เอบี ฟู้ดฯรุกตลาดชาชง “ทไวนิ่งส์” ในไทยหนักขึ้น หลังเปิดตลาดมา 3 ปี เตรียมงบตลาดปีหน้า 20 ล้านบาทอัดกิจกรรมทั้งปีและขยายช่องทางเข้าสู่แมสมากขึ้น เล็งเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น80% ภายใน 3 ปี ตั้งเป้ายอดรายได้ปีหน้าโต 30% ล่าสุดฉลองชา ทไวนิ่งส์ครบรอบ 300 ปีเปิดตัวชาใหม่และกิจกรรมต่อเนื่อง
นายพงษกร พงษ์วัฒนาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มชาร้อน ภายใต้แบรนด์ “ทไวนิ่งส์” จากอังกฤษ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า บริษัทฯเตรียมรุกตลาดในไทยเต็มรูปแบบ ภายใต้งบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีทั้งอโบฟ เดอะ ไลน์ และบีโลว์ เดอะ ไลน์ เพื่อต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์และการบริโภคชาไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งผู้ชายและผู้หญิงอายุ 25-45 ปี หรือคนที่ทำงานมีรายได้ปานกลางถึงสูง ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองลงมา เช่น ผู้ที่รักสุขภาพ เป็นต้น
ประกอบกับปีหน้า บริษัทฯมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น ท็อปส์ ,ฟู้ดส์ แลนด์ ฯลฯ ขณะที่ช่องทางทั่วไปยังไม่มีแผนเข้า ปัจจุบันสัดส่วนการขายมาจากโรงแรม คิดเป็นสัดส่วน 50% และช่องทางอื่นๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารชั้นนำ มีสัดส่วน 50% บริษัทฯตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 2-3 ปีนี้สัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนไปตามต่างประเทศ คือ ช่องทางแมสหรือซูเปอร์มาร์เก็ต 80% และโรงแรม 20%
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ชาทไวนิ่งส์มี 4 กลุ่ม ได้แก่ ชาดำ, ชาเขียว,ชาผลไม้ และเครื่องดื่มสมุนไพร โดยมีจำหน่าย 2 แบบทั้งประเภทกล่อง ราคา 150 บาท และกระป๋องราคา 212 บาท ซึ่งระดับราคาถือว่าแพงกว่าชาตามท้องตลาดทั่วไปถึง 3 เท่า
ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองที่ชา ทไวนิ่งส์ครบรอบ 300 ปี บริษัทฯจึงได้นำชาสูตร 300 ปีมาเปิดตัว รวมถึงยังมีการเปิดตัวชาใหม่ "วินเทจ ดาร์จีลิง" ภายใต้ “แคมเปญ ออฟ ทรี” ที่นำคุณสมบัติพิเศษมารวมกัน เช่น การคัดสรรขนาดใบชา เป็นต้น มีจำหน่ายชนิดกระป๋อง 100 กรัมและชนิดบรรจุในชุดของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่
บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ของชา ทไวนิ่งส์ปีนี้จะมีประมาณ 50 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 50% ซึ่งสินค้าที่ขายดีสุด เป็นกลุ่มชาดำ ส่วนปีหน้าคาดว่ายอดขายจะโต 30% จากการที่บริษัทฯทำตลาดมากขึ้นและขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดรวมของเครื่องดื่มชาชงในกลุ่มพรีเมียมปัจจุบันคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 100 ล้านบาท โดยทไวนิ่งส์เป็นผู้นำตลาด ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 50% ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆอีกกว่า 10 แบรนด์
นายพงษกร พงษ์วัฒนาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มชาร้อน ภายใต้แบรนด์ “ทไวนิ่งส์” จากอังกฤษ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า บริษัทฯเตรียมรุกตลาดในไทยเต็มรูปแบบ ภายใต้งบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีทั้งอโบฟ เดอะ ไลน์ และบีโลว์ เดอะ ไลน์ เพื่อต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์และการบริโภคชาไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งผู้ชายและผู้หญิงอายุ 25-45 ปี หรือคนที่ทำงานมีรายได้ปานกลางถึงสูง ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองลงมา เช่น ผู้ที่รักสุขภาพ เป็นต้น
ประกอบกับปีหน้า บริษัทฯมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น ท็อปส์ ,ฟู้ดส์ แลนด์ ฯลฯ ขณะที่ช่องทางทั่วไปยังไม่มีแผนเข้า ปัจจุบันสัดส่วนการขายมาจากโรงแรม คิดเป็นสัดส่วน 50% และช่องทางอื่นๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารชั้นนำ มีสัดส่วน 50% บริษัทฯตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 2-3 ปีนี้สัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนไปตามต่างประเทศ คือ ช่องทางแมสหรือซูเปอร์มาร์เก็ต 80% และโรงแรม 20%
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ชาทไวนิ่งส์มี 4 กลุ่ม ได้แก่ ชาดำ, ชาเขียว,ชาผลไม้ และเครื่องดื่มสมุนไพร โดยมีจำหน่าย 2 แบบทั้งประเภทกล่อง ราคา 150 บาท และกระป๋องราคา 212 บาท ซึ่งระดับราคาถือว่าแพงกว่าชาตามท้องตลาดทั่วไปถึง 3 เท่า
ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองที่ชา ทไวนิ่งส์ครบรอบ 300 ปี บริษัทฯจึงได้นำชาสูตร 300 ปีมาเปิดตัว รวมถึงยังมีการเปิดตัวชาใหม่ "วินเทจ ดาร์จีลิง" ภายใต้ “แคมเปญ ออฟ ทรี” ที่นำคุณสมบัติพิเศษมารวมกัน เช่น การคัดสรรขนาดใบชา เป็นต้น มีจำหน่ายชนิดกระป๋อง 100 กรัมและชนิดบรรจุในชุดของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่
บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ของชา ทไวนิ่งส์ปีนี้จะมีประมาณ 50 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 50% ซึ่งสินค้าที่ขายดีสุด เป็นกลุ่มชาดำ ส่วนปีหน้าคาดว่ายอดขายจะโต 30% จากการที่บริษัทฯทำตลาดมากขึ้นและขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดรวมของเครื่องดื่มชาชงในกลุ่มพรีเมียมปัจจุบันคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 100 ล้านบาท โดยทไวนิ่งส์เป็นผู้นำตลาด ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 50% ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆอีกกว่า 10 แบรนด์