีเอ็นเอที่มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ โครงสร้างฟัน ตามหลักสากล พอศพเน่าสลายจะทำให้ยากต่อการตรวจพิสูจน์ใหม่ ส่งผลให้การส่งมอบศพคืนญาติผิดจำนวนมาก และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการฟ้องร้อง”

นอกจากนี้ยังพบว่า การส่งศพผู้เสียชีวิตคืนญาติด้วยคำยืนยันเพียงแหวนวงเดียวที่ญาติเห็นติดอยู่ที่นิ้วศพ ภายหลังกลับพบว่าเป็นการมาแอบอ้างของมิจฉาชีพเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือจากทางราชการ และนำหลักฐานไปแสดงต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนหมายจับ แต่ศาลพบพิรุธ เนื่องจากผู้ตายนับถือศาสนาคริสต์ แต่กลับนำศพไปเผา จึงประสานตำรวจช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบก็พบว่าผู้เสียชีวิตไม่ตรงกับที่มิจฉาชีพมาสวมรอยแอบอ้าง เพราะผู้เสียชีวิตเป็นชาวจีน สัญชาติเยอรมัน

ในซีดียังระบุด้วยว่าการชันสูตรศพที่วัดย่านยาวของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญละเลยต่อมาตรฐานการชันสูตรพลิกศพ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปิดแถลงข่าววานนี้ไม่มีผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม และ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ มาร่วมแถลงข่าวตามคำเชิญ

**"หมอพรทิพย์"ท้าให้ดำเนินคดี

วันเดียวกันที่กระทรวงยุติธรรม พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ เปิดแถลงตอบโต้กรณีดังกล่าวว่า ว่า ไม่รู้สึกเครียด และไม่เสียกำลังใจที่มีข่าวเช่นนี้ออกมาในวันเกิด แต่จะถือเป็นบทเรียน หากมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยบอกว่า การตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะ เวลา และ สถานการณ์ในขณะนั้น ทำให้เกิดข้อจำกัดหลายอย่างในการปฏิบัติงาน และต้องเร่งรีบเพื่อให้สามารถตรวจพิสูจน์ศพให้ได้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องที่ระบุว่า การตรวจพิสูจน์นั้น ไม่มีแม้กระทั่งแพทย์นิติเวชร่วมตรวจสอบตามกฏหมาย ขอยืนยันว่า เรื่องสถานการณ์และเวลาในขณะนั้น ยากที่จะหาแพทย์นิติเวช ซึ่งในเมืองไทยมีอยู่เพียงไม่ถึง 60 คน มาช่วยงานได้อย่างเพียงพอ ซึ่งหากมองว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมาย ก็พร้อมที่จะถูกจับกุม และยอมรับโทษ ส่วนถ้าหากญาติของผู้เสียชีวิต ที่ได้รับศพผิดตัวจะฟ้องร้องดำเนินคดีก็สามารถทำได้

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ระบุว่า ไม่เข้าใจว่าการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงเรื่องนี้ ต้องการอะไร แต่อยากจะขอร้องว่าอย่าไปทำลายกำลังใจของอาสาสมัคร ที่เข้ามาช่วยทำงาน โดยเฉพาะการออกข่าวว่า มีเด็กอายุเพียง 14 ปี เข้ามาทำการผ่าพิสูจน์ศพ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม

"หากตำรวจ ไม่ชอบหมอ ก็ขอให้พุ่งเป้าโจมตีมาที่หมอคนเดียว กรุณาอย่าไปทำลายความมุ่งมั่น และกำลังใจของกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้ามาช่วยทำงานด้วยความเต็มใจ"พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว

รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กล่าวทิ้งท้ายว่า หากตนเองเป็นคนที่ชอบปกปิดหรือมีลับลมคมใน คงไม่มอบเอกสารการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดให้กับ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ และการที่ พล.ต.อ.นพดล ได้เอกสารการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวไป และนำออกมาแฉซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย และไม่สวยงามเท่าที่ควร

**"สุวัจน์"เสียงอ่อยโต้ตัวเลขแขกร่วมรำลึก

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานจัดงานครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ กล่าวตอบโต้กรณีตัวเลขของแขกที่มาร่วมงานรำลึกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้มีแขกมาเป็นจำนวนมาก แต่จัดงานตามธรรมเนียม ล่าสุดมีแขกต่างชาติ 1,359 คน แบ่งเป็นแขกวีไอพี 14 คน ญาติผู้เสียชีวิต 933 คน บาดเจ็บ 332 คน คณะทูตตานุทูต 80 คน ประเทศที่ตอบรับมาอันดับ 1 สวีเดน รองลงมาเป็นอังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมันและฝรั่งเศสตามลำดับ ที่เหลือเป็นแขกคนไทย 4,513 คน

ทั้งนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นมาให้ 300 ล้านบาท อยู่ที่พื้นฐานแขกมาร่วมงาน 5,000-6,000 คน ที่ได้มีการประเมินจากกระทรวงการต่างประเทศและมหาดไทย ฉะนั้นในการอนุมัติเบื้องต้นไม่ได้อยู่ที่พื้นฐานแขกมาทั้งหมด 15,000 คน และรับประกันว่า การจัดงานครั้งนี้ไม่เกิน 300 ล้านบาท แน่

** “น้องต้อม” พบนักบินฮีโร่ช่วยชีวิต

วานนี้(21 ธ.ค.) ที่ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพจิต อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กรมสุขภาพจิต ได้เชิญ นาวาโท เธนศ   ธีรชัยธัญญาศักด์  นักบินฝูงบิน 202 กองการบินทหารเรือ และ นาวาโท ศุกรี ทองทา นักบินกองการบินที่ 1 กองการบิน ทหารเรือ ที่ช่วยชีวิตเด็กชายปฎิวัติ คมกล้า หรือ ต้อม  อายุ 10 ปี ชั้น ป.5 โรเรียนคมนีย เขต  ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา ไว้เมื่อคราวที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ หลังจากที่ลอยคอกลางทะเลนาน 2 วัน มาพบกับน้องต้อมเป็นครั้งแรกตามที่น้องต้อมฝันเอาไว้ ซึ่งทันทีที่น้องต้อมได้พบกับนักบินทั้ง  2 นาย น้องต้อมได้โผเข้ากอดพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง ต่อมานาวาโท เธนศได้มอบของขวัญ และเครื่องหมายปีกนก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักบินให้กับน้องต้อม เพื่อเป็นกำลังใจ ส่วนน้องต้อมก็ได้มอบพวงมาลัยดอกไม้ขอบคุณนักบินที่ช่วยชีวิตไว้ด้วย  

นาวาโทเธนศ กล่าวว่า โดยส่วนตัวอยากมาพบน้องต้อมนานแล้ว แต่ติดภารกิจ ซึ่งทันทีที่ส่งน้องต้อมเข้าถึงฝั่ง ก็ต้องตระเวนหาผู้รอดชีวิต และผู้บาดเจ็บรายอื่นต่อ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากกรมสุขภาพจิตก็รีบรับปากมาทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น