xs
xsm
sm
md
lg

ยันคุกลับCIAในไทยที่โกดังฐานทัพอากาศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สื่อสหรัฐฯเผยรายละเอียด"คุกลับซีไอเอ"เพิ่มเติมระบุ โกดังร้างในฐานทัพอากาศของไทยคือที่ตั้งแห่งแรก ซึ่งใช้กักตัวแกนนำอัลกออิดะห์จากปากีสถาน พร้อมแฉวิธีทรมานเพื่อรีดเค้นข้อมูลสุดโหด ทั้งทำร้ายร่างกาย และจับถ่วงน้ำ ส่วนคุกลับแห่งสุดท้ายในยุโรป เพิ่งปิดตัวลงเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยตีแผ่เรื่องราวดังกล่าว

เอบีซีนิวส์ ของสหรัฐฯ รายงานในเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดตั้งระบบคุกลับของซีไอเอ ว่า สถานที่แห่งแรกซึ่งสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือซีไอเอ ใช้เป็นที่ตั้งคุกลับนอกดินแดนอเมริกา คือ โกดังเล็กๆ ซึ่งไม่ได้มีการใช้งานแล้วในฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ซีไอเอเริ่มใช้สถานที่ดังกล่าวเพื่อควบคุมตัว นายอาบู ซาเบย์ดาห์ แกนนำเครือข่ายอัลกออิดะห์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นตัวแทนในปากีสถานของนายอุซามะห์ บินลาดิน เมื่อเดือนมีนาคม 2545 หลังนายซูเบย์ดาห์ ถูกจับกุมตัวในปากีสถาน และได้รับการรักษาเยียวยาบาดแผลถูกยิงจนทุเลา ก่อนจะพาตัวมายังประเทศไทย เพื่อรีดเค้นข้อมูลเพิ่มเติม

แหล่งข่าวบอกกับเอบีซีนิวส์ว่า คุกลับซีไอเอในฐานทัพอากาศของไทย มีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดคอยตรวจตราความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีแพทย์ ซึ่งบินตรงมาจากสำนักงานใหญ่ซีไอเอในสหรัฐฯ คอยเฝ้าดูแลอาการบาดเจ็บของผู้ต้องหารายนี้ เพื่อความมั่นใจว่า นายซูเบย์ดาห์ จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม

แหล่งข่าวเผยต่อไปว่า ทันทีที่อาการของนายซูเบย์ดาห์หายดี เขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ซีไอเอทั้งตบ,กระชาก,บังคับให้ยืนในห้องขังอันเย็นยะเยือกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และในที่สุด เขาได้ถูกใส่กุญแจมือ,จับมัดขา และจุ่มศีรษะลงในถังน้ำ จนกระทั่งผู้ต้องหาร้องขอความเมตตา และยอมให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ

รายงานล่าสุดของเอบีซีนิวส์ ถือเป็นการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวในคดีคุกลับซีไอเอ ซึ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้เปิดประเด็นไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงการมีอยู่ของคุกลับดังกล่าวในประเทศไทย,อัฟกานิสถาน และหลายชาติในยุโรปตะวันออก ทว่า ทางการไทย และหลายประเทศในยุโรป ได้ออกมาปฏิเสธรายงานชิ้นนี้อย่างทันควัน

อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติเจ้าของคุกลับดังกล่าว ยังคงปิดปากเงียบไม่ยืนยัน หรือปฏิเสธรายงานของวอชิงตันโพสต์ โดยล่าสุด นางสาวคอนโดลิซซา ไรซ์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงก่อนออกเดินทางเยือนยุโรป เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า อเมริกาไม่เคยใช้วิธีทรมานนักโทษ "ไม่ว่ากรณีใดๆ" พร้อมกันนั้น เธอยังกล่าวปกป้องการเคลื่อนย้ายสถานที่สอบปากคำผู้ต้องสงสัยด้วยถ้อยคำที่ระมัดระวัง แต่ยังคงไม่เอ่ยถึงข้อกล่าวหาเรื่องคุกลับซีไอเออย่างตรงไปตรงมา

ถ้อยแถลงของ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากกรุงวอชิงตัน ถูกชาติยุโรปหลายประเทศกดดันอย่างหนักให้ชี้แจงเรื่องปฏิบัติการลับของซีไอเอ หลังสื่อมวลชนท้องถิ่นในยุโรปพากันขุดคุ้ยจนพบว่า นอกจากคุกลับแล้ว ซีไอเอยังมักแอบใช้สนามบินหลายแห่งในยุโรป เป็นที่ลงจอดเครื่องบินเพื่อขนย้ายผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ซึ่งเป็นกิจกรรมละเอียดอ่อน ที่อาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

เอบีซีนิวส์ อ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอทั้งในอดีต และปัจจุบันว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซีไอเอเพิ่งขนย้ายนักโทษผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำอัลกออิดะห์ 11 คน จากคุกลับ 2 แห่งในยุโรปตะวันออก เดินทางไปควบคุมตัวยังสถานกักกันแห่งใหม่กลางทะเลทรายในเขตแอฟริกาเหนือ

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเคลื่อนย้ายนักโทษครั้งนี้มีขึ้นอย่างเร่งรีบ ทั้งนี้ เพื่อเคลียร์คุกลับดังกล่าวหลังความลับรั่วไหลสู่สื่อมวลชน และเพื่อเป็นการปกปิดสถานที่คุมขัง ก่อนนางสาวไรซ์จะเดินทางเยือนยุโรปในสัปดาห์นี้

จากรายงานของเอบีซีนิวส์ ระบุว่า นักโทษระดับแกนนำอัลกออิดะห์ 8 คน และรายอื่นๆอีก 3 คน ถูกควบคุมตัวเป็นระยะเวลาหนึ่ง ที่ฐานทัพอากาศของอดีตสหภาพโซเวียตในยุโรปตะวันออก และในเวลาต่อมา นักโทษบางคนก็ได้ถูกย้ายไปคุมขังต่อยังประเทศที่สอง ซึ่งกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมน ไรต์ วอชต์"เชื่อว่า ชาติยุโรปทั้งสองแห่งน่าจะเป็นโปแลนด์ และโรมาเนีย แต่ทั้งสองชาติก็ได้ออกมาปฏิเสธ

บรรดาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังกล่าวกับเอบีซีนิวส์ว่า สาเหตุที่ล่าสุด นางสาวไรซ์กล้าออกมาแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯไม่เคยทรมานนักโทษ อาจเป็นเพราะเธออ้างถึง "เทคนิกการสอบปากคำแบบเข้มข้น"ซึ่งรวมถึงการรบกวนการนอนหลับ และจับนักโทษถ่วงน้ำ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดีอเมริกาแล้วว่าไม่เข้าข่ายการทารุณกรรม

เอบีซีนิวส์อ้างว่า เทคนิกนี้ถูกนำมาใช้ในการสอบปากคำสมาชิกอัลกออิดะห์เป็นประจำ โดยแรมซี บิน อัล-ไชบาห์ ผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 เป็นนักโทษตัวเอ้เพียงรายเดียวที่ไม่เคยถูกจับถ่วงน้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากเขายอมให้ความร่วมมือกับซีไอเอโดยดี หลังได้เห็นคาหลิด ชีค โมฮัมเหม็ด ผู้บงการโจมตีสหรัฐฯครั้งนั้น ถูกทรมานด้วยวิธีดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น