สุริยุตม์ กลางเที่ยง
หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า กระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสช.)มิชอบด้วยกฎหมาย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ประกาศชัดว่า ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะไม่ยื่นอุทธรณ์ โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหากสช.ไปพิจารณาดำเนินการเอง ในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย
ขณะที่ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาขานรับทันทีว่า จะใช้วิธีแก้กฎหมายมาตรา 80 ของพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)เข้ามาดูแลกิจการของกสช.แทน และได้ทำการยกร่าง แก้ไขมาตรา 80 ไว้เรียบร้อยแล้ว
ท่าทีของรัฐบาลเช่นนี้ ได้ก่อกระแสคัดค้านและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายๆฝ่ายว่า รัฐบาลกำลังมีแผนจะฮุบกระบวนการจัดสรรคลื่น ทั้งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระมาไว้ในมือ เพื่อเอื้อต่อธุรกิจของคนในรัฐบาลและพวกพ้อง
ทั้งนี้เพราะมีแผนที่จะออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3 จี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ มาแทนระบบ 2 จี ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยช่วงที่ผ่านมา กทช.ได้จัดทำร่างระเบียบทดลองบริการโทรคมนาคม มี 2 บริษัท ขอทดลองใช้บริการระบบ 3 จี คือ บริษัทเอสไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ชินคอร์ป และบริษัท ฟลอคอม ของสหรัฐอเมริกา และมีการตั้งเป้าไว้ว่าเดือนมีนาคมปีหน้า จะออกใบอนุญาตให้ได้
ความแตกต่างของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี กับ 2 จี ก็คือ ระบบ 3 จี สามารถให้บริการได้หลากหลายกว่า ความเร็วสูงกว่า จะใช้ดูหนัง ฟังเพลง ส่งภาพ ส่งข้อความ ขณะพูดโทรศัพท์ก็สามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้ และใช้ท่องโลกไซเบอร์ได้เหมือนคอมพิวเตอร์ เรียกง่ายๆว่า มีลูกเล่นมากกว่าระบบ 2 จี ที่มีแค่เสียง กับการส่งข้อความเป็นหลัก
เมื่อระบบ 3 จีมีลูกเล่นมากกว่า ช่องทางในการดูดเงินจากกระเป๋าผู้ใช้บริการก็มีมากกว่า
คุณสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ได้เปรียบคลื่นโทรศัพท์ระบบ 3 จี ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า หากมีการอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายใด ก็จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบรายนั้นๆ อย่างมหาศาล อย่างเช่นที่ประเทศฝรั่งเศส มีผู้ให้บริการ 4 ราย ในแต่ละปีมีรายได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท ในเยอรมันมีผู้ให้บริการ 6 รายรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่อังกฤษมีผู้ให้บริการ 5 รายมีรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ถ้าเปรียบเป็นอสังหาริมทรัพย์ ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ดินย่านสาทร สีสม
ขุมทรัพย์ 3 จีนี่เองที่กลุ่มชินคอร์ป ต้องการที่จะฮุบไว้ก่อนที่จะมีการเปิดเสรีโทรคมนาคม เพราะถ้าหากเปิดเสรีไปแล้ว ก็จะกลายเป็นว่า มีผู้ประกอบกิจการรายใหม่เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้นอีก
ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีมีมติไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด หลังศาลปกครองกลาง ชี้ว่ากระบวนการสรรหาคณะกรรมการ กสช.มิชอบ และยังไม่แก้ไข มาตรา 80 ของพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่นั้น เป็นเพียงกลยุทธ์ การแสร้งถอย เพื่อรอจังหวะรุกเท่านั้น
กสช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระบวนการสรรหา กสช.ก็จะต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องการแก้ไขมาตรา 80 เพื่อโอนอำนาจกสช.ไปให้กทช.ก็จะกลับมาอีกครั้ง ด้วยข้ออ้างเดิมคือต้องรีบจัดสรรคลื่นความถี่ของวิทยุชุมชน จัดระเบียบเคเบิลท้องถิ่น หรือถ้ามีคนพูดถึงเรื่อง 3 จีกันมาก ก็จะอ้างว่า ต้องเร่งออกใบอนุญาตเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิรูปการศึกษา พัฒนาประเทศ
ตัดแปะข้างฝาไว้ได้เลยว่า การโฮนอำนาจ กสช.ไปให้กทช.จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า กระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสช.)มิชอบด้วยกฎหมาย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ประกาศชัดว่า ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะไม่ยื่นอุทธรณ์ โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหากสช.ไปพิจารณาดำเนินการเอง ในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย
ขณะที่ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาขานรับทันทีว่า จะใช้วิธีแก้กฎหมายมาตรา 80 ของพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)เข้ามาดูแลกิจการของกสช.แทน และได้ทำการยกร่าง แก้ไขมาตรา 80 ไว้เรียบร้อยแล้ว
ท่าทีของรัฐบาลเช่นนี้ ได้ก่อกระแสคัดค้านและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายๆฝ่ายว่า รัฐบาลกำลังมีแผนจะฮุบกระบวนการจัดสรรคลื่น ทั้งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระมาไว้ในมือ เพื่อเอื้อต่อธุรกิจของคนในรัฐบาลและพวกพ้อง
ทั้งนี้เพราะมีแผนที่จะออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3 จี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ มาแทนระบบ 2 จี ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยช่วงที่ผ่านมา กทช.ได้จัดทำร่างระเบียบทดลองบริการโทรคมนาคม มี 2 บริษัท ขอทดลองใช้บริการระบบ 3 จี คือ บริษัทเอสไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ชินคอร์ป และบริษัท ฟลอคอม ของสหรัฐอเมริกา และมีการตั้งเป้าไว้ว่าเดือนมีนาคมปีหน้า จะออกใบอนุญาตให้ได้
ความแตกต่างของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี กับ 2 จี ก็คือ ระบบ 3 จี สามารถให้บริการได้หลากหลายกว่า ความเร็วสูงกว่า จะใช้ดูหนัง ฟังเพลง ส่งภาพ ส่งข้อความ ขณะพูดโทรศัพท์ก็สามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้ และใช้ท่องโลกไซเบอร์ได้เหมือนคอมพิวเตอร์ เรียกง่ายๆว่า มีลูกเล่นมากกว่าระบบ 2 จี ที่มีแค่เสียง กับการส่งข้อความเป็นหลัก
เมื่อระบบ 3 จีมีลูกเล่นมากกว่า ช่องทางในการดูดเงินจากกระเป๋าผู้ใช้บริการก็มีมากกว่า
คุณสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ได้เปรียบคลื่นโทรศัพท์ระบบ 3 จี ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า หากมีการอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายใด ก็จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบรายนั้นๆ อย่างมหาศาล อย่างเช่นที่ประเทศฝรั่งเศส มีผู้ให้บริการ 4 ราย ในแต่ละปีมีรายได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท ในเยอรมันมีผู้ให้บริการ 6 รายรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่อังกฤษมีผู้ให้บริการ 5 รายมีรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ถ้าเปรียบเป็นอสังหาริมทรัพย์ ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ดินย่านสาทร สีสม
ขุมทรัพย์ 3 จีนี่เองที่กลุ่มชินคอร์ป ต้องการที่จะฮุบไว้ก่อนที่จะมีการเปิดเสรีโทรคมนาคม เพราะถ้าหากเปิดเสรีไปแล้ว ก็จะกลายเป็นว่า มีผู้ประกอบกิจการรายใหม่เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้นอีก
ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีมีมติไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด หลังศาลปกครองกลาง ชี้ว่ากระบวนการสรรหาคณะกรรมการ กสช.มิชอบ และยังไม่แก้ไข มาตรา 80 ของพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่นั้น เป็นเพียงกลยุทธ์ การแสร้งถอย เพื่อรอจังหวะรุกเท่านั้น
กสช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระบวนการสรรหา กสช.ก็จะต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องการแก้ไขมาตรา 80 เพื่อโอนอำนาจกสช.ไปให้กทช.ก็จะกลับมาอีกครั้ง ด้วยข้ออ้างเดิมคือต้องรีบจัดสรรคลื่นความถี่ของวิทยุชุมชน จัดระเบียบเคเบิลท้องถิ่น หรือถ้ามีคนพูดถึงเรื่อง 3 จีกันมาก ก็จะอ้างว่า ต้องเร่งออกใบอนุญาตเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิรูปการศึกษา พัฒนาประเทศ
ตัดแปะข้างฝาไว้ได้เลยว่า การโฮนอำนาจ กสช.ไปให้กทช.จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้